การตั้งราคาและการเผยแพร่แอป
เมื่อใช้ Play Console คุณจะกำหนดให้แอปเป็นแบบต้องซื้อหรือฟรีได้ เลือกประเทศที่แอปพร้อมให้บริการ รวมถึงเลือกเผยแพร่แอปไปยังอุปกรณ์และโปรแกรม Android เพิ่มเติมได้
หมายเหตุ: หลังจากที่คุณเผยแพร่แอปหรือการอัปเดต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงราคา การเพิ่ม SKU หรือการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าการจัดจำหน่ายแอป อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าการเปลี่ยนแปลงจะแสดงใน Google Play
กำหนดให้แอปเป็นแบบฟรีหรือต้องซื้อ
- ไปที่ Play Console
- เลือกแอป
- เลือกการแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store > การกำหนดราคาและการจัดจำหน่าย
- ข้าง "แอปพลิเคชันนี้เป็นแบบ" ให้เลือกฟรีหรือต้องซื้อ
- หมายเหตุ: ผู้ใช้ในประเทศส่วนใหญ่ดาวน์โหลดแอปที่ต้องซื้อและทำการซื้อในแอปได้ ดูแอปและผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้ซื้อได้จากรายการช่วงราคาและสกุลเงินที่ได้รับอนุญาตตามประเทศ
เปลี่ยนแปลงการเลือกเป็นแบบฟรีหรือต้องซื้อของแอป
- คุณเปลี่ยนแอปจากต้องซื้อเป็นฟรีได้
- เมื่อคุณเสนอแอปเป็นแบบฟรีแล้ว จะเปลี่ยนเป็นต้องซื้อไม่ได้ หากคุณต้องการเรียกเก็บเงินค่าแอป คุณต้องสร้างแอปใหม่ที่มีชื่อแพ็กเกจใหม่และกำหนดราคา
ป้อนราคา
เมื่อคุณนำเสนอแอปที่ต้องซื้อและไอเทมที่ซื้อในแอปใน Google Play คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
หมายเหตุ: หากคุณไม่ได้จัดจำหน่ายแอปที่ต้องซื้อหรือรายการในแอปในประเทศที่คุณป้อนราคาไว้ ผู้ใช้จะเข้าถึงแอปหรือรายการนั้นไม่ได้
แอปที่ต้องซื้อหากต้องการตั้งราคาสำหรับแอปที่ต้องซื้อ
- ตั้งค่าโปรไฟล์การชำระเงิน คุณจะต้องใช้ Play Console เพื่อระบุอัตราภาษี
- ตรวจสอบรายการสกุลเงินและช่วงราคาที่ได้รับอนุญาตตามประเทศ
- ป้อนราคาในหน้าการกำหนดราคาและการเผยแพร่ใน Play Console
- เราจะใช้ราคาที่คุณป้อนเป็นหลักในการคำนวณราคาเฉพาะตลาด เราจะแปลงราคาเป็นสกุลเงินท้องถิ่น ใส่ภาษี (ในบางประเทศ) พร้อมทั้งใช้รูปแบบการกำหนดราคาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น และอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกต้องในวันที่คุณกำหนดราคาแอป คุณรีเฟรชราคาด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบว่าราคาท้องถิ่นคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดได้
- ราคาที่คุณป้อนจะใช้กับทุกประเทศที่ระบบยังไม่รองรับสกุลเงินท้องถิ่นในกรณีนี้ ระบบจะสร้างราคาเป็น USD หรือ EUR โดยอิงจากราคาที่ป้อน
- มีการกำหนดสกุลเงินที่ใช้ในแต่ละประเทศและจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
หากต้องการตั้งราคาสำหรับรายการที่ซื้อในแอป ให้ดูวิธีจัดการการเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอป
ดูหรืออัปเดตราคาท้องถิ่น
แอปที่ต้องซื้อใช้ราคาท้องถิ่นเริ่มต้น
- ในหน้าการกำหนดราคาและการจัดจำหน่าย ให้เลือกประเทศหรือทำเครื่องหมายในช่อง "เลือกทุกประเทศ"
- ในคอลัมน์ "ราคา" ให้ตรวจสอบราคาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ
- ราคาท้องถิ่นใช้อัตราแลกเปลี่ยนของวันนี้ และรูปแบบการกำหนดราคาของแต่ละประเทศ
- ประเทศที่ระบบยังไม่รองรับสกุลเงินท้องถิ่นจะใช้ราคาในสกุลเงินเริ่มต้นที่คุณป้อนไว้แทน
อัปเดตราคาท้องถิ่นเริ่มต้น
หากต้องการอัปเดตราคาท้องถิ่นเพื่อใช้อัตราแลกเปลี่ยนของวันนี้ และรูปแบบการกำหนดราคาของแต่ละประเทศ ให้ทำดังนี้
- ทำเครื่องหมายข้างประเทศที่คุณต้องการอัปเดต
- เลือกรีเฟรชอัตราแลกเปลี่ยน
หากต้องการตั้งราคาท้องถิ่นของคุณเอง ให้ทำดังนี้
- เลือกแก้ไขข้างประเทศที่คุณต้องการอัปเดต
- พิมพ์ราคาที่ต้องการ
- เลือกใช้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ไปที่ขายแอปในสกุลเงินต่างๆ
หากต้องการตั้งราคาสำหรับรายการที่ซื้อในแอป ให้ดูวิธีจัดการการเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอป
ใช้ราคาเดียวกันหลายรายการ
คุณใช้เทมเพลตการกำหนดราคาเพื่อใช้หรือจัดการราคาชุดเดียวกันสำหรับแอปที่ต้องซื้อและผลิตภัณฑ์ที่ซื้อในแอปหลายรายการได้ หากคุณอัปเดตเทมเพลตการกำหนดราคา ทุกรายการที่ลิงก์กับเทมเพลตจะใช้ราคาล่าสุดของเทมเพลต
คุณใช้เทมเพลตการกำหนดราคาที่แตกต่างกันได้สูงสุด 100 แบบต่อบัญชีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และลิงก์รายการกับเทมเพลตการกำหนดราคาแต่ละแบบได้สูงสุด 1,000 รายการ
ข้อกำหนดเกี่ยวกับสิทธิ์การใช้เทมเพลตการกำหนดราคา- คุณต้องมีสิทธิ์ "แก้ไขข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store การกำหนดราคา และการเผยแพร่" ของแต่ละแอปที่ต้องการรวมไว้ในเทมเพลตการกำหนดราคา
- หากต้องการดูแอปทั้งหมดที่รวมอยู่ในเทมเพลตการกำหนดราคา คุณต้องมีสิทธิ์ "ดูข้อมูลแอป" สำหรับแต่ละแอป
- หากคุณแก้ไขเทมเพลตที่สร้างไว้ไม่ได้ โปรดตรวจสอบว่ามีผู้เพิ่มแอปลงในเทมเพลตที่คุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงหรือไม่
- ไปที่ Play Console
- เลือกการตั้งค่า
> เทมเพลตการกำหนดราคา > เทมเพลตการกำหนดราคาใหม่
- ตั้งชื่อเทมเพลต
- ป้อนราคา เราจะใช้ราคาที่คุณป้อนเป็นหลักในการคำนวณราคาเฉพาะตลาด เราจะแปลงราคาเป็นสกุลเงินท้องถิ่น ใส่ภาษี (ในบางประเทศ) พร้อมทั้งใช้รูปแบบการกำหนดราคาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น และอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกต้องในวันที่คุณกำหนดราคาแอป คุณรีเฟรชราคาด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบว่าราคาท้องถิ่นคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดได้
- ราคาที่คุณป้อนจะใช้กับทุกประเทศที่ระบบยังไม่รองรับสกุลเงินท้องถิ่น
- เลือกว่าคุณต้องการรวมภาษีในราคาที่ป้อนหรือไม่
- ราคารวมภาษีที่เกี่ยวข้อง: หากราคาเริ่มต้นคือ 9.99 EUR และคุณต้องการให้ราคาในตลาด EU ทั้งหมดเป็น 9.99 EUR (ไม่ว่าอัตราภาษีของแต่ละประเทศจะเป็นแบบไหน) ให้ใช้ตัวเลือกนี้
- เพิ่มภาษีที่เกี่ยวข้องต่อจากราคา: ภาษีจะเพิ่มต่อจากราคาของคุณโดยค่าเริ่มต้น กล่าวคือเราจะใช้ราคาเริ่มต้นของคุณที่ 9.99 EUR และเพิ่มอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ
- ตรวจสอบราคาท้องถิ่น
- เลือกสร้างเทมเพลต
- ไปที่แท็บรายการที่ลิงก์
- ในหัวข้อ "ลิงก์ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อในแอป" และ "ลิงก์แอปที่ต้องซื้อ" ให้เลือกชื่อแอป หากคุณลิงก์กับผลิตภัณฑ์ที่ซื้อในแอป ให้เลือกจากรายการผลิตภัณฑ์ที่ซื้อในแอปสำหรับแอปนั้น
- เลือกลิงก์ เมื่อลิงก์รายการเสร็จสมบูรณ์แล้ว รายการนั้นจะปรากฏใต้หัวข้อ "รายการที่ลิงก์"
หลังจากสร้างเทมเพลตการกำหนดราคาแล้ว คุณจะอัปเดตราคาท้องถิ่นเพื่อใช้อัตราแลกเปลี่ยนของวันนี้ และรูปแบบการกำหนดราคาของแต่ละประเทศได้
- ไปที่ Play Console
- เลือกการตั้งค่า
> เทมเพลตการกำหนดราคา
- เลือกเทมเพลตการกำหนดราคา
- ในคอลัมน์ "ประเทศ" ให้เลือกช่องข้างประเทศที่คุณต้องการรีเฟรช
- ที่ด้านบนของส่วน "ราคาท้องถิ่น" ให้เลือกรีเฟรชอัตราแลกเปลี่ยน
- หากปุ่มรีเฟรชอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสีเทา ให้ตรวจสอบว่าคุณเลือกประเทศแล้วอย่างน้อย 1 ประเทศ
- เลือกบันทึก
- ไปที่ Play Console
- เลือกการตั้งค่า
> เทมเพลตการกำหนดราคา
- เลือกเทมเพลตแล้วไปที่แท็บรายการที่ลิงก์
- เลือกยกเลิกการลิงก์ข้างรายการที่คุณต้องการนำออก
หมายเหตุ: คุณจะยกเลิกการลิงก์รายการที่ลดราคาอยู่ไม่ได้ คุณจะต้องหยุดการลดราคา หรือรอจนการลดราคาสิ้นสุดลง ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงเทมเพลตได้
สร้างการลดราคาหรือโปรโมชัน
คุณเสนอให้ใช้แอปได้ฟรีหรือมอบส่วนลดชั่วคราวได้ 2-3 วิธีโดยใช้ Play Console
- เสนอส่วนลดสำหรับแอปที่ต้องซื้อ: ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สร้างการลดราคาสำหรับแอปที่ต้องซื้อ
- มอบแอปที่ต้องซื้อหรือไอเทมที่ซื้อในแอปให้ผู้ใช้ฟรีด้วยรหัสโปรโมชัน: ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สร้างโปรโมชัน
การเผยแพร่ในประเทศต่างๆ
หากต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการประเทศที่พร้อมให้บริการแอปเวอร์ชันที่ใช้งานจริงรวมถึงเวอร์ชันอัลฟ่าและเบต้า ให้ไปที่เผยแพร่รุ่นต่างๆ ของแอปไปยังประเทศที่ต้องการ
เลือกการตั้งค่าการเผยแพร่
หากแอปของคุณมีคุณฟีเจอร์สำหรับอุปกรณ์ Android อื่นๆ หรือมีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมอื่นๆ ได้ คุณเลือกที่จะเผยแพร่แอปไปยังอุปกรณ์และ/หรือโปรแกรมเหล่านี้ได้
ไอคอนอุปกรณ์และโปรแกรม
ที่บริเวณด้านบนของหน้าการกำหนดราคาและการเผยแพร่ของแอป คุณจะเห็นไอคอนแสดงการใช้งานของอุปกรณ์และโปรแกรมที่กำลังเผยแพร่แอปของคุณอยู่ หากต้องการดูวิธีเผยแพร่แอปไปยังอุปกรณ์หรือโปรแกรม ให้คลิกไอคอนใดไอคอนหนึ่ง
สำหรับอุปกรณ์และโปรแกรมบางรายการ คุณอาจเห็นไอคอนสถานะต่อไปนี้
- แอปอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
- แอปมีปัญหาหรือถูกปฏิเสธ
หากแอปของคุณมีฟีเจอร์ Wear OS by Google คุณเลือกใช้ให้แอปรวมอยู่ในคอลเล็กชัน Wear OS บน Google Play ได้
ก่อนที่คุณจะเลือกใช้คุณจะต้องอัปโหลดภาพหน้าจอ Wear OS เมื่อเลือกใช้และเผยแพร่แอปแล้ว ทีมของเราจะตรวจสอบแอปเพื่อให้มั่นใจว่าแอปนั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพของแอป Wear OS
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเผยแพร่แอปไปยัง Wear OS by Google
หากต้องการเผยแพร่แอปสำหรับ Android TV คุณจะต้องเพิ่มเจตนารมณ์ในการเปิด Leanback ในแอปและอัปโหลดรูปภาพแบนเนอร์ TV และภาพหน้าจอ
ทีมงานของเราจะตรวจสอบแอปเพื่อดูความสามารถในการใช้งานร่วมกับ DPAD (สำหรับแอป) และเกมแพด (สำหรับเกมเท่านั้น) และหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพอื่นๆ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเผยแพร่แอปไปยัง Android TV
ก่อนที่จะเผยแพร่แอปไปยัง Android Auto คุณจะต้องยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Android Auto ที่อยู่ในหน้าการกำหนดราคาและการเผยแพร่ หลังจากยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขแล้ว คุณจะอัปโหลดแอปที่เปิดใช้งานกับ Android Autoได้
แอปของคุณจะได้รับการตรวจสอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์สิ่งรบกวนผู้ขับขี่ แอปหรือการอัปเดตแอปจะไม่เผยแพร่ไปยัง Google Play จนกว่าแอปจะได้รับการอนุมัติ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเผยแพร่แอปไปยัง Android Auto
นำแอปออกจากการเผยแพร่ใน Android Auto
หากต้องการนำแอปออกจากการเผยแพร่ใน Android Auto ให้นำรายการไฟล์ Manifest สำหรับ Auto ออกจาก APK และส่งการอัปเดต
หากคุณสร้างแอป Virtual Reality แบบสแตนด์อโลน คุณสามารถเลือกที่จะรับสิทธิ์เข้าร่วม Daydream ได้ เมื่อแอปได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วม Daydream ผู้ใช้ Daydream จะสามารถค้นพบแอปบน Google Play ได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังช่วยให้แอปปรากฏใน Play Store VR ด้วย
ข้อกำหนดและการมีสิทธิ์เข้าร่วม
ก่อนขอรับสิทธิ์ คุณจำเป็นต้อง:
- อัปโหลด Daydream APK ที่ถูกต้อง ซึ่งประกอบด้วย:
- Intent ของ Daydream
- แท็ก uses-feature สำหรับโหมด VR
- แท็ก uses-feature สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพสูง
- ไอคอน Daydream และพื้นหลังไอคอนในไฟล์ Manifest
- สร้างภาพสามมิติ 360 องศา
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปของคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การเข้าร่วม Daydream
ขอรับสิทธิ์
- ลงชื่อเข้าใช้ Play Console
- เลือกแอป
- จากเมนูทางซ้าย ให้คลิกการแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store > ข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store
- ใต้ "เนื้อหากราฟิก" ให้ไปที่แท็บ โทรศัพท์
- หากต้องการอัปโหลดภาพ ให้คลิกเพิ่มภาพสามมิติ 360 องศา
- เมื่อคุณอัปโหลดภาพแล้ว ให้ไปที่หน้าการกำหนดราคาและการจัดจำหน่าย
- ไปที่ "เผยแพร่แอปบน Daydream" และทำเครื่องหมายหน้าช่องนั้น
- เลือกความเร็วของการเคลื่อนไหว หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ Google VR
- บันทึกการเปลี่ยนแปลง เมื่อส่งข้อมูลแล้ว แอปจะได้รับการตรวจสอบสิทธิ์เพื่อเข้าร่วม Daydream
เลิกรับสิทธิ์
หากต้องการเลิกเข้าร่วม Daydream ให้ทำดังนี้
- ลงชื่อเข้าใช้ Play Console
- เลือกแอป
- จากเมนูด้านซ้าย ให้เลือกการแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store > การกำหนดราคาและการจัดจำหน่าย
- ไปที่ "เผยแพร่แอปบน Daydream" และยกเลิกการเลือกช่องนั้น
หากคุณเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา และต้องการเผยแพร่แอปที่ต้องซื้อใน Managed Google Play คุณเผยแพร่แอปให้ลูกค้าซื้อแบบเป็นจำนวนมากได้ รวมถึงการเผยแพร่ให้อุปกรณ์ที่ใช้ Managed Google Play
หากต้องการเข้าร่วม ให้อ่านข้อกำหนดในการให้บริการอย่างละเอียด คุณจะต้องยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ จึงจะจัดจำหน่ายแอปของคุณทาง Managed Google Play ได้
หมายเหตุ: หากแอปของคุณเป็นแอปฟรีก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม อุปกรณ์ที่ใช้ Managed Google Play จะใช้แอปฟรีได้โดยอัตโนมัติ
คุณควรประกาศว่าแอปมีโฆษณาหรือไม่ (เช่น โฆษณาที่แสดงผ่านเครือข่ายโฆษณาของบุคคลที่สาม โฆษณาแบบดิสเพลย์ โฆษณาเนทีฟ และ/หรือโฆษณาแบนเนอร์) ในหน้าเนื้อหาแอปของแอป แอปที่มีโฆษณาจะมีป้ายกำกับ "มีโฆษณา" แสดงในหน้าข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store
หมายเหตุ: ป้ายกำกับ "มีโฆษณา" ไม่ได้หมายรวมถึงว่าแอปมีเนื้อหาด้านการค้าประเภทอื่นหรือไม่ เช่น การแสดงผลิตภัณฑ์แบบชำระเงินหรือข้อเสนอพิเศษให้ทำการซื้อในแอปหรือการอัปเกรด หากแอปของคุณมีการแสดงผลิตภัณฑ์แบบชำระเงิน โปรดตรวจสอบว่าแอปเป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่น
ตัวอย่าง
ต่อไปนี้คือตัวอย่างการใช้โฆษณาที่คุณควรตอบว่า "ใช่" เพื่อยอมรับว่ามีโฆษณาตามจุดประสงค์ของป้ายกำกับ "มีโฆษณา" ตัวอย่างเหล่านี้ไม่ใช่รายการที่ครอบคลุมทั้งหมด แต่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่พิจารณาจากประเภทโฆษณาโดยทั่วไป
- แบนเนอร์และโฆษณาคั่นระหว่างหน้า: แอปของฉันรวมเข้ากับ SDK โฆษณาเพื่อแสดงแบนเนอร์และ/หรือโฆษณาคั่นระหว่างหน้า ฉันใช้รูปแบบโฆษณาดังกล่าวเพื่อสร้างรายได้ และ/หรือโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือแอปของตนเอง
- โฆษณาเนทีฟ: แอปของฉันมีโฆษณาเนทีฟ ซึ่งแยกจากเนื้อหาอื่นไม่ได้ (เช่น บทความที่ได้รับการสนับสนุน โฆษณาที่อยู่ในฟีด และอื่นๆ)
- โฆษณาเฮาส์แอ็ด: แอปของฉันแสดงแบนเนอร์ขนาดเล็ก โฆษณาคั่นระหว่างหน้า กำแพงโฆษณา และ/หรือวิดเจ็ตเพื่อโปรโมตแอปอื่นๆ ของฉัน
คุณควรตอบว่า "ไม่" เพื่อปฏิเสธว่าไม่มีโฆษณาตามจุดประสงค์ของป้ายกำกับ "มีโฆษณา" ต่อเมื่อคุณเพียงโปรโมตแอปประเภทอื่นๆ ของคุณหลายช่องทางด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- แอปแสดงส่วน "แอปเพิ่มเติม"* ในเมนูหลักที่นำผู้ใช้ไปที่แอปอื่นๆ ของคุณ
- ตัวเลือก "แอปเพิ่มเติม"* ที่ไม่ได้แทรกแซงการเล่นเกม
- ตัวเลือก "แอปเพิ่มเติม"* ไม่ได้สร้างความสับสนแก่ผู้ใช้โดยการฝังตัวลงในการเล่นเกม
*ลักษณะคล้ายกันที่ยอมรับได้อื่นๆ สำหรับ "แอปเพิ่มเติม" รวมถึง เกมเพิ่มเติม สำรวจเพิ่มเติม เวอร์ชันสมบูรณ์ เพิ่มเติม เกี่ยวกับเรา หรือไอคอนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของคุณ
การตรวจสอบเพิ่มเติม
แม้ว่าคุณจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งการมีอยู่ของโฆษณาในแอปให้ถูกต้อง Google อาจตรวจสอบได้ทุกเมื่อและแสดงป้ายกำกับ "มีโฆษณา" ตามความเหมาะสม
หากคุณคิดว่าระบบของเราติดป้ายกำกับแอปของคุณอย่างไม่เหมาะสม โปรดติดต่อทีมสนับสนุนเพื่อรับความช่วยเหลือ
การบังคับใช้
หากคุณสื่อให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับการมีอยู่ของโฆษณาในแอป จะถือว่าเป็นการละเมิดนโยบายของ Google Play และอาจส่งผลให้แอปถูกระงับ
เผยแพร่แอปนอก Google Play
การเผยแพร่แอปผ่าน Google Play นั้นเป็นการดำเนินการที่ไม่จำกัดเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าคุณเลือกที่จะเผยแพร่แอปผ่านช่องอื่นได้เช่นกัน โปรดอย่าลืมว่าเวอร์ชันที่เผยแพร่ใน Google Play ต้องสอดคล้องกับนโยบายทั้งหมดของ Google Play
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- ดูวิธีเผยแพร่แอปโดยใช้การเผยแพร่แบบมาตรฐานหรือตามกำหนดเวลา
- อ่านแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและเลือกวิธีที่เหมาะสมในการสร้างรายได้จากแอป
- หากคุณใช้ Google Play for Work หรือโดเมน G Suite ให้ดูวิธีเผยแพร่แอปในองค์กร