ตัวอย่าง: การใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิด

ตัวอย่างนโยบาย (มีผลตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2024)

บทความนี้จะแสดงตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงจากการปรับปรุงนโยบายในเดือนตุลาคม 2023

เรากำลังจะเพิ่มตัวอย่างใหม่ลงในนโยบายการใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิดเพื่อระบุว่าเราไม่อนุญาตให้แอปใช้สิทธิ์ Intent แบบเต็มหน้าจอเพื่อบังคับให้ผู้ใช้โต้ตอบกับโฆษณาหรือการแจ้งเตือนที่รบกวนผู้ใช้

ดูบทความปัจจุบันเรื่อง "การใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิด" ได้ที่หน้านี้

เราไม่อนุญาตแอปที่แทรกแซง ก่อกวน สร้างความเสียหาย หรือเข้าถึงอุปกรณ์ของผู้ใช้ในลักษณะที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์อื่นๆ, เซิร์ฟเวอร์, เครือข่าย, Application Programming Interface (API) หรือบริการต่างๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์นั้น, บริการใดๆ ของ Google หรือเครือข่ายผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต

แอปใน Google Play ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเริ่มต้นของ Android ที่บันทึกไว้ในหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพที่สำคัญของแอปสำหรับ Google Play

แอปที่เผยแพร่ผ่าน Google Play ต้องไม่แก้ไข แทนที่ หรืออัปเดตตัวเองโดยใช้วิธีการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกลไกการอัปเดตของ Google Play และในทำนองเดียวกัน แอปต้องไม่ดาวน์โหลดโค้ดสั่งการ (เช่น ไฟล์ dex, JAR, .so) จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ Google Play ข้อจำกัดนี้ไม่ใช้กับโค้ดที่ทำงานในเครื่องเสมือนหรืออินเตอร์พรีเตอร์ที่ให้สิทธิ์โดยอ้อมในการเข้าถึง Android API (เช่น JavaScript ใน WebView หรือเบราว์เซอร์) 

แอปหรือโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่ใช้ภาษาที่แปลโดยอินเตอร์พรีเตอร์แล้ว (JavaScript, Python, Lua เป็นต้น) ซึ่งโหลดขณะรันไทม์ (เพราะไม่ได้รวมเป็นแพ็กเกจกับแอป เป็นต้น) ต้องไม่อนุญาตให้มีการละเมิดนโยบายของ Google Play

เราไม่อนุญาตโค้ดที่แนะนำหรือใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมปรับปรุงความปลอดภัยของแอปเพื่อดูปัญหาด้านความปลอดภัยล่าสุดที่แจ้งไปยังนักพัฒนาแอป

ตัวอย่างการละเมิดด้านการใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิด

  • แอปที่บล็อกหรือแทรกแซงแอปอื่นซึ่งแสดงโฆษณา
  • แอปโกงการเล่นเกมที่ส่งผลกระทบต่อการเล่นเกมของแอปอื่นๆ
  • แอปที่สนับสนุนหรือแสดงวิธีการแฮ็กบริการ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรือหลบเลี่ยงการรักษาความปลอดภัย
  • แอปที่เข้าถึงหรือใช้บริการหรือ API ในลักษณะที่ละเมิดข้อกำหนดในการให้บริการ
  • แอปที่ไม่มีสิทธิ์ในการอนุญาตและพยายามข้ามการจัดการพลังงานของระบบ
  • แอปที่อำนวยความสะดวกด้านบริการพร็อกซีให้แก่บุคคลที่สามอาจทำเช่นนั้นได้ในแอปก็ต่อเมื่อบริการดังกล่าวเป็นจุดประสงค์หลักของแอปที่แสดงต่อผู้ใช้ในแอป
  • แอปหรือโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่ดาวน์โหลดโค้ดสั่งการ เช่น ไฟล์ dex หรือโค้ดแบบเนทีฟ จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ Google Play
  • แอปที่ติดตั้งแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์โดยไม่ได้รับคำยินยอมจากผู้ใช้ล่วงหน้า
  • แอปที่อำนวยความสะดวกหรือลิงก์ไปยังการเผยแพร่หรือการติดตั้งซอฟต์แวร์อันตราย
  • แอปหรือโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่มี WebView ซึ่งเพิ่มอินเทอร์เฟซของ JavaScript ที่โหลดเนื้อหาเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ (เช่น URL ที่ขึ้นต้นด้วย http://) หรือ URL ที่ไม่ได้รับการยืนยันซึ่งได้จากแหล่งที่มาซึ่งไม่น่าเชื่อถือ (เช่น URL ที่ได้มาด้วย Intent ที่ไม่น่าเชื่อถือ)
  • แอปที่ใช้สิทธิ์ Intent เต็มหน้าจอเพื่อบังคับให้ผู้ใช้โต้ตอบกับโฆษณาหรือการแจ้งเตือนที่รบกวนผู้ใช้

 

การใช้บริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้า

สิทธิ์สำหรับบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าทำให้การใช้งานบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าซึ่งแสดงต่อผู้ใช้มีความเหมาะสม สำหรับแอปที่กำหนดเป้าหมายเป็น Android 14 ขึ้นไป คุณต้องระบุประเภทบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าที่ถูกต้องสำหรับแต่ละบริการที่ใช้งานในแอป รวมถึงประกาศสิทธิ์บริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าที่เหมาะสมกับประเภทดังกล่าวด้วย ตัวอย่างเช่น หากกรณีการใช้งานของแอปต้องใช้ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ คุณต้องประกาศสิทธิ์ FOREGROUND_SERVICE_LOCATION ในไฟล์ Manifest ของแอป

แอปจะได้รับอนุญาตให้ประกาศสิทธิ์บริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าเฉพาะในการใช้งานต่อไปนี้

  • ให้บริการฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้และเกี่ยวข้องกับฟังก์ชันหลักของแอป
  • เริ่มต้นโดยผู้ใช้หรือผู้ใช้มองเห็นได้ (เช่น เสียงจากเพลง แคสต์สื่อไปยังอุปกรณ์อื่น การแจ้งเตือนผู้ใช้ที่ชัดเจนและแม่นยำ การส่งคำขอถึงผู้ใช้เพื่ออัปโหลดรูปภาพไปยังระบบคลาวด์)
  • ผู้ใช้ตัดหรือหยุดการทำงานได้
  • หากถูกขัดจังหวะหรือเลื่อนการทำงาน จะก่อให้เกิดประสบการณ์ของผู้ใช้ในเชิงลบหรือทำให้ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้คาดหวังทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ (เช่น การโทรศัพท์ต้องเริ่มทำงานทันทีโดยที่ระบบไม่สามารถเลื่อนการทำงานได้)
  • ทำงานเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์

กรณีการใช้งานบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นจากเกณฑ์ข้างต้น

ดูคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าได้ที่นี่

 

งานการโอนข้อมูลที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้

แอปจะได้รับอนุญาตให้ใช้ API งานการโอนข้อมูลที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้เฉพาะในกรณีการใช้งานที่

  • เริ่มต้นโดยผู้ใช้
  • ใช้สำหรับงานการโอนข้อมูลเครือข่าย
  • ทำงานเท่าที่จำเป็นต่อการถ่ายโอนข้อมูลให้เสร็จสมบูรณ์

ดูคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน API การโอนข้อมูลที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้ได้ที่นี่

 

ข้อกำหนดของ Flag Secure

FLAG_SECURE เป็นแฟล็กการแสดงผลที่ประกาศในโค้ดของแอปเพื่อระบุว่า UI ของแอปมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งมีไว้สำหรับแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยขณะใช้แอปเท่านั้น แฟล็กนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลปรากฏในภาพหน้าจอหรือดูได้ในจอแสดงผลที่ไม่ปลอดภัย นักพัฒนาแอปจะประกาศแฟล็กนี้ เมื่อไม่ควรเผยแพร่ ดู หรือส่งเนื้อหาของแอปออกจากตัวแอปหรืออุปกรณ์ของผู้ใช้

เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แอปทั้งหมดที่เผยแพร่ใน Google Play จะต้องเคารพการประกาศ FLAG_SECURE ของแอปอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าแอปต้องไม่อำนวยความสะดวกหรือสร้างวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อข้ามการตั้งค่า FLAG_SECURE ในแอปอื่นๆ

แอปที่มีคุณสมบัติเป็นเครื่องมือช่วยเหลือพิเศษจะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดนี้ ตราบใดที่แอปไม่ส่ง บันทึก หรือแคชเนื้อหาที่ได้รับการคุ้มครองโดย FLAG_SECURE สำหรับการเข้าถึงนอกอุปกรณ์ของผู้ใช้

 

แอปที่เรียกใช้คอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์

แอปคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ให้สภาพแวดล้อมที่จำลองระบบปฏิบัติการ Android ทั้งหมดหรือบางส่วนที่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์การใช้งานภายในสภาพแวดล้อมเหล่านี้อาจไม่แสดงถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยชุดเต็มของ Android ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้นักพัฒนาแอปสามารถเลือกเพิ่ม Flag ไฟล์ Manifest ของสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเพื่อสื่อสารกับคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ว่าต้องไม่มีการปฏิบัติการในสภาพแวดล้อม Android แบบจำลอง

Flag ไฟล์ Manifest ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

REQUIRE_SECURE_ENV เป็น Flag ที่สามารถประกาศไว้ในไฟล์ Manifest ของแอปเพื่อระบุว่าแอปนี้ต้องไม่ทำงานในแอปคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แอปที่ให้บริการคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ต้องไม่ฝ่าฝืน Flag นี้ของแอปใดก็ตามที่มีการประกาศไว้ และ
  • ตรวจสอบ Flag นี้ในไฟล์ Manifest ของแอปต่างๆ ที่มีจุดประสงค์ที่จะโหลดในคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ของแอป
  • ไม่โหลดแอปที่ประกาศ Flag นี้ในคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ของแอป
  • ไม่ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีโดยการสกัดกั้นหรือเรียกใช้ API ในอุปกรณ์ เพื่อให้ดูเหมือนว่ามีการติดตั้งไว้ในคอนเทนเนอร์
  • ไม่อำนวยความสะดวกหรือสร้างวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเพื่อหลีกเลี่ยง Flag (เช่น การโหลดแอปเวอร์ชันเก่าเพื่อหลีกเลี่ยง Flag REQUIRE_SECURE_ENV ของแอปปัจจุบัน)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
2270341215387946691
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
92637
false
false