การเสนอราคาอัตโนมัติใน Google Ads จะช่วยให้ได้ราคาเสนอที่เหมาะสมมากขึ้นแถมยังใช้เวลาน้อยลง ในคู่มือนี้เราพูดถึงเหตุผลที่คุณควรใช้กลยุทธ์ Smart Bidding และวิธีช่วยให้แคมเปญ Search ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น |
|
1. เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูลเมื่อใช้ Google Ads
เหตุผล: ราคาเสนอแบบไดนามิกที่ปรับให้เหมาะกับการประมูลแต่ละครั้งให้จะผลลัพธ์ที่ดีกว่า
เหตุผล: อัลกอริทึมการเสนอราคาของ Google Ads จะกำหนดราคาเสนอโดยประเมินสัญญาณบริบทที่เกี่ยวข้องหลายพันล้านชุดที่มีในขณะประมูล ผู้ลงโฆษณา Google กว่า 80% ใช้การเสนอราคาอัตโนมัติ1
เหตุผล: การเสนอราคาอัตโนมัติจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในการเสนอราคาได้มาก ทำให้คุณจัดสรรเวลาที่เหลือไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพส่วนอื่นๆ ของบัญชีได้ เช่น การวัดผลและครีเอทีฟโฆษณา กรณีศึกษาหลังจากเปลี่ยนมาใช้ ROAS เป้าหมาย Savings.com พบว่าได้กำไรโดยรวมที่ ROAS เป้าหมายเพิ่มขึ้น 30% และประหยัดเวลาให้ผู้จัดการแคมเปญได้เพราะไม่จำเป็นต้องคอยติดตามดูการปรับราคาเสนอของ Google Ads หลายรายการ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากการเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูล |
||||||||||
|
2. กําหนดโครงสร้างบัญชี การตั้งค่า และแนวทางปฏิบัติในการวัดผลเพื่อความสําเร็จ
เหตุผล: การเสนอราคาอัตโนมัติเป็นการเสนอราคาตามวัตถุประสงค์ ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปแล้วแคมเปญเดียวควรมีวัตถุประสงค์ประเภทเดียวกัน
เหตุผล: คุณไม่จำเป็นต้องจัดวางโครงสร้างแคมเปญอย่างละเอียด เนื่องจากการเสนอราคาอัตโนมัติจะทำงานกับโครงสร้างบัญชีทั้งหมด เหตุผล: การวัด Conversion รวมถึงการมีข้อมูล Conversion และมูลค่า Conversion ที่ดีขึ้นย่อมทำให้ได้รับราคาเสนออัตโนมัติที่เหมาะสมยิ่งขึ้น เหตุผล: แสดงข้อความที่ใช่แก่ผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่ตั้งราคาเสนอที่เหมาะสมกับการค้นหาแต่ละรายการ ผู้ลงโฆษณาที่นำโฆษณา Search ที่ปรับเปลี่ยนตามบริบทไปใช้ในแคมเปญซึ่งใช้การทํางานแบบกว้างและ Smart Bidding ด้วย ได้รับ Conversion เพิ่มขึ้น 20% โดยเฉลี่ยที่ต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำใกล้เคียงกับของเดิม2 กรณีศึกษาการใช้ทั้งการทํางานแบบกว้าง, Smart Bidding และโฆษณา Search ที่ปรับเปลี่ยนตามบริบทร่วมกันทําให้ tails.com ซึ่งตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรได้ผู้ลงชื่อสมัครใช้ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นจากแคมเปญ Search ทั่วไป 182% ในขณะที่เพิ่มการคลิกได้ 258% ดูเรื่องราวของ tails.com |
||||||||||
|
3. เลือกกลยุทธ์การเสนอราคาที่เหมาะสม
เหตุผล: การทำงานอัตโนมัติจะจัดการบัญชีของคุณโดยเน้นเป้าหมายหลักเป็นสำคัญ
เหตุผล: Conversion แต่ละรายการมีมูลค่าแตกต่างกันไป บางรายการมีมูลค่ามากกว่ารายการอื่นๆ การวัดมูลค่า Conversion จากนั้นเสนอราคาเพื่อ Conversion เหล่านั้นจะช่วยให้คุณพบลูกค้าที่มีคุณค่ามากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วผู้ลงโฆษณาที่เปลี่ยนกลยุทธ์การเสนอราคาจากการมี CPA เป้าหมายเป็น ROAS เป้าหมายได้รับมูลค่า Conversion เพิ่มขึ้น 14% โดยมีผลตอบแทนจากค่าโฆษณาใกล้เคียงกับของเดิม3 กรณีศึกษา1STOPlighting เปลี่ยนการเสนอราคาของแคมเปญ Shopping ทั้งหมดเป็น ROAS เป้าหมายและเพิ่มกําไรได้ 214%
เหตุผล: ควรใช้การปรับเฉพาะช่วงเวลากับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงเมื่อคุณคาดการณ์ได้ว่าอัตรา Conversion จะมีการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวในช่วงเวลาสั้นๆ |
||||||||||
|
4. ทดสอบกลยุทธ์การเสนอราคา
เหตุผล: การเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ ในขณะที่คุณทดสอบ Smart Bidding อาจทำให้ผลการทดสอบคลาดเคลื่อนได้ เริ่มต้นใช้งาน: ใช้การทดสอบ Google Ads เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของการเสนอราคาอัตโนมัติ
เหตุผล: ในการทดสอบ การมีข้อมูลมากจะทำให้ได้ผลลัพธ์รวดเร็วและมีความแม่นยำมากขึ้น
เหตุผล: การตั้งเป้าหมายที่สูงจนเกินไปอาจส่งผลต่อปริมาณการเข้าชม และทำให้เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาอย่างถูกต้องไม่ได้ |
||||||||||
|
5. ประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติเหตุผล: คุณดูประสิทธิภาพการทํางานของเมตริกเป้าหมายเมื่อเวลาผ่านไปได้เมื่อใช้ Smart Bidding แล้วดูว่าคุณบรรลุเป้าหมายโดยเฉลี่ยได้เพียงใด
เหตุผล: ใช้สัญญาณที่โดดเด่นที่สุดเพื่อให้ทราบว่ารายการใดส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Smart Bidding มากที่สุด ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะเป็นแนวทางในการทําการตลาดในวงกว้างขึ้น เหตุผล: การปรับเป้าหมายจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพที่เปลี่ยนแปลงไปได้ และการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายที่สำคัญหรือบ่อยครั้งจะไม่ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเสนอราคา
เหตุผล: ลูกค้าอาจต้องใช้เวลาดําเนินการในการทํา Conversion หลังจากคลิกที่โฆษณา ซึ่งเราเรียกว่าระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion คุณจําเป็นต้องทราบว่าความล่าช้าโดยทั่วไปเป็นอย่างไรเพื่อประเมินประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม ประสิทธิภาพจริงอาจดูต่ำกว่าที่เห็นหากคุณไม่รอจนกระทั่งระบบรายงาน Conversion ครบทุกรายการก่อนประเมินประสิทธิภาพ |
1. ข้อมูลภายในของ Google, ทั่วโลก, 16-03-2021 ถึง 12-04-2021
2. ข้อมูลภายในของ Google 01-04-2021 ถึง 07-04-2021
3. ข้อมูลภายในของ Google, ทั่วโลก, ก.พ. 2023