เกี่ยวกับ Smart Bidding

Smart Bidding หมายถึงกลยุทธ์การเสนอราคาที่ใช้ AI ของ Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ Conversion หรือมูลค่า Conversion ในการประมูลแต่ละครั้ง หรือฟีเจอร์ที่เรียกว่า "การเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูล" CPA เป้าหมาย, ROAS เป้าหมาย, เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด และเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์ Smart Bidding ทั้งสิ้น

กลยุทธ์ Smart Bidding

เป้าหมายธุรกิจ เป้าหมายแคมเปญ กลยุทธ์ Smart Bidding
เพิ่มยอดขายหรือโอกาสในการขาย ได้ Conversion มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยงบประมาณคงที่หรือ ROI คงที่ เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด, CPA เป้าหมาย
เพิ่มผลกำไร เพิ่มมูลค่า Conversion ให้ได้มากที่สุดจากการใช้งบประมาณแบบคงที่หรือผลตอบแทนจากค่าโฆษณาแบบคงที่ ROAS เป้าหมาย , เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด

เหตุใดจึงควรใช้ Smart Bidding

Smart Bidding มีข้อดีที่สำคัญ 4 ประการที่จะช่วยคุณประหยัดเวลาและปรับปรุงประสิทธิภาพ

แมชชีนเลิร์นนิงขั้นสูง

ในการเสนอราคา อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงจะศึกษาจากข้อมูลจำนวนมาก เพื่อช่วยให้คุณคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำขึ้นทั่วทั้งบัญชีเกี่ยวกับผลกระทบที่จำนวนเงินราคาเสนอที่แตกต่างกันอาจมีต่อ Conversion หรือมูลค่า Conversion อัลกอริทึมนี้จะพิจารณาพารามิเตอร์ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพได้หลากหลายกว่าที่คนคนเดียวหรือทีมเดียวจะคำนวณได้

สัญญาณบริบทที่หลากหลาย

ด้วยการเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูล คุณสามารถพิจารณาสัญญาณได้หลากหลายในการเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอ สัญญาณคือลักษณะที่ระบุได้เกี่ยวกับบุคคลหรือบริบทของบุคคล ณ ขณะที่มีการประมูลหนึ่งๆ ซึ่งประกอบด้วยลักษณะอย่างเช่นอุปกรณ์และสถานที่ ซึ่งมีให้ใช้เป็นการปรับราคาเสนอด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังมีสัญญาณเพิ่มเติมและชุดสัญญาณที่มีเฉพาะใน Smart Bidding ดูรายการสัญญาณที่สำคัญได้ด้านล่าง

สัญญาณในการเสนอราคาอัตโนมัติ

อุปกรณ์

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอสำหรับกลยุทธ์ CPA เป้าหมายหรือ ROAS เป้าหมาย โดยพิจารณาว่าผู้ใช้กำลังใช้มือถือ เดสก์ท็อป หรือแท็บเล็ต

ตัวอย่าง: สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ระบบอาจปรับราคาเสนอเมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งมีโอกาสมากกว่าที่จะนัดหมายเพื่อพูดคุยในสาขาที่อยู่ใกล้ๆ

สถานที่ตั้งทางกายภาพ

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอสถานที่ตั้งเฉพาะเจาะจง (จนถึงระดับเมือง) ที่ผู้ใช้อยู่ แม้ว่าการกำหนดสถานที่เป้าหมายที่ผู้ลงโฆษณาใช้จะไม่เจาะจงเท่าก็ตาม

ตัวอย่าง: สำหรับธนาคาร แม้ว่าการกำหนดสถานที่เป้าหมายของผู้ลงโฆษณาจะตั้งค่าเป็นภาคกลาง ระบบก็อาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ค้นหา "บัญชีเช็คใหม่" จากจังหวัดที่มีสาขาจำนวนมาก ซึ่งผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะเปิดบัญชีมากกว่า

ความตั้งใจตามสถานที่ตั้ง

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยพิจารณาความตั้งใจตามสถานที่ตั้งของผู้ใช้เพิ่มเติมจากสถานที่ตั้งจริง

ตัวอย่าง: สำหรับบริษัทท่องเที่ยว ระบบอาจปรับราคาเสนอเมื่อผู้ใช้ตั้งใจค้นคว้าข้อมูลเมืองท่องเที่ยวที่คุณนำเสนอ (เช่น "เที่ยวปารีสเดือนสิงหา") แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ปารีสก็ตาม

วันในสัปดาห์และเวลาของวัน

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามเวลาท้องถิ่นของผู้ใช้และวันในสัปดาห์ในเขตเวลาของผู้ใช้รายนั้น

ตัวอย่าง: สำหรับร้านอาหาร ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ทำการค้นหาเมื่อเวลา 20.00 น. วันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะจะจองร้านอาหารสำหรับช่วงสุดสัปดาห์มากกว่าเวลา 8.00 น. ในวันจันทร์

รายการรีมาร์เก็ตติ้ง

คําอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอในเครือข่าย Search เครือข่ายดิสเพลย์ และแคมเปญโรงแรมตามรายการรีมาร์เก็ตติ้งที่ผู้ใช้อยู่ได้ นอกจากนี้เครือข่าย Search และเครือข่ายดิสเพลย์ยังพิจารณาด้วยว่าผู้ใช้เข้ามาอยู่ในรายการดังกล่าวนานเพียงใดแล้ว เครือข่าย Search ยังพิจารณาแต่ละรายการที่ผู้ใช้อยู่สำหรับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาที่ระบุด้วย

ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้เคยดูสินค้าชิ้นหนึ่งแล้วในการเข้าชมครั้งก่อนและเพิ่มลงในรถเข็นช็อปปิ้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีแนวโน้มมากกว่าที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าชิ้นนั้นในเร็วๆ นี้เมื่อเทียบกับผู้ที่เพิ่มลงในรถเข็นเมื่อเดือนที่แล้ว

ลักษณะเฉพาะของโฆษณา

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอโดยพิจารณาว่าโฆษณาเวอร์ชันใดจะแสดง รวมถึงดูว่าเป็นโฆษณาสำหรับแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่

ตัวอย่าง: สำหรับบริษัทโทรคมนาคม ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าโฆษณาที่แสดงคือโฆษณาสำหรับ "ข้อเสนอพิเศษล่าสุด" หรือ "โปรแบบยืดหยุ่น" หรือถ้าโฆษณาชี้ไปที่เว็บไซต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือแอป ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบใดมีโอกาสที่จะเกิด Conversion มากกว่า สำหรับแคมเปญบนเครือข่ายดิสเพลย์ ราคาเสนอจะพิจารณาว่าขนาดและรูปแบบโฆษณาใดมีแนวโน้มว่าจะเกิด Conversion มากกว่า

ภาษาอินเทอร์เฟซ

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามค่ากำหนดภาษาของผู้ใช้

ตัวอย่าง: สำหรับเว็บไซต์สอนภาษาสเปน ระบบอาจปรับราคาเสนอสำหรับข้อความค้นหา "เรียนภาษาใหม่" ถ้าค่ากำหนดภาษาของผู้ใช้ตั้งเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่สเปน ซึ่งมีแนวโน้มต่ำที่จะซื้อคอร์สเรียนภาษาใหม่

เบราว์เซอร์

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามเบราว์เซอร์ที่ผู้ใช้ใช้

ตัวอย่าง: สำหรับบริษัทขายอาหารเพื่อสุขภาพ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ทำการค้นหาจาก Chrome ซึ่งที่ผ่านมามีแนวโน้มที่จะเกิด Conversion สำหรับบริษัทนี้สูงกว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ

ระบบปฏิบัติการ

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้ใช้

ตัวอย่าง: สำหรับนักพัฒนาแอปเกม ระบบอาจปรับราคาเสนอหากผู้ใช้ค้นหา "เกมไขปัญหา" ใน Google Play จากอุปกรณ์ Android ที่อัปเกรดเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีการติดตั้งแอปมากกว่าระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่า

คำค้นหาจริง (Search และ Shopping)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามข้อความค้นหาที่เรียกให้โฆษณาแสดง ไม่ใช่เฉพาะคีย์เวิร์ดที่ตรงกันเท่านั้น

ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายรองเท้า ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคำค้นหาของผู้ใช้คือ "รองเท้าบู๊ทหนัง" และผู้ใช้คนนั้นมีแนวโน้มที่จะซื้อรองเท้าคู่ใหม่มากกว่าเมื่อเทียบกับการค้นหา "ซ่อมรองเท้าบู๊ท" แม้ว่าการค้นหาทั้งสองจะจับคู่แบบกว้างกับคีย์เวิร์ด "รองเท้าบู๊ท" ก็ตาม

พาร์ทเนอร์เครือข่าย Search (Search เท่านั้น)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ Search ที่จะแสดงโฆษณานั้น

ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์สินค้าบรรจุห่อสำหรับผู้บริโภค ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าข้อความค้นหามาจากการค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องมากกว่าบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิด Conversion สูงกว่าเมื่อเทียบกับเว็บไซต์ข่าว

ตำแหน่งบนเว็บ (ดิสเพลย์เท่านั้น)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามตำแหน่งเว็บไซต์ที่แสดงโฆษณานั้น

ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์สินค้าบรรจุห่อสำหรับผู้บริโภค ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าโฆษณาแสดงในเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและมีผู้เข้าชมจำนวนมาก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิด Conversion สูงกว่า

พฤติกรรมในเว็บไซต์ (ดิสเพลย์เท่านั้น)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามกิจกรรมบนเว็บไซต์ของคุณที่ผู้ใช้ทำ รวมถึงจำนวนหน้าที่ดู มูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่เรียกดู จำนวนขั้นตอนที่ผู้ใช้ดำเนินการไปแล้วในกระบวนการ Conversion และเว็บไซต์อื่นๆ ที่เคยเข้าชม

ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้เรียกดูโซฟาหลายตัวที่มีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับโคมไฟที่มีจุดราคาต่ำกว่า

แอตทริบิวต์ของผลิตภัณฑ์ (Shopping เท่านั้น)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามแอตทริบิวต์ที่คล้ายกันในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ราคา สภาพ แบรนด์ และหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์

ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายอุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้ง ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคุณเพิ่มเต๊นท์ใหม่ลงในข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกับเต๊นท์อื่นๆ ที่มีแนวโน้มการเกิด Conversion สูง

แอตทริบิวต์โรงแรมและแผนการเดินทาง (แคมเปญโรงแรมเท่านั้น)

คําอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามแอตทริบิวต์โรงแรมและแผนการเดินทางที่ผู้ใช้เลือก

ตัวอย่าง: สําหรับโรงแรมที่เลือก ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคะแนนของผู้ใช้เป็นบวก รวมถึงมีวันที่เช็คอินและเช็คเอาต์ที่ผู้ใช้เลือก (ไม่ใช่ตามค่าเริ่มต้น) ซึ่งมีแนวโน้มการจองโรงแรมที่สูงกว่า

คะแนนแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (จะมีให้บริการในเร็วๆ นี้)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามคะแนนและจำนวนรีวิวของแอป

ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์การออกกำลังกาย ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าแอปมีรีวิวที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากและมีแนวโน้มสูงกว่าที่จะทำให้เกิดการติดตั้ง

ความสามารถในการแข่งขันด้านราคา (Shopping และแคมเปญโรงแรมเท่านั้น)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามราคาผลิตภัณฑ์ของคุณที่เทียบกับผู้ลงโฆษณารายอื่นที่เข้าร่วมในการประมูลเดียวกับคุณ

ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายเครื่องครัว ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคุณเสนอดีลสำหรับชุดมีดที่น่าดึงดูดใจกว่าเมื่อเทียบกับผู้ลงโฆษณารายอื่น

ฤดูกาล (Shopping เท่านั้น)

คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามแนวโน้มประสิทธิภาพการทำงานตามฤดูกาลในช่วงต่างๆ ของปี

ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ค้นหาโทรทัศน์เครื่องใหม่ในช่วงเทศกาลวันหยุด ซึ่งมักจะมีแนวโน้มการเกิด Conversion สูงกว่า

การควบคุมประสิทธิภาพที่ยืดหยุ่น

Smart Bidding ให้คุณกำหนดเป้าหมายประสิทธิภาพและปรับแต่งการตั้งค่าตามเป้าหมายทางธุรกิจของคุณที่ไม่เหมือนใคร ดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอบนเครือข่าย Search ตามรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่คุณเลือก รวมถึงการระบุแหล่งที่มาจากข้อมูล
  • กำหนดเป้าหมายด้านประสิทธิภาพตามอุปกรณ์สำหรับมือถือ เดสก์ท็อป และแท็บเล็ตด้วยการเสนอราคา CPA เป้าหมาย
  • คุณสามารถใช้ฟีเจอร์การกำหนดแนวทางซึ่งมีอยู่ในตัวเพื่อรักษากลยุทธ์การเสนอราคาที่ต้องการไว้ได้ ดูรายละเอียดได้ในวิธีกําหนดแนวทางโฆษณา Search ที่ทำงานด้วยระบบ AI

การรายงานประสิทธิภาพที่โปร่งใส

Smart Bidding มีเครื่องมือการรายงานที่ให้ข้อมูลที่เจาะลึกขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการเสนอราคา และช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้แก่

เหมาะสำหรับใคร

Smart Bidding ใช้ได้ดีเยี่ยมกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้โดยอิงตามข้อมูลจากแคมเปญทั้งหมด คุณจึงอาจเห็นว่าแคมเปญใหม่ๆ ที่ไม่มีข้อมูลก็มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย เราขอแนะนำให้ขยายช่วงเวลาวัดประสิทธิภาพให้เป็นช่วงที่มี Conversion อย่างน้อย 30 ครั้ง เช่น ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป (50 Conversion สำหรับ ROAS เป้าหมาย) เพื่อให้ประเมินผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ คุณเพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องลงในแคมเปญที่มีปริมาณการเข้าชมต่ำเพื่อขยายการกำหนดเป้าหมายและเพิ่ม Conversion ได้

ผู้ลงโฆษณาที่ใช้ Smart Bidding ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและนโยบายโฆษณาของ Google ที่บังคับใช้ ตัวอย่างเช่น คุณเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าการใช้ Smart Bidding ของคุณเป็นไปตามนโยบายการโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ของ Google สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำความคุ้นเคยกับสัญญาณบริบทที่ใช้ใน Smart Bidding เพื่อให้ทราบว่า Smart Bidding เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณไหม

สร้างกลยุทธ์ Smart Bidding

ก่อนเริ่มต้น

หากต้องการใช้ Smart Bidding คุณจะต้องเปิดใช้เครื่องมือวัด Conversion ก่อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีต่างๆ ในการติดตาม Conversion

ตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ของแอปโดยใช้ Web to App Connect เมื่อคุณใช้อินเทอร์เฟซ Web to App Connect ใน Google Ads เพื่อตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion และการทำ Deep Link แล้ว คุณสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นจากเว็บไปยังแอปให้แก่ลูกค้าและเพิ่มอัตรา Conversion สูงขึ้น 2 เท่าโดยเฉลี่ยสำหรับการคลิกโฆษณาที่นำไปยังแอปเมื่อเทียบกับเว็บไซต์เวอร์ชันอุปกรณ์เคลื่อนที่

ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นนี้ช่วยให้ลูกค้าดำเนินการที่มุ่งหวังได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ลงชื่อสมัครใช้ หรือเพิ่มสินค้าลงในรถเข็น นอกจากนี้ คุณยังติดตามการกระทําที่ถือเป็น Conversion ในแอปเหล่านี้และรับคำแนะนำในการปรับปรุงแคมเปญได้จากในอินเทอร์เฟซ Web to App Connect อีกด้วย

หากต้องการเริ่มต้นใช้งาน Web to App Connect ให้ทำตาม 3 ขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ Tools Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการวางแผนในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกฮับการโฆษณาแอป ซึ่งจะนำไปยังอินเทอร์เฟซ Web to App Connect

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำให้เกิด Conversion ได้ดียิ่งขึ้นด้วยอินเทอร์เฟซ Web to App Connect

คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ Smart Bidding สําหรับแคมเปญเดียว (กลยุทธ์มาตรฐาน) หรือหลายแคมเปญ (กลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอ) ได้ดังนี้

  • สร้างด้วยแคมเปญใหม่
  • สร้างหรือเปลี่ยนจากการตั้งค่าแคมเปญ
  • สร้างจาก "กลยุทธ์การเสนอราคา"

หากต้องการสร้าง ตรวจสอบ หรือจัดการกลยุทธ์การเสนอราคา ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ Tools Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงงบประมาณและการเสนอราคาในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกกลยุทธ์การเสนอราคา

การระบุแหล่งที่มาของ Conversion ของโฆษณาวิดีโอสำหรับ Smart Bidding

สำหรับโฆษณาวิดีโอที่ใช้ Smart Bidding ทาง Google Ads จะใช้ข้อมูล Conversion จากแคมเปญเพื่อคาดการณ์ว่าการมีส่วนร่วมกับโฆษณาวิดีโอมีแนวโน้มจะนำไปสู่ Conversion มากน้อยเพียงใด

การมีส่วนร่วมของโฆษณา TrueView for Action หมายถึงการคลิกโฆษณาหรือเวลาในการดู 10 วินาที หากเกิดขึ้นทั้ง 2 การกระทำ ระบบจะนับเฉพาะการคลิกเท่านั้น การดูโฆษณาวิดีโอเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วินาทีจะถูกนับเมื่อนำไปสู่ Conversion ในเว็บไซต์หาก Conversion เกิดขึ้นภายใน 3 วันนับจากการมีส่วนร่วม สำหรับผู้ใช้ที่คลิกโฆษณาของคุณ ระบบจะระบุแหล่งที่มาของ Conversion ในกรอบเวลา Conversion ปัจจุบัน

ขยายแคมเปญ Smart Bidding ด้วยคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้าง

คีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างจะจับคู่กับกลยุทธ์ Smart Bidding ได้ดีเป็นพิเศษ รวมถึงการเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด, การเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด, CPA เป้าหมาย และ ROAS เป้าหมาย

คุณไม่ต้องแบ่งกลุ่มตามประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบการเสนอราคาจะตั้งราคาเสนอสำหรับการประมูลแต่ละครั้งของแต่ละการค้นหา และปรับราคาเสนอขึ้นหรือลงโดยขึ้นอยู่กับว่าการค้นหามีโอกาสที่จะทำงานได้ดีเพียงใด การใช้คีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างจะช่วยให้อัลกอริทึมเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและอาจพบการประมูลเพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการเติบโตทางธุรกิจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้าง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
5110434411796022810
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false