เกี่ยวกับชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

โฆษณาแบบกรอกฟอร์มช่วยสร้างผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าให้คุณ โดยให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลในแบบฟอร์มในโฆษณาโดยตรง บทความนี้จะอธิบายโฆษณาแบบกรอกฟอร์มและประโยชน์ของชิ้นงานดังกล่าวต่อแคมเปญ Google Ads

Hero image depicting About lead form extensions

โฆษณาแบบกรอกฟอร์มจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าขณะที่กําลังค้นหา ค้นพบ หรือดูเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า รูปภาพไอคอนการตั้งค่า YouTube ท้ายวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา


ข้อดี

  • สร้างโอกาสในการขายเพื่อเพิ่มยอดขายของธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ
  • กระตุ้นให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเข้าสู่ Funnel ทางการตลาดเพื่อช่วยให้ได้รับ Conversion มากขึ้น
  • ค้นหาและดึงดูดผู้คนที่สนใจธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณ

วิธีการทำงาน

  1. สร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใน Google Ads แล้วเพิ่มลงในแคมเปญ ซึ่งอาจเป็นประเภท Search, วิดีโอ, Performance Max หรือ Display ก็ได้
    ปัจจุบันโฆษณาแบบกรอกฟอร์มสําหรับแคมเปญวิดีโออยู่ในเวอร์ชันเบต้า โปรดติดต่อตัวแทนของ Google เพื่อเข้าถึงชิ้นงานนี้
  2. ผู้ใช้ในกลุ่มเป้าหมายของคุณจะไปที่ผลิตภัณฑ์และบริการของ Google (เช่น YouTube) แล้วโต้ตอบกับโฆษณาที่มีโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม เมื่อผู้ใช้เปิดโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม ก็อาจเลือกส่งข้อมูลติดต่อได้ เช่น อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ และรายละเอียดอื่นๆ
  3. ดาวน์โหลดและจัดการผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจาก Google Ads คุณสามารถดาวน์โหลดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าออกมาเป็นไฟล์ CSV หรือสร้างการผสานรวมเว็บฮุคเพื่อรับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าโดยตรงในการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ได้ ทั้งนี้คุณจะดาวน์โหลดได้แต่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่รวบรวมไว้ภายในช่วง 30 วันที่ผ่านมาเท่านั้น คุณยังส่งออกข้อมูลโฆษณาแบบกรอกฟอร์มในปริมาณเทียบเท่า 60 วันโดยอัตโนมัติไปยัง CRM ได้โดยใช้ Google Ads API

ข้อกำหนด

คุณต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้เพื่อใช้โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

  • ปฏิบัติตามนโยบายมาโดยตลอด
  • มีบัญชี Google Ads ในธุรกิจหรือธุรกิจย่อยประเภทที่มีสิทธิ์ ประเภทธุรกิจหรือประเภทธุรกิจย่อยที่ละเอียดอ่อน (เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ) ไม่มีสิทธิ์ใช้โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  • มีนโยบายความเป็นส่วนตัวสําหรับธุรกิจของคุณ เมื่อสร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใน Google Ads คุณจะต้องใส่ลิงก์ไปยังนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งจะปรากฏที่ส่วนท้ายของโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

นอกจากนี้ หากคุณกำลังเพิ่มโฆษณาแบบกรอกฟอร์มลงในแคมเปญวิดีโอหรือแคมเปญ Display หรือกําลังสร้างแคมเปญ Search ซึ่งบรรทัดแรกของโฆษณาเปิดขึ้นเป็นโฆษณาแบบกรอกฟอร์มโดยตรง คุณจะต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้

  • มียอดใช้จ่ายรวมเกิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐใน Google Ads สำหรับผู้ลงโฆษณาที่มีบัญชีซึ่งใช้สกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ ระบบจะแปลงยอดการใช้จ่ายทั้งหมดเป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยจะคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยรายเดือนของสกุลเงินนั้นๆ
  • ผู้ลงโฆษณาที่น่าเชื่อถือที่ใช้เงินเกินกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อบัญชี (หรือรวมทุกบัญชีแล้วมากกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ) อาจได้รับสิทธิ์ใช้รูปแบบเหล่านี้โดยต้องมีการตรวจสอบสถานะบัญชีและสถานะดีเพิ่มเติม ผู้ลงโฆษณาต้องทําตามขั้นตอนในโปรแกรมการยืนยันตัวตนผู้ลงโฆษณาจนเสร็จสมบูรณ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยืนยัน

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดแบบฟอร์มสำหรับรวบรวมข้อมูลลูกค้า

หากคุณมีชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ใช้งานอยู่ ก็ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ต่อไปนี้ด้วยเพื่อให้โฆษณาดังกล่าวมีสิทธิ์แสดงในรูปแบบโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

  • การเสนอราคา: แคมเปญควรใช้กลยุทธ์การเสนอราคาที่เน้น Conversion
  • เป้าหมาย Conversion: แคมเปญต้องเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเป้าหมาย Conversion ของโฆษณาแบบกรอกฟอร์มของ Google แม้ว่าแคมเปญจะเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อ Conversion ประเภทอื่นๆ (ไม่ใช่โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม) ก็ควรมี Conversion โฆษณาแบบกรอกฟอร์มของ Google ด้วย
  • ประเภทโฆษณา: ครีเอทีฟโฆษณา Search ที่ปรับเปลี่ยนตามบริบทจะมีสิทธิ์แสดง โฆษณาแบบข้อความที่ขยายออกจะไม่มีสิทธิ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทําให้โฆษณา Search ที่ปรับเปลี่ยนตามบริบทเปิดโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

โฆษณาแบบกรอกฟอร์มดูที่ใดได้บ้าง

โฆษณาแบบกรอกฟอร์มจะมีสิทธิ์แสดงในบางประเทศเท่านั้น หากโฆษณาแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายในประเทศที่ไม่อนุญาตให้ใช้โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม กลุ่มเป้าหมายก็จะไม่เห็นโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

  • อาร์เจนตินา
  • ออสเตรเลีย
  • ออสเตรีย
  • บังกลาเทศ
  • เบลีซ
  • เบลเยียม
  • บราซิล
  • แคนาดา
  • ชิลี
  • โคลอมเบีย
  • คอสตาริกา
  • สาธารณรัฐเช็ก
  • เดนมาร์ก
  • เอกวาดอร์
  • เอลซัลวาดอร์
  • ฟินแลนด์
  • ฝรั่งเศส
  • เยอรมนี
  • กรีซ
  • กัวเตมาลา
  • ฮอนดูรัส
  • ฮ่องกง
  • ฮังการี
  • อินเดีย
  • อินโดนีเซีย
  • ไอร์แลนด์
  • อิสราเอล
  • อิตาลี
  • ญี่ปุ่น
  • คาซัคสถาน
  • ลิทัวเนีย
  • มาเลเซีย
  • เม็กซิโก
  • เนเธอร์แลนด์
  • นิวซีแลนด์
  • นอร์เวย์
  • ปากีสถาน
  • ปานามา
  • เปรู
  • ฟิลิปปินส์
  • โปแลนด์
  • โปรตุเกส
  • เปอร์โตริโก
  • โรมาเนีย
  • สิงคโปร์
  • สโลวาเกีย
  • แอฟริกาใต้
  • เกาหลีใต้
  • สเปน
  • ศรีลังกา
  • สวีเดน
  • สวิตเซอร์แลนด์
  • ไต้หวัน
  • ไทย
  • ตุรกี
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • สหราชอาณาจักร
  • สหรัฐอเมริกา
  • เวียดนาม

ใช้โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

  • ตรวจสอบว่าคุณมีคุณสมบัติตามข้อกําหนดสําหรับโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม หากไม่มีคุณสมบัติตามข้อกําหนด คุณจะสร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มไม่ได้
  • ตรวจสอบว่าโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเป็นไปตามนโยบายการโฆษณาและหลักเกณฑ์ (เช่น กําหนดเป้าหมายเป็นประเทศที่รองรับโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม) หากไม่เป็นไปตามนโยบาย แคมเปญจะไม่แสดง
  • คุณสามารถเพิ่มโฆษณาแบบกรอกฟอร์มได้เพียง 1 รายการต่อแคมเปญ
  • แม้ว่าวิธีสร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มจะเหมือนกันในแคมเปญทุกประเภท แต่แบบฟอร์มอาจทำงานแตกต่างกันไปตามประเภทแคมเปญ ขยายส่วนด้านล่างเพื่อดูความแตกต่างของแคมเปญแต่ละประเภท

แคมเปญ Search

โฆษณาแบบกรอกฟอร์มแสดงได้ในเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่
Lead forms convergence, search example

แคมเปญวิดีโอ

โฆษณาแบบกรอกฟอร์มจะแสดงในอุปกรณ์เคลื่อนที่ระบบ Android เท่านั้น หากแคมเปญกําหนดเป้าหมายไปที่ iOS หรือเดสก์ท็อป แคมเปญนั้นก็จะไม่แสดงต่อผู้ใช้
​​​​Lead forms convergence, video example
ปัจจุบันโฆษณาแบบกรอกฟอร์มสําหรับแคมเปญวิดีโออยู่ในเวอร์ชันเบต้า โปรดติดต่อตัวแทนของ Google เพื่อเข้าถึงชิ้นงานนี้

แคมเปญ Display

  • โฆษณาแบบกรอกฟอร์มแสดงได้ทั้งในเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่
  • คุณต้องมีโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณาอย่างน้อย 1 รายการเพื่อแสดงโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม ทั้งนี้ โฆษณาแบบกรอกฟอร์มไม่สามารถใช้ได้กับโฆษณาแบบรูปภาพที่อัปโหลด
​​​​Lead forms convergence, display example

ชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับบัญชี

  • คุณแนบส่วนชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับบัญชีเพื่อใช้กับแคมเปญประเภท Search หรือ Performance Max ได้
  • ชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับแคมเปญใน Google Ads จะมีสิทธิ์สูงกว่าชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับบัญชีเสมอ
  • หากชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับแคมเปญไม่ได้รับอนุมัติ ชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับบัญชีจะแสดงแทน

การเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

นอกจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในแคมเปญแล้ว คุณยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเพื่อให้ได้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้น ("ปริมาณมากขึ้น") หรือคุณภาพสูงขึ้น ("เข้าเกณฑ์มากขึ้น") แต่ไม่ว่าจะเลือกอะไร ระบบก็จะไม่เพิ่มหรือนำกลุ่มเป้าหมายออก และจะไม่เปลี่ยนแปลงช่องข้อมูลต่างๆ ในโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม โปรดทราบว่าการเพิ่มประสิทธิภาพอาจทำงานแตกต่างกันไปตามประเภทแคมเปญ
  • "ปริมาณมากขึ้น" เป็นประเภทโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเริ่มต้น แต่สามารถเปลี่ยนประเภทเป็น "เข้าเกณฑ์มากขึ้น" ได้ ตัวเลือกที่คุณเลือกอาจส่งผลต่อต้นทุนต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและจำนวนผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่รวบรวมไว้ และเปลี่ยนได้ตลอดในช่วงทำแคมเปญ
  • โฆษณาแบบกรอกฟอร์มประเภท "เข้าเกณฑ์มากขึ้น" อาจใช้รูปแบบที่มีขั้นตอนในการส่งแบบฟอร์มมากกว่า จึงอาจได้โอกาสในการขายน้อยลง (แต่จะได้ผู้ส่งที่สนใจธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณมากขึ้น)
  • โฆษณาแบบกรอกฟอร์มประเภท "ปริมาณมากขึ้น" ใช้รูปแบบที่มีขั้นตอนในการส่งแบบฟอร์มน้อยกว่า จึงอาจได้โอกาสในการขายมากขึ้น แต่โอกาสในการขายเหล่านั้นอาจรวมถึงผู้ที่ไม่สนใจธุรกิจ สินค้า หรือบริการของคุณด้วย

วิธีการ

สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า รูปภาพไอคอนการตั้งค่า YouTube ท้ายวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา


หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ

ขยายทั้งหมด

สร้างชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มในแคมเปญใหม่
  1. คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกปุ่มบวก จากนั้นคลิกแคมเปญใหม่
  4. เลือกโอกาสในการขายเป็นเป้าหมายแคมเปญ
  5. เลือกประเภทแคมเปญเป็น Search, วิดีโอ, Performance Max หรือ Display
  6. คลิกต่อไป
  7. เข้าสู่การตั้งค่าแคมเปญ
  8. เปิดเครื่องมือแก้ไขโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม แล้วป้อนรายละเอียดเกี่ยวกับโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
    • สําหรับแคมเปญ Search และ Display ให้เลื่อนไปที่ส่วน "ชิ้นงาน" แล้วคลิกประเภทชิ้นงานเพิ่มเติม จากนั้นคลิกโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
    • สำหรับแคมเปญวิดีโอ ให้เลื่อนไปที่ส่วน "โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม" แล้วคลิกแบบฟอร์ม
  9. คลิกสร้างใหม่ในเครื่องมือแก้ไขชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  10. ป้อนบรรทัดแรก ชื่อธุรกิจ และคําอธิบาย
  11. เลือกคําถามที่ต้องการถามในโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม คุณต้องเลือกอย่างน้อย 1 ตัวเลือกเพื่อดำเนินการต่อ
    • ชื่อ (กำหนดเป็นชื่อจริงและนามสกุลหรือชื่อเต็มได้)
    • อีเมล
    • หมายเลขโทรศัพท์
    • เมือง
    • รหัสไปรษณีย์
    • รัฐ/จังหวัด
    • ประเทศ
    • ชื่อบริษัท
    • ตำแหน่งงาน
    • อีเมลที่ทำงาน
    • หมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน
  12. (ไม่บังคับ) คุณอาจเพิ่มคำถามวัดคุณสมบัติโดยคลิก +คำถาม เพื่อให้ได้โอกาสในการขายที่เข้าเกณฑ์มากขึ้น เมื่อเริ่มพิมพ์คําถามที่ต้องการเพิ่มแล้ว คําถามที่แนะนําที่ตรงกับความตั้งใจของคุณจะปรากฏขึ้น นอกจากนี้คุณยังขยายหมวดหมู่ใดก็ได้ที่มีอยู่เพื่อดูรายการคําถามทั้งหมดที่ตรงกับแต่ละหมวดหมู่ได้ด้วย
    • หากไม่พบคําถามที่มีอยู่แล้วจากแคตตาล็อกที่ตรงกับความตั้งใจของคุณ ก็แนะนําคําถามของตัวเองได้ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนในบัญชี Google Ads หากมีการเพิ่มคําถามดังกล่าวหรือคําถามที่คล้ายกันลงในแคตตาล็อก แม้ว่าจะเพิ่มคําถามที่แนะนําบางรายการลงในแคตตาล็อกไม่ได้ แต่โดยปกติคําถามที่เพิ่มเข้ามาแล้วจะมีให้ใช้งานภายใน 1 หรือ 2 วันทําการนับจากวันที่ส่ง ผู้ลงโฆษณาทุกรายที่ใช้โฆษณาแบบกรอกฟอร์มจะใช้คำถามที่คุณส่งซึ่งรวมอยู่ในแคตตาล็อกได้ ฟังก์ชันนี้มีให้บริการในบางภาษาเท่านั้น
    • โดยคําถามที่ใช้ได้จะขึ้นอยู่กับภาษาที่คุณเลือก
    • คําถามที่คุณแนะนําและที่เพิ่มลงในแคตตาล็อกแล้ว หรือคําถามที่คุณเคยใช้ในโฆษณาแบบกรอกฟอร์มจะแสดงอยู่ในส่วน "คําถามของคุณ" โดยจะเข้าถึงรายการคําถามล่าสุดที่เพิ่มลงในแคตตาล็อกได้ในส่วน "คําถามใหม่"
  13. ป้อน URL ไปยังนโยบายความเป็นส่วนตัว ต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัวจึงจะรวบรวมข้อมูลได้และต้องปรากฏที่ส่วนท้ายของโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  14. (แคมเปญ Search เท่านั้น) คลิกรูปภาพเพื่อเพิ่มภาพพื้นหลังให้โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม ภาพพื้นหลังต้องมีขนาด 1.91:1 (แนะนําให้ใช้ 1200 x 628)
  15. ป้อนบรรทัดแรกและคำอธิบายเป็นข้อความการส่งแบบฟอร์ม ซึ่งจะปรากฏหลังจากที่ผู้ใช้ส่งข้อมูลติดต่อ
    • คุณสามารถใส่คำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) ในข้อความการส่งแบบฟอร์มได้ด้วย หากประเภทแคมเปญของคุณรองรับ ซึ่งจะแตกต่างจากคำกระตุ้นให้ดำเนินการในโฆษณา และสามารถกําหนดค่าให้ไปที่ URL ที่ต้องการได้
  16. หากต้องการเพิ่มคํากระตุ้นให้ดำเนินการที่จะส่งเสริมให้ผู้คนโต้ตอบกับโฆษณา ให้เลือกประเภทคํากระตุ้นให้ดำเนินการจากเมนูแบบเลื่อนลงและเพิ่มคําอธิบาย
  17. (ไม่บังคับ) หากต้องการได้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าโดยตรงจากระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ให้เพิ่มข้อมูลเว็บฮุคลงในโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม หรือลิงก์ Zapier
  18. เลือกเข้าเกณฑ์มากขึ้นหรือปริมาณมากขึ้นเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  19. โปรดอ่านและยอมรับข้อกําหนดในการให้บริการหากสร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเป็นครั้งแรก
  20. หากต้องการเพิ่มโฆษณาแบบกรอกฟอร์มลงในแคมเปญ ให้คลิกบันทึก
เพิ่มชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มลงในแคมเปญที่มีอยู่
  1. คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงชิ้นงานในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกชิ้นงาน
  4. ตอนนี้คุณจะเห็นตารางที่มีชิ้นงานทั้งหมด เลือกการเชื่อมโยงจากเมนูแบบเลื่อนลง "มุมมองตาราง"
  5. เลือกโฆษณาแบบกรอกฟอร์มจากรายการเหนือแถบเครื่องมือตาราง
  6. เลือกช่องข้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ต้องการเพิ่มลงในแคมเปญที่มีอยู่
  7. เลือกเพิ่มลงใน > แคมเปญ แคมเปญที่เลือกต้องมีเป้าหมายแคมเปญเป็น "โอกาสในการขาย"
  8. คลิกเสร็จสิ้น หากมีโฆษณาแบบกรอกฟอร์มแนบกับแคมเปญที่มีอยู่ แคมเปญจะทำงานเมื่อโฆษณาแบบกรอกฟอร์มได้รับอนุมัติ ดูสถานะการตรวจสอบของโฆษณาแบบกรอกฟอร์มได้ที่ "โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม" ในการตั้งค่าแคมเปญ
เพิ่มชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับบัญชี
  1. คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงชิ้นงานในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกชิ้นงาน
  4. คลิกไอคอนบวก แล้วเลือกชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  5. เลือกบัญชีในส่วนเมนูแบบเลื่อนลง "เพิ่มใน" ที่ด้านบนของหน้า
  6. เลือกตัวเลือก "สร้างใหม่"
  7. ป้อนข้อมูลที่ต้องระบุเพื่อสร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  8. คลิกบันทึก
หมายเหตุ: เพิ่มชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่ระดับบัญชีได้เพียง 1 รายการเท่านั้น
แก้ไขชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
หมายเหตุ: เมื่อแก้ไขโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่มีอยู่ คุณจะเปลี่ยนข้อมูลที่ต้องการรวบรวมจากโฆษณาแบบกรอกฟอร์มไม่ได้ หากต้องการเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าว ให้สร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใหม่และเลือกตัวเลือกที่ต่างจากเดิม จากนั้นเพิ่มโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใหม่ลงในแคมเปญ
  1. คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon ในบัญชี Google Ads
  2. ในเมนูส่วน คลิกชิ้นงานในเมนูแบบเลื่อนลง
  3. คลิกชิ้นงาน
  4. ตอนนี้คุณจะเห็นตารางที่มีชิ้นงานทั้งหมด เลือกการเชื่อมโยงจากเมนูแบบเลื่อนลง "มุมมองตาราง"
  5. เลือกโฆษณาแบบกรอกฟอร์มจากรายการเหนือแถบเครื่องมือตาราง
  6. วางเมาส์เหนือโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม แล้วคลิกไอคอนดินสอ แก้ไข เพื่อแก้ไข
  7. เปลี่ยนแปลงโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  8. คลิกบันทึก เมื่อแก้ไขโฆษณาแบบกรอกฟอร์มแล้ว แคมเปญจะหยุดทำงานจนกว่าชิ้นงานดังกล่าวจะได้รับอนุมัติ
นำชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มออก
  1. คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงชิ้นงานในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกชิ้นงาน
  4. ตอนนี้คุณจะเห็นตารางที่มีชิ้นงานทั้งหมด เลือกการเชื่อมโยงจากเมนูแบบเลื่อนลง "มุมมองตาราง"
  5. เลือกโฆษณาแบบกรอกฟอร์มจากรายการเหนือแถบเครื่องมือตาราง
  6. คลิกเลือกช่องข้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  7. คลิกนำออก เมื่อนำโฆษณาแบบกรอกฟอร์มออกแล้วจะกู้คืนไม่ได้ แต่คุณยังคงดาวน์โหลดโอกาสในการขายที่ได้รับในช่วง 30 วันที่ผ่านมาจากแบบฟอร์มที่นำออกแล้วได้

ขั้นต่อไปคืออะไร

วัดผลลัพธ์

คุณดูประสิทธิภาพของโฆษณาแบบกรอกฟอร์มได้ในรายงาน Google Ads โปรดทราบว่า

  • เมื่อใดก็ตามที่โฆษณาแบบกรอกฟอร์มเปิดขึ้น ระบบจะติดตามเป็นการคลิก
  • เมื่อมีผู้ส่งข้อมูลของตนในโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม ระบบจะนับเป็น Conversion ซึ่งระบบจะสร้าง Conversion โฆษณาแบบกรอกฟอร์มโดยอัตโนมัติใน Google Ads เมื่อมีการส่งแบบฟอร์มครั้งแรก
  • แคมเปญอาจเพิ่ม Conversion ในเว็บไซต์ได้ด้วย
  • คุณดูประสิทธิภาพของการคลิกและ Conversion ได้โดยการแบ่งกลุ่มรายงานประสิทธิภาพตาม "ประเภทการคลิก" และ "ประเภท Conversion" ในบัญชี Google Ads
  • การเข้าชมและ Conversion จะไม่นับว่ามาจากโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใน Google Analytics Analytics จะรายงานเฉพาะการมีส่วนร่วมจากการนำผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ของคุณโดยตรงเท่านั้น
หมายเหตุ: หากคุณสังเกตเห็นความคลาดเคลื่อนระหว่างจํานวน Conversion ที่มาจากโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่โฮสต์โดย Google กับข้อมูลโอกาสในการขายที่ดาวน์โหลดมา ให้ลองแบ่งกลุ่มการรายงานประสิทธิภาพตาม "ประเภท Conversion" ส่วน Conversion อื่นๆ เช่น การซื้อในเว็บไซต์ อาจมาจากโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่โฮสต์โดย Google

ดาวน์โหลดโอกาสในการขาย

สร้างการผสานรวมเว็บฮุคสําหรับโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

การผสานรวมเว็บฮุคช่วยให้คุณส่งข้อมูลจากแอปหนึ่งไปยังอีกแอปหนึ่งโดยอัตโนมัติได้โดยใช้ URL ที่ไม่ซ้ำกัน คุณสร้างการผสานรวมเว็บฮุคเพื่อลิงก์โฆษณาแบบกรอกฟอร์มกับระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ได้ หลังจากที่เพิ่มการผสานรวมเว็บฮุคลงในโฆษณาแบบกรอกฟอร์มแล้ว คุณจะได้รับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าโดยตรงใน CRM

คุณจะต้องสร้าง URL และคีย์ของเว็บฮุคเพื่อเพิ่มการผสานรวมเว็บฮุคลงในโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

  • URL ของเว็บฮุคคือเส้นทางการแสดงโฆษณา หลังจากที่มีผู้ส่งข้อมูลของตนเองในโฆษณาแบบกรอกฟอร์มแล้ว ระบบจะส่งคำขอ "HTTP POST" ไปยัง URL ที่กำหนดค่าไว้ ซึ่งจะช่วยนำผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเข้าไปยังระบบ CRM โดยตรง
  • และจะใช้คีย์ของเว็บฮุคในการตรวจสอบความถูกต้องของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่ส่งเข้ามา

หากคุณสามารถทําเองได้ ให้สร้างการผสานรวมเว็บฮุคก่อน แล้วจึงสร้างคีย์และ URL ของเว็บฮุค ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างคีย์และ URL ของเว็บฮุค

หมายเหตุ: คุณสามารถใช้ผู้ให้บริการการผสานรวมกับบุคคลที่สามเพื่อส่งข้อมูลโฆษณาแบบกรอกฟอร์มไปยัง CRM โดยอัตโนมัติผ่านเว็บฮุค บุคคลที่สามจะสร้างเว็บฮุคโดยอัตโนมัติและนําไปใช้กับชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใน Google Ads ทั้งนี้ อาจต้องมีบัญชีแบบชําระเงินจึงจะใช้การผสานรวมกับบุคคลที่สามดังกล่าวเพื่อส่งออกข้อมูลโฆษณาแบบกรอกฟอร์มได้

เรายังมีการผสานรวมกับ Zapier สำหรับส่งออกข้อมูลโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม ซึ่งใช้ Google Ads API แทนเว็บฮุคอีกด้วย หรือหากต้องการส่งออกข้อมูลโฆษณาแบบกรอกฟอร์มด้วยตนเอง ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ CSV หรือใช้ Google Ads API

วิธีเพิ่มการผสานรวมเว็บฮุคลงในชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใหม่
หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกปุ่มบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
  4. เลือกโอกาสในการขายเป็นเป้าหมาย
  5. เลือกประเภทแคมเปญเป็น Search, วิดีโอ, Performance Max หรือ Display
  6. คลิกต่อไป
  7. เข้าสู่การตั้งค่าแคมเปญ
  8. คลิกสร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเพื่อเปิดเครื่องมือแก้ไขชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม และป้อนรายละเอียดเกี่ยวกับโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
    • สําหรับแคมเปญ Search และ Display ให้เลื่อนไปที่ส่วน "ชิ้นงาน" แล้วคลิกประเภทชิ้นงานเพิ่มเติม จากนั้นคลิกโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
    • สำหรับแคมเปญวิดีโอ ให้เลื่อนไปที่ส่วน "โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม" แล้วคลิกแบบฟอร์ม
  9. เริ่มสร้างชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม
  10. คลิกเพื่อขยาย "ส่งออกโอกาสในการขายจาก Google Ads" แล้วคลิกเพื่อขยาย "ตัวเลือกการผสานรวมข้อมูลอื่นๆ"
  11. ในส่วน "การผสานรวมเว็บฮุค (ไม่บังคับ)" ให้เพิ่ม URL และคีย์ของเว็บฮุค
  12. คลิกส่งข้อมูลทดสอบแล้วยืนยันว่า CRM ได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องหรือไม่
  13. เมื่อสร้างโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเสร็จแล้ว ให้คลิกบันทึก
วิธีเพิ่มการผสานรวมเว็บฮุคลงในชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มที่มีอยู่
หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงชิ้นงานในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกชิ้นงาน
  4. ตอนนี้คุณจะเห็นตารางที่มีชิ้นงานทั้งหมด เลือกโฆษณาแบบกรอกฟอร์มจากรายการเหนือแถบเครื่องมือตาราง
  5. วางเมาส์เหนือโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม แล้วคลิกไอคอนดินสอ แก้ไขการตั้งค่า ไอคอนดินสอ เพื่อแก้ไข
  6. คลิกเพื่อขยาย "ส่งออกโอกาสในการขายจาก Google Ads" แล้วคลิกเพื่อขยาย "ตัวเลือกการผสานรวมข้อมูลอื่นๆ"
  7. ในส่วน "การผสานรวมเว็บฮุค (ไม่บังคับ)" ให้เพิ่ม URL และคีย์ของเว็บฮุค
  8. คลิกส่งข้อมูลทดสอบแล้วยืนยันว่า CRM ได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องหรือไม่
  9. เมื่อแก้ไขโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเสร็จแล้ว ให้คลิกบันทึก

สถานะข้อผิดพลาด

คุณอาจเห็นสถานะข้อผิดพลาดแบบใดแบบหนึ่งต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ดำเนินการเริ่มต้นอย่างไรหลังจากที่เพิ่มเว็บฮุคเรียบร้อยแล้ว

  • สถานะข้อผิดพลาด A: จะแสดงเมื่อมีผู้บันทึกแบบฟอร์มแต่ไม่ส่งข้อมูลทดสอบ (โดยเสร็จสมบูรณ์)
  • สถานะข้อผิดพลาด B: จะแสดงข้อมูลที่ไม่ได้ส่ง
  • สถานะข้อผิดพลาด C: จะแสดงเมื่อส่งข้อมูลแล้วแต่ Google ไม่ได้รับการตอบสนอง
  • สถานะข้อผิดพลาด D: จะแสดงเมื่อส่งข้อมูลแล้วแต่ Google ได้รับการตอบสนองที่ไม่ถูกต้อง (การตอบสนองอื่นที่ไม่ใช่ "HTTP 200")
  • สถานะสำเร็จ: จะแสดงเมื่อส่งข้อมูลแล้วและ Google ได้รับการตอบสนองที่ถูกต้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14756112491020245282
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false