วิธีที่ผู้คนเลือกซื้อสินค้าและค้นพบแบรนด์ใหม่ๆ นั้นเปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจุบันฟีดที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ เช่น ข่าว วิดีโอ และโซเชียลนั้นมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้คนพบแรงบันดาลใจตลอดเส้นทางของผู้บริโภค จากข้อมูลของเรา ผู้คน 85% กล่าวว่าตนทำอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 24 ชั่วโมงนับจากที่พบผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ เช่น เปรียบเทียบราคาหรือซื้อ1
เมื่อปีที่แล้วเราได้เปิดตัวแคมเปญ Discovery เพื่อช่วยให้คุณเข้าถึงผู้บริโภคเหล่านี้ในช่วงเวลาที่เปิดใจดูข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ทั้งนี้โฆษณา Discovery จะเปิดให้ผู้ลงโฆษณาทั่วโลกได้ใช้งานในเดือนเมษายนนี้
ตัวอย่างของโฆษณา Discovery ใน YouTube, Discover และ Gmail
กระตุ้นการดำเนินการจากกลุ่มเป้าหมายที่มีส่วนร่วมสูง
แคมเปญ Discovery ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้คนได้สูงถึง 2.9 พันล้านคนในขณะเลื่อนดูฟีดใน YouTube ดูแท็บโปรโมชันและโซเชียลใน Gmail หรือสำรวจ Discover เพื่อดูหัวข้อที่ตนสนใจ การใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงที่ครอบคลุมนี้ควบคู่ไปกับการรับทราบถึงความตั้งใจที่เฉพาะเจาะจงและแมชชีนเลิร์นนิงของ Google ทำให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงลูกค้ารายใหม่ๆ ที่เข้าเกณฑ์ในวงกว้างได้ง่ายขึ้น
Brillen.de บริษัทผู้ผลิตภัณฑ์แว่นตาจากยุโรปมองหาวิธีเพิ่มการนัดตรวจวัดสายตาจากผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ในช่วงปลายปี 2019 หลังจากทำรีมาร์เก็ตกับผู้เข้าชมที่มีส่วนร่วมเหล่านี้และใช้การขยายกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ราคาต่อโอกาสในการขายของแบรนด์ดีขึ้น 20% และอัตรา Conversion สูงขึ้น 300% ซึ่งช่วยเสริมผลลัพธ์ในเครือข่ายดิสเพลย์ Dennis Wruck ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทแม่อย่าง SuperVista AG กล่าวว่า "โฆษณา Discovery ช่วยให้ช่วยให้เราปรับขนาดการเข้าถึงในโซเชียลมีเดียไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โฆษณาของเราทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเคียงข้างเครือข่ายการค้นหาและดิสเพลย์" |
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด: ใช้ Smart Bidding เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา Discovery เช่น หากมีเป้าหมายเป็นการเพิ่มจำนวน Conversion คุณอาจต้องการใช้กลยุทธ์การเสนอราคาแบบเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด นอกจากนี้คุณยังใช้ CPA เป้าหมายที่ระบบแนะนำโดยอิงตามประสิทธิภาพบัญชีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการตลาดได้ด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา Discovery ได้ที่รายการตรวจสอบแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด |
สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคด้วยเลย์เอาต์ใหม่
แคมเปญ Discovery ช่วยให้คุณแสดงผลิตภัณฑ์หรือบริการด้วยโฆษณาแบบริชมีเดียที่ไม่ซ้ำใครและโดนใจผู้ใช้ เข้าถึงผู้บริโภคและโน้มน้าวให้ดำเนินการโดยใช้รูปภาพเดียวหรือภาพหมุน ซึ่งจะช่วยให้คุณบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ในขณะที่ผู้คนเลื่อนดูการ์ด
ตัวอย่างของโฆษณา Discovery ที่ใช้ภาพหมุนหลายรูป
เริ่มต้นใช้งานได้ง่ายๆ: หากแสดงแคมเปญสื่อสำหรับโซเชียลหรือวิดีโออยู่แล้ว คุณอาจนำรูปภาพและข้อความที่มีคุณภาพสูงสุดจากแพลตฟอร์มนั้นๆ มาใช้ได้ เมื่อโฆษณาทำงานแล้ว แมชชีนเลิร์นนิงของ Google จะค้นหาชุดเนื้อหาที่ดีที่สุด และแสดงผลแบบเนทีฟในผลิตภัณฑ์และบริการแต่ละรายการของ Google
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด: อัปโหลดรูปภาพความละเอียดสูงหลายๆ รูปตามขนาดที่เราแนะนำ ได้แก่ 1200x628 และ 1200x1200 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์สำหรับครีเอทีฟโฆษณาได้ในศูนย์ช่วยเหลือของ Google Ads |
รับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า
แคมเปญ Discovery ยังช่วยให้คุณดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้า และทราบถึงสิ่งที่ดึงดูดใจลูกค้าได้ด้วย เช่น สมมติว่าคุณเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่แสดงแคมเปญโปรโมชันพิเศษรับหน้าร้อน เมื่อใช้รายงานระดับเนื้อหา คุณอาจพบว่ารูปภาพด้านข้างของรถเอสยูวีสีน้ำเงินทำงานได้ดีกว่ารูปภาพด้านหน้าของรถแบบเดียวกันที่เป็นสีแดง คุณจะใช้ข้อมูลเชิงลึกนี้เพื่อใส่รูปภาพที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของรถเอสยูวีสีน้ำเงินเพิ่มเข้าไปในแคมเปญการตลาดอื่นๆ ได้
การรายงานระดับเนื้อหาสำหรับโฆษณา Discovery
นอกจากนี้ รายงานระดับกลุ่มเป้าหมายยังช่วยให้คุณทราบว่าลูกค้าแบบใดมีแนวโน้มจะโต้ตอบกับโฆษณามากที่สุด รวมทั้งแบบใดมีแนวโน้มจะดำเนินการหรือซื้อมากที่สุดด้วย เช่น แบรนด์ธุรกิจปรับปรุงบ้านที่มีกลุ่มเป้าหมายที่มีแผนจะซื้อ "อสังหาริมทรัพย์" และ "บ้านและสวน" อาจนำกลุ่มเป้าหมาย "อสังหาริมทรัพย์" ออกหากพบว่าได้รับ Conversion มากกว่าจากผู้ที่เลือกซื้ออุปกรณ์สำหรับบ้านและสวน
ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Google Adsเพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างแคมเปญ Discovery แรกของคุณ อย่าลืมดูรายการตรวจสอบแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั้งหมด และดาวน์โหลดคู่มือสำหรับครีเอทีฟโฆษณาเพื่อดูเคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้สูงสุด
โพสต์โดย Jerry Dischler รองประธานฝ่ายแพลตฟอร์มโฆษณาและผลิตภัณฑ์และบริการของ Google
1. Google / Ipsos Connect, Consumer Discovery Study, สหรัฐฯ, ธันวาคม 2018, n เท่ากับผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ อายุระหว่าง 18-54 ปีจำนวน 2,001 คนซึ่งออนไลน์อย่างน้อยเดือนละครั้ง