ในขั้นตอนนี้ คุณจะได้สร้างแคมเปญโฆษณาแรกของคุณ ซึ่งคุณจะต้องเขียนโฆษณาตัวแรก ตัดสินใจเรื่องค่าใช้จ่าย และเลือกกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการเข้าถึงด้วยโฆษณา
เราจะคอยแนะนำแต่ละขั้นตอนและบอกเคล็ดลับเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม ดังนั้นอย่ากังวลหากไม่แน่ใจว่าต้องทำอะไร
ก่อนที่คุณจะเริ่ม
ลงชื่อสมัครใช้ Google Ads
ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่มีบัญชี คุณสามารถลงชื่อสมัครใช้ด้วยตัวเองที่ด้านล่าง หรือขอรับการสนับสนุนสำหรับคุณโดยเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญ Google Ads Expert ได้ฟรี
คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินจนกว่าจะสร้างบัญชีเสร็จและโฆษณาได้รับการอนุมัติแล้ว การอนุมัติโฆษณาใช้เวลาประมาณ 1 วัน และคุณจะจ่ายต่อเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณเท่านั้น คุณสามารถหยุดแคมเปญชั่วคราวและทำการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเมื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads ใหม่ของคุณแล้ว
1. ตัดสินใจว่าต้องการใช้จ่ายเท่าใด
ให้ตัดสินใจว่าคุณยินดีใช้จ่ายต่อวันเป็นจำนวนเงินเท่าใดโดยเฉลี่ยสำหรับแคมเปญนี้
เคล็ดลับเริ่มต้นด้วยงบประมาณที่คุณพอใจ หลังจากแคมเปญทำงานได้ 2-3 สัปดาห์ ให้ประเมินผลการทำงานและตัดสินใจว่าต้องปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่
หากคุณคุ้นเคยกับการจัดสรรงบประมาณโฆษณาแบบรายเดือน คุณจะคำนวณหาค่าเฉลี่ยของงบประมาณต่อวันได้โดยเอางบประมาณรายเดือนมาหารด้วย 30.4 (จำนวนวันต่อเดือนโดยเฉลี่ย)
- เปิดส่วน “งบประมาณของคุณ” โดยการคลิกไอคอนดินสอ
- เลือกประเภทสกุลเงินจากเมนูแบบเลื่อนลง เมื่อเลือกแล้วจะเปลี่ยนไม่ได้ ดังนั้นโปรดเลือกอย่างระมัดระวัง
- ป้อนจำนวนเงินที่คุณยินดีจ่ายต่อวัน
- คลิกบันทึก
2. เลือกกลุ่มเป้าหมาย
ในส่วนนี้ คุณจะต้องตัดสินใจว่าจะให้โฆษณาแสดงที่ไหน รวมทั้งข้อความค้นหาที่เรียกว่าคีย์เวิร์ดที่คุณต้องการให้ทริกเกอร์การแสดงโฆษณา
สถานที่ตั้ง: เลือกสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่คุณต้องการแสดงโฆษณาลูกค้าของคุณอาศัยอยู่ที่ใด นี่คือที่ที่คุณต้องการให้โฆษณาแสดง Google Ads ให้คุณกำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังลูกค้าตามตำแหน่งต่อไปนี้
- ทั่วประเทศ หลายประเทศ หรือทั่วโลก
- พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในประเทศ เช่น รัฐ จังหวัด เมือง ภูมิภาค หรือรหัสไปรษณีย์
- ขอบเขตเฉพาะ เช่น ภายในระยะทางขับรถจากสถานที่ตั้งธุรกิจของคุณ
หากคุณไม่อยากใช้ง่ายงบประมาณไปกับการคลิกโฆษณาที่ไม่เกี่ยวข้องจากผู้ใช้นอกพื้นที่ให้บริการของธุรกิจ คุณสามารถยกเว้นพื้นที่เหล่านั้นจากแคมเปญได้
วิธีการ
เปิดส่วน “สถานที่ตั้ง” โดยการคลิกไอคอนดินสอ
กำหนดเป้าหมายประเทศ หลายประเทศ หรือทั่วโลกดังนี้
- เลือกการตั้งค่าล่วงหน้าที่เหมาะสม
- คลิกบันทึก
หากต้องการกำหนดเป้าหมายพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในประเทศ เช่น รัฐ จังหวัด เมือง ภูมิภาค หรือรหัสไปรษณีย์ หรือประเทศที่ไม่มีในการตั้งค่าล่วงหน้า ให้ทำดังนี้
- เลือกให้ฉันเลือก
- พิมพ์ชื่อพื้นที่หรือรหัสไปรษณีย์ในกล่องข้อความ
- คลิกเพิ่มเพื่อเพิ่มสถานที่ตั้ง
- หากต้องการเพิ่มสถานที่ตั้งอื่นๆ อีก ให้ทำตามขั้นตอนที่ 2 และ 3 ซ้ำ
- คลิกบันทึก
หากต้องการกำหนดเป้าหมายขอบเขตเฉพาะ เช่น ภายในระยะทางขับรถจากสถานที่ตั้งธุรกิจของคุณ คุณจะต้องใช้การกำหนดเป้าหมายตามขอบเขตพื้นที่ ดังนี้
- คลิกการค้นหาขั้นสูง
- คลิกการกำหนดเป้าหมายตามขอบเขตพื้นที่
- ในช่องค้นหา ป้อนที่อยู่ของสถานที่ที่คุณต้องการใช้เป็นศูนย์กลางของรัศมี ป้อนระยะทางจากจุดที่คุณต้องการกำหนดเป้าหมาย และเลือกหน่วยการวัดจากเมนูแบบเลื่อนลง เช่น 5 กิโลเมตร
- คลิกค้นหาเพื่อดูรัศมีดังกล่าวบนแผนที่
- ตรวจสอบแผนที่เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่ถูกต้อง เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว ให้คลิกเพิ่มเพื่อเพิ่มขอบเขต
- คลิกเสร็จสิ้นที่ด้านล่างสุดของหน้าต่าง
- คลิกบันทึก
หากไม่ต้องการให้โฆษณาแสดงในสถานที่ตั้งนอกพื้นที่ให้บริการของธุรกิจ ให้ทำดังนี้
- เลือกให้ฉันเลือก
- พิมพ์ชื่อพื้นที่หรือรหัสไปรษณีย์ในกล่องข้อความ
- คลิกยกเว้น
- หากต้องการยกเว้นสถานที่ตั้งอื่นๆ อีก ให้ทำตามขั้นตอนที่ 2 และ 3 ซ้ำ
- เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้คลิกบันทึก
ในขั้นตอนนี้ ให้คุณตัดสินใจว่าต้องการให้โฆษณาปรากฏที่ใดบนเครือข่ายของ Google ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ เครือข่าย Search ของ Google และเครือข่าย Display ของ Google คุณเลือกได้ว่าต้องการโฆษณาบนเครือข่ายเดียวหรือทั้ง 2 เครือข่าย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละเครือข่ายมีดังนี้
-
เครือข่าย Search ของ Google จะแสดงโฆษณาข้างผลการค้นหาบนเว็บไซต์การค้นหาของ Google และเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ในเครือข่าย Search ที่ไม่ใช่ Google เมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการเช่นคุณ โดยค่าเริ่มต้น โฆษณาแบบข้อความใหม่ของคุณจะมีสิทธิ์แสดงบนเครือข่าย Search อยู่แล้ว
ตัวอย่าง
หากคุณขายกล้องคอมแพ็ก โฆษณาของคุณอาจได้แสดงข้างผลการค้นหาเมื่อมีคนค้นหากล้องคอมแพ็ก เนื่องจากโฆษณาของคุณเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา พวกเขาจึงน่าจะสนใจสิ่งที่คุณนำเสนอและคลิกโฆษณาของคุณ
-
เครือข่าย Display ของ Google จะเลือกแสดงโฆษณาของคุณบนเว็บไซต์และตำแหน่งอื่นๆ (เช่น แอปและวิดีโอ) ซึ่งแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบนหน้าเว็บ
ตัวอย่าง
หากคุณขายกล้องคอมแพ็ก โฆษณาของคุณอาจได้แสดงบนบล็อกเกี่ยวกับกล้องดิจิทัล
ระบบจะเลือกให้คุณใช้เครือข่าย Display โดยอัตโนมัติ หากต้องการเลือกไม่ใช้ ให้ทำดังนี้
- คลิกดินสอ เพื่อเปิดส่วน "เครือข่าย"
- ยกเลิกการเลือกช่องถัดจาก "เครือข่าย Display"
- คลิกบันทึก
คีย์เวิร์ดคือวลีที่คุณเลือกเพื่อกำหนดว่าโฆษณาจะได้แสดงที่ไหนและเมื่อใด ระบบจะใช้คีย์เวิร์ดเพื่อจับคู่โฆษณากับคำที่ผู้คนใช้ค้นหา (หรือหน้าเว็บที่พวกเขาดูอยู่หากคุณโฆษณาบนเครือข่าย Display)
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยคุณเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
-
เฉพาะเจาะจง - คุณจะต้องใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณกำลังโฆษณามากที่สุด ยิ่งคีย์เวิร์ดของคุณมีความเกี่ยวข้องและเฉพาะเจาะจงกับสิ่งที่มีผู้ค้นหามากเท่าใด โฆษณาของคุณก็ยิ่งมีโอกาสที่จะดึงดูดความสนใจของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่าง
หากคุณขายรองเท้าบาสเกตบอลสำหรับเด็ก คุณอาจเลือกคีย์เวิร์ดต่อไปนี้
รองเท้าบาสเกตบอลสำหรับวัยรุ่น
รองเท้าบาสเกตบอลสำหรับเด็ก
รองเท้าบาสเกตบอลสำหรับเด็กผู้ชาย
รองเท้าบาสเกตบอลสำหรับเด็กผู้หญิง
รองเท้าบาสเกตบอลสำหรับลูกเมื่อมีคนทำการค้นหาใน Google โดยใช้วลีว่ารองเท้าบาสเกตบอลสำหรับเด็กหรือข้อความที่ใกล้เคียง โฆษณาของคุณอาจได้แสดงข้างผลการค้นหาของ Google หรือบนเว็บไซต์อื่นที่เกี่ยวข้องกับบาสเกตบอลเด็ก
-
คิดในมุมมองลูกค้า - คำและวลีใดที่ผู้คนจะค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณพบ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น การใส่คำศัพท์หรือคำต่างๆ ที่ใช้บ่อยลงในรายการคีย์เวิร์ดก็เป็นความคิดที่ดี
เราแนะนำให้เลือกคีย์เวิร์ด 5 ถึง 20 รายการ คีย์เวิร์ดที่ประกอบด้วยคำ 2 หรือ 3 คำ (วลี) มีแนวโน้มว่าจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ผู้ลงโฆษณาที่มีประสบการณ์: คีย์เวิร์ดจะจับคู่กับการค้นหาด้วยการทำงานแบบกว้างโดยค่าเริ่มต้น ใช้ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดเพื่อควบคุมว่าการค้นหาใดที่จะเรียกให้โฆษณาของคุณแสดง -
วิธีการ
- คลิกดินสอ เพื่อเปิดส่วน "คีย์เวิร์ด"
- คุณจะเห็นรายการคีย์เวิร์ดที่เราเลือกไว้โดยพิจารณาจากเว็บไซต์ของคุณ ตรวจสอบรายการคีย์เวิร์ดที่แนะนำเพื่อดูว่ามีคำใดบ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณโฆษณา ลบคีย์เวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้องออกโดยคลิก X
- เพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในกล่องข้อความ โดยคั่นด้วยจุลภาค
- เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้คลิกบันทึก
คุณสามารถแก้ไข ลบ หรือเพิ่มคีย์เวิร์ดภายหลังได้เสมอเมื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads แล้ว
3. กำหนดราคาเสนอของคุณ
ด้วย Google Ads คุณสามารถกำหนดราคาสูงสุดที่คุณยินดีจ่ายเมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าคลิกที่โฆษณา ซึ่งเรียกว่าการเสนอราคาแบบราคาต่อหนึ่งคลิก (CPC) สูงสุด
เคล็ดลับโดยทั่วไป ยิ่งคุณเสนอราคามากขึ้นเท่าใด และโฆษณาและคีย์เวิร์ดมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นเท่าใด โฆษณาของคุณก็จะแสดงในอันดับที่สูงขึ้นเท่านั้นในหน้าเว็บ
เมื่อสร้างแคมเปญแรก คุณจะมีรูปแบบการเสนอราคาให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
- อนุญาตให้ Google Ads จัดการราคาเสนอให้คุณโดยอัตโนมัติเพื่อให้คุณได้รับคลิกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายในงบประมาณของคุณ นี่เป็นกลยุทธ์การเสนอราคาที่ง่ายที่สุดและเหมาะสำหรับผู้ลงโฆษณาที่ไม่ต้องการเสียเวลามากมายไปกับการกำหนดและจัดการราคาเสนอ
- ใช้การเสนอราคาด้วยตนเองเพื่อตั้งราคาเสนอ CPC สูงสุดของคุณเอง การเสนอราคาด้วยตนเองเหมาะสำหรับผู้ลงโฆษณาที่มีประสบการณ์ รวมทั้งมีเวลาตรวจสอบบัญชี Google Ads และปรับราคาเสนอเป็นประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
- คลิกดินสอ เพื่อเปิดส่วน "ราคาเสนอ"
-
เลือกรูปแบบการเสนอราคา
- สำหรับการเสนอราคาอัตโนมัติ เลือกกำหนดราคาเสนอของฉันโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้รับคลิกมากที่สุดภายในงบประมาณที่กำหนด (นี่คือตัวเลือกที่เราแนะนำสำหรับผู้ลงโฆษณาใหม่)
- สำหรับการเสนอราคาด้วยตนเอง เลือกฉันจะกำหนดราคาเสนอด้วยตนเอง แล้วป้อนราคาเสนอ
- คลิกบันทึก
4. เขียนโฆษณาของคุณ
สำหรับแคมเปญแรก คุณจะต้องสร้างโฆษณาแบบข้อความ ซึ่งเป็นรูปแบบโฆษณาออนไลน์ที่ง่ายที่สุดใน Google Ads
เคล็ดลับโฆษณาของคุณบอกถึงผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ ยิ่งโฆษณามีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจต่อลูกค้ามากเท่าใด ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับคลิกมากขึ้นเท่านั้น
เขียนข้อความโฆษณาให้ได้ผลที่สุดด้วยเคล็ดลับ 5 ข้อนี้
-
จับคู่โฆษณากับคีย์เวิร์ดของคุณ
ตรวจสอบให้ข้อความโฆษณาเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิธีนี้จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ที่ค้นหาด้วยคำเหล่านั้นและแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ
-
จับคู่โฆษณากับหน้า Landing Page ของคุณ
เมื่อมีคนคลิกโฆษณาและเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ คุณควรส่งพวกเขาไปยังหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่โฆษณามากที่สุด ซึ่งเรียกว่าหน้า Landing Page เช่น หากคุณโฆษณาขายรองเท้าผู้ชายในราคาไม่เกิน 1,500 บาท โฆษณาก็ควรจะเชื่อมโยงไปยังหน้า Landing Page ที่ขายรองเท้าผู้ชายในราคาไม่เกิน 1,500 บาทเช่นกัน ยิ่งคุณทำให้ลูกค้าพบสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้นเท่าใด ลูกค้าก็มีแนวโน้มที่จะทำการซื้อมากขึ้นเท่านั้น
-
ใช้คำกระตุ้นการตัดสินใจ
ใช้คำกระตุ้นการตัดสินใจที่หนักแน่นและชัดเจน ซึ่งบอกให้ลูกค้าทราบว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้างบนเว็บไซต์ของคุณหลังจากคลิกโฆษณาแล้ว เช่น ซื้อ จองเลย โทรวันนี้ สั่งซื้อ ลงชื่อสมัครใช้ หรือขอใบเสนอราคา
-
ใส่ราคาหรือโปรโมชันที่เฉพาะเจาะจง
เน้นจุดเด่นหรือแง่มุมที่ทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง เช่น ราคา ส่วนลดพิเศษ ข้อเสนอพิเศษ หรือบริการจัดส่งฟรี ยิ่งคุณทำให้ตัวเองมีความชัดเจนเหนือคู่แข่งมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น
-
ใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่กับตัวอักษรแรกของทุกคำ (ภาษาอังกฤษ)
โฆษณาแบบข้อความของคุณจะเตะตาผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้นเมื่อใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่กับตัวอักษรแรกของทุกคำในบรรทัดแรกและข้อความของโฆษณา
- เริ่มต้นโดยคลิกดินสอ เพื่อเปิดส่วน "โฆษณาแบบข้อความ"
- ป้อน URL ของหน้า Landing Page ที่ระบบจะนำผู้ใช้ไปเมื่อคลิกโฆษณาของคุณ เลือกหน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้องกับข้อความโฆษณามากที่สุด
- ใส่บรรทัดแรกที่ดึงดูดความสนใจ คุณจะได้ช่องสำหรับบรรทัดแรก 2 ช่อง แต่ละช่องป้อนได้ 30 อักขระ 2 ช่องนี้จะแสดงข้างกันโดยมีเครื่องหมายยัติภังค์คั่น บรรทัดแรกอาจรวมกันเป็นหลายบรรทัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าจอของผู้ใช้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมื่ออ่านบรรทัดแรกทั้งสองแยกกัน ข้อความสามารถเข้าได้ง่ายและผู้ใช้อ่านแบบผ่านๆ รู้เรื่อง ลองใส่คีย์เวิร์ดอย่างน้อย 1 คำในบรรทัดแรกของโฆษณา เพื่อให้ผู้ชมทราบทันทีว่าคุณนำเสนอสิ่งที่พวกเขาต้องการ
- เขียนคำอธิบายสั้นๆ โดยใช้เคล็ดลับที่ระบุไว้ข้างต้น อย่าลืมใส่คำกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น ซื้อเลย หรือโทรวันนี้ และคีย์เวิร์ด 1-2 คำ ลองไฮไลต์ราคาหรือโปรโมชันที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้โฆษณาของคุณโดดเด่น
- หากต้องการให้โฆษณากระตุ้นผู้ใช้ให้โทรศัพท์มาที่ธุรกิจของคุณ ให้ทำเครื่องหมายในช่องถัดจากเปิดใช้การโทรจากโฆษณา แล้วป้อนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ (ปัจจุบันใช้ได้เพียงบางประเทศ) โฆษณาจะแสดงหมายเลขโทรศัพท์หรือปุ่ม "โทร" ที่สามารถคลิกได้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ Google จะใช้หมายเลขโอนสายพิเศษเพื่อช่วยคุณติดตามจำนวนการโทรที่ได้จากโฆษณา
- เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้คลิกบันทึก
คลิกบันทึกและต่อไปเพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป