ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2024 เป็นต้นไป นักพัฒนาแอปที่เสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับผู้ใช้ใน EEA ต้องใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น โปรดดูรายละเอียดด้านล่างและไปที่คู่มือการผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นเพื่อเริ่มต้นใช้งาน
เราพยายามที่จะปฏิบัติตามกฎหมายตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act หรือ DMA) ซึ่งผ่านร่างกฎหมายไปเมื่อเร็วๆ นี้ เราจึงอนุญาตให้นักพัฒนาแอปที่ไม่ใช่แอปเล่นเกมซึ่งขายเนื้อหาหรือบริการดิจิทัลสามารถเสนอระบบการเรียกเก็บเงินอื่นให้แก่ผู้ใช้ในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) เพิ่มเติมจากระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เราจะเรียกเก็บค่าบริการซึ่งช่วยสนับสนุนการลงทุนใน Play และ Android ต่อไปและนักพัฒนาแอปจะต้องชำระค่าบริการที่เกี่ยวข้องให้ Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในบล็อกโพสต์
การมีสิทธิ์
คุณสมบัติในการเข้าร่วมโปรแกรมมีดังต่อไปนี้
- แอปต้องไม่ใช่แอปเล่นเกม
- นักพัฒนาแอปต้องเป็นธุรกิจที่จดทะเบียน
ข้อกำหนด
นักพัฒนาแอปที่เข้าร่วมโปรแกรมต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
- เสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นให้แก่ผู้ใช้ในประเทศ EEA เท่านั้น
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดการปกป้องผู้ใช้ที่เหมาะสม
- เสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นภายในแอปเท่านั้น
- ต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลในอุตสาหกรรมบัตรสำหรับชำระเงิน (PCI-DSS) (หากจัดการกับข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต)
- ให้การสนับสนุนลูกค้าสำหรับผู้ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น (ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ขายโดยใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น) และระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นดังกล่าวต้องมีขั้นตอนให้โต้แย้งธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ชำระค่าบริการที่เกี่ยวข้องให้แก่ Google เมื่อผู้บริโภคซื้อผ่านระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแแบบไม่ให้ผู้ใช้ตัดสินใจ ค่าบริการมาตรฐานที่นักพัฒนาแอปจะต้องชำระจะลดลง 3%
- ผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนในการใช้ข้อกำหนดและการรายงานเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้ นักพัฒนาแอปที่ยังไม่พร้อมผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นจะมีตัวเลือกในการแสดงหน้าจอข้อมูลและรายงานธุรกรรมด้วยตนเองได้จนถึงวันที่ 13 มีนาคม 2024
- ก่อนที่จะผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น นักพัฒนาแอปต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ประสบการณ์ของผู้ใช้ฉบับชั่วคราวของเรา เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องกันและช่วยให้ผู้ใช้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
- โปรดแจ้งให้เราทราบล่วงหน้าหากจะทำการเปลี่ยนแปลงกับการตั้งค่าการลงทะเบียนแอป เช่น การปิดหรือเปิดใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจในแอปหรือตลาดใดๆ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีส่งการเปลี่ยนแปลงในคำถามที่พบบ่อย
โปรดทราบว่าคุณสมบัติและข้อกําหนดต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
การผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น
หากต้องการเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นและจะใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นนับตั้งแต่วันที่ที่คุณเสนอ คุณต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อ่านข้อกำหนดในหน้านี้เพื่อระบุว่าแอปของคุณเป็นไปตามเกณฑ์การมีสิทธิ์หรือไม่
- กรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงิน ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ และทำตามขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานที่จำเป็นเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมผ่านทีมสนับสนุนของ Google (เช่น ตั้งค่าโปรไฟล์การชำระเงินตามที่จำเป็น)
- ผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นตามที่อธิบายไว้ในคู่มือการผสานรวม API นี้
- จัดการการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นใน Play Console เพื่อเลือกใช้/ไม่ใช้สำหรับแต่ละแอป อัปโหลดโลโก้วิธีการชำระเงิน และ URL การจัดการการสมัครใช้บริการ
- รายงานธุรกรรมที่ได้รับอนุญาตทั้งหมดจากผู้ใช้ใน EEA ไปยัง Google Play ภายใน 24 ชั่วโมงโดยใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น
- สำหรับการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ซึ่งเริ่มต้นขณะที่คุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยไม่ใช้การทำงานอัตโนมัติ คุณจะต้องย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการเหล่านี้ผ่าน ExternalTransactions API ก่อนที่จะรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำผ่าน API การย้ายข้อมูลแบบครั้งเดียวนี้ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2024 ซึ่งเป็นกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คำถามที่พบบ่อย
หากเข้าร่วมโปรแกรมอยู่แล้วและจะเปลี่ยนไปใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ให้ข้ามขั้นตอนที่ 1 และ 2 ด้านบน เมื่อทำตามขั้นตอนที่อธิบายไว้ข้างต้นเสร็จสมบูรณ์แล้วและเริ่มรายงานธุรกรรมโดยใช้ API คุณไม่จำเป็นต้องส่งธุรกรรมด้วยตนเองอีกต่อไป
การผสานรวมแบบไม่ใช้การทำงานอัตโนมัติ
หากต้องการเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่น แต่ยังไม่พร้อมผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อลงทะเบียนด้วยตนเอง
- อ่านข้อกำหนดในหน้านี้เพื่อระบุว่าแอปของคุณเป็นไปตามเกณฑ์การมีสิทธิ์หรือไม่
- กรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงิน ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ และทำตามขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานที่จำเป็นเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมผ่านทีมสนับสนุนของ Google (เช่น ตั้งค่าโปรไฟล์การชำระเงินตามที่จำเป็น)
- ระบุแอปและตลาดที่มีสิทธิ์ซึ่งคุณจะนำเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่น โดยใช้แบบฟอร์มลงทะเบียนที่คุณจะได้รับทางอีเมลหลังจากที่กรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงินเรียบร้อยแล้ว
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามที่อธิบายไว้ในหน้านี้
- รับผิดชอบและรายงานให้ Google Play ทราบเกี่ยวกับจำนวนเงินของธุรกรรมการชำระเงินทั้งหมดจากระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการแจ้งหนี้ โดยจะมีการแจ้งนักพัฒนาแอปที่กรอกแบบฟอร์มประกาศและเข้าร่วมโปรแกรมเรียบร้อยแล้วให้ทราบวิธีการรายงานรายเดือน
- ก่อนถึงวันครบกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล ให้ผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ซึ่งเริ่มต้นขณะที่คุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่ใช้การทำงานอัตโนมัติ และอัปเดตการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นใน Play Console เมื่อย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่และเริ่มรายงานธุรกรรมโดยใช้ API แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องส่งธุรกรรมด้วยตนเองอีกต่อไป การย้ายข้อมูลแบบครั้งเดียวนี้ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2024 ซึ่งเป็นกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คำถามที่พบบ่อย
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของเราที่นี่
คำถามที่พบบ่อย
เขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ประกอบด้วยประเทศใดบ้างGoogle จะไม่นำออกหรือปฏิเสธ (หรือปฏิเสธการอัปเดตของ) แอปที่ไม่ใช่แอปเล่นเกมจากนักพัฒนาแอปที่เข้าร่วมโปรแกรมเนื่องจากเสนอการเรียกเก็บเงินทางเลือกให้แก่ผู้ใช้ใน EEA โดยคุณยังคงต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ต่อไปสำหรับแอปและเกมที่จัดจำหน่ายผ่าน Play ให้แก่ผู้ใช้นอก EEA และเกมที่จัดจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ใน EEA
หากแอปเป็นไปตามเกณฑ์การมีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมและข้อกำหนดอื่นๆ คุณต้องกรอกแบบฟอร์มประกาศให้เรียบร้อยและส่งอัปเดตแอป โปรดทราบว่าเราอาจใช้เวลาสักระยะในการประมวลผลแอปพลิเคชันของคุณ หากไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมโปรแกรม คุณจะต้องอัปเดตแอปให้เป็นไปตามนโยบายการชำระเงินของ Google Play และส่งแอปอีกครั้ง
เราคาดว่าจะให้นักพัฒนาแอปเล่นเกมเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นให้แก่ผู้ใช้ใน EEA ได้ก่อนวันที่มีผลของ DMA
หากคุณต้องการเสนอระบบการเรียกเก็บเงินทางเลือกควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ให้ลงทะเบียนในการนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจเพื่อเสนอตัวเลือกให้ผู้ใช้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมการนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจที่นี่
ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นไป คุณจะสามารถรายงานธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นและต้องรายงานภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการชำระเงินได้รับอนุมัติ API เหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในการรายงานให้แก่นักพัฒนาแอป และทำให้ธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแสดงในอันดับสูงสุดของ Google Play ด้วย
หากยังไม่ได้ผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณจะรายงานธุรกรรมด้วยตนเองได้จนถึงวันที่ 13 มีนาคม 2024 หากรายงานด้วยตนเอง คุณจะต้องรายงานจำนวนเงินของธุรกรรมการชำระเงินด้วยตนเองเดือนละครั้งภายในวันทำการที่ 5 ของแต่ละเดือน เช่น รายงานสำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 จะต้องส่งภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2023 เมื่อกรอกแบบฟอร์มประกาศเรียบร้อยแล้ว เราจะตรวจสอบข้อมูลและส่งวิธีการรายงานธุรกรรมการชำระเงิน ตลอดจนประเภทการชำระเงินที่คุณต้องนำส่งค่าบริการและภาษีที่เกี่ยวข้องไปให้คุณ
คุณสามารถใช้ระบบการเรียกเก็บเงินทางเลือกสำหรับเนื้อหาและบริการดิจิทัล เช่น การซื้อในแอปและการสมัครใช้บริการในแอปที่ไม่ใช่แอปเล่นเกม
ค่าบริการของ Google Play ไม่ได้เป็นเพียงค่าธรรมเนียมในการประมวลผลการชำระเงิน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ Android และ Play มีให้ ตลอดจนช่วยให้เราลงทุนใน Android และ Google Play ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดเป็นฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้และนักพัฒนาแอปที่ทุกคนต้องการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าบริการได้ที่บทความนี้
ใช่ โปรแกรมนี้อนุญาตให้นักพัฒนาแอปใช้การชำระเงินบนเว็บเป็นวิธีการชำระเงินทางเลือกใน WebView ที่ฝังไว้ในแอป และเช่นเดียวกับวิธีการชำระเงินทางเลือกอื่นๆ วิธีการชำระเงินเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของโปรแกรมที่ระบุไว้ในหน้านี้ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดทั้งหมดด้านความเชื่อมั่นของผู้ใช้และความปลอดภัย ตลอดจนค่าบริการ
ไม่ โปรแกรมนี้เป็นแบบเลือกเข้าร่วม หากคุณไม่ต้องการเสนอระบบการเรียกเก็บเงินทางเลือกนอกเหนือจากระบบของ Google Play ให้แก่ผู้ใช้ใน EEA ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ
หากคุณสมัครเข้าร่วมโปรแกรม EEA ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2022 และต้องการเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นให้แก่ผู้ใช้ควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play คุณจะต้องส่งแบบฟอร์มประกาศอีกครั้งเพื่อลงทะเบียนในโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ
หากคุณสมัครเข้าร่วมโปรแกรม EEA หลังวันที่ 1 กันยายน 2022 คุณไม่จำเป็นต้องส่งแบบฟอร์มประกาศอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องแจ้งให้เราทราบด้วยการส่งแบบฟอร์มลงทะเบียนของแพ็กเกจแอปที่อัปเดตแล้ว ไม่ว่าคุณจะเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจสำหรับแต่ละประเทศใน EEA หรือไม่ก็ตาม
หากคุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นด้วยระบบอัตโนมัติ การผสานรวมและใช้ API ฝั่งไคลเอ็นต์จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ โดยตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2023 นักพัฒนาแอปทุกรายที่เข้าร่วมจะต้องผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นเพื่อแสดงผลหน้าจอข้อมูลและรายงานธุรกรรม
หากยังไม่พร้อมผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณจะต้องใช้หลักเกณฑ์ด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ชั่วคราวด้วยตนเอง
หากคุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่อัตโนมัติ คุณจะต้องส่งแบบฟอร์มการลงทะเบียนแพ็กเกจแอปที่อัปเดตใหม่ หากเปลี่ยนข้อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในตลาดสำหรับแพ็กเกจแอปหนึ่งๆ โปรดทราบว่าการอัปเดตทั้งหมดจะมีผลในวันแรกของเดือนถัดไปตามเวลาสากลเชิงพิกัด (UTC) ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงค่าบริการที่เกี่ยวข้อง
หากคุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณสามารถเปลี่ยนข้อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในตลาดสำหรับแพ็กเกจแอปหนึ่งๆ ได้ผ่านการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นใน Play Console การอัปเดตทั้งหมดจะมีผลทันที รวมถึงการเปลี่ยนแปลงค่าบริการที่เกี่ยวข้องด้วย
API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้รับการออกแบบให้ผสานรวมและใช้งานร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานสำหรับนักพัฒนาแอป โดย API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นมีประโยชน์ดังนี้
- หน้าจอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นที่แสดงผลโดย Google Play ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องสร้างและดูแลรักษาหน้าจอข้อมูลด้วยตนเอง
- การรายงานธุรกรรมที่ง่ายขึ้น ซึ่งจะนำจุดสัมผัสต่างๆ ที่ต้องทำด้วยตนเองออกและลดข้อผิดพลาดในการรวมข้อมูลหรือการปรับยอด
- ธุรกรรมจากระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นที่รายงานผ่าน API จะแสดงในอันดับสูงสุดของ Google Play
นอกจากนี้ เรายังได้ทำการปรับปรุงต่อไปนี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้การเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้ง่ายขึ้น
- จัดการการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นด้วยตนเองผ่าน Play Console เช่น การเปิดหรือปิดใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจในแอปที่มีสิทธิ์ตามตลาดที่มีสิทธิ์ การจัดการโลโก้วิธีการชำระเงิน และ URL การจัดการการสมัครใช้บริการ
- รายงานธุรกรรมของระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นที่สามารถส่งออกได้ ซึ่งรายงานผ่าน API โดยมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ รหัสแพ็กเกจแอปที่เกี่ยวข้อง และอัตราค่าบริการ
การขยายการผสานรวมที่มีอยู่กับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เพื่อใช้ประโยชน์จาก API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นนั้นทำได้ง่ายดาย API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นสร้างขึ้นโดยใช้รูปแบบและหลักการเดียวกันกับ Play Billing Library และ Play Developer API ซึ่งหมายความว่าจะเข้ากันได้กับรูปแบบที่คุณมีอยู่และเป็นสิ่งที่ทีมคุ้นเคยอยู่แล้วโดยส่วนใหญ่
ในคู่มือการผสานรวม เรามีหลักเกณฑ์และแหล่งข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นใช้งานและจัดการกรณีการใช้งานสำหรับการเรียกเก็บเงินระบบอื่นๆ รวมถึงการซื้อแบบครั้งเดียวและแบบตามรอบ และมีข้อมูลโค้ดตัวอย่างเพื่อให้ติดตั้งใช้งานได้ง่าย เรายินดีรับฟังความคิดเห็นจากนักพัฒนาแอปเกี่ยวกับ API เหล่านี้และแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ที่จะเป็นประโยชน์ หากคุณมีคำถามหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น โปรดติดต่อเราที่นี่
ทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในการผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นก่อนกำหนดเวลาการย้ายข้อมูลในวันที่ 13 มีนาคม 2024 เมื่อย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่จากระยะเวลาที่กำหนดเอง และเริ่มรายงานธุรกรรมโดยใช้ API แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องส่งธุรกรรมด้วยตนเองอีกต่อไป
สำหรับการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ซึ่งเริ่มต้นขณะที่คุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยไม่มีการรายงานอัตโนมัติ คุณจะต้องย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการเหล่านี้ผ่าน ExternalTransactions API ก่อนที่จะรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำผ่าน API การย้ายข้อมูลแบบครั้งเดียวนี้ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2024 ซึ่งเป็นกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น เมื่อย้ายข้อมูลแล้ว คุณจะต้องรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำผ่าน API เท่านั้น และไม่จำเป็นต้องรายงานผ่านการรายงานด้วยตนเองอีกต่อไป
หากยังไม่ได้ย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ คุณยังคงต้องรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำต่อไปผ่านวิธีการรายงานด้วยตนเองที่มีอยู่