ใช้เครื่องมือวัด Conversion เพื่อดูว่าโฆษณาแบบโทรและโฆษณาที่มีชิ้นงานการโทรหรือชิ้นงานสถานที่ตั้งนำไปสู่การโทรได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด
เครื่องมือวัด Conversion จะติดตามการโทรว่าเป็น Conversion เมื่อมีระยะเวลาการโทรเกินระยะเวลาการโทรขั้นต่ำที่คุณกำหนดไว้ วิธีนี้จะช่วยกรองการโทรที่มีระยะเวลาสั้นออก ซึ่งอาจเป็นการโทรที่ไม่มีการขายหรือการกระทำอื่นๆ ที่เกิดมูลค่าสำหรับธุรกิจของคุณ
หากคุณใช้ระบบอื่นในการติดตามเมื่อการโทรนำไปสู่การขายหรือ Conversion อื่นๆ เราขอแนะนำให้สร้างการนำเข้าการกระทำที่ถือเป็น Conversion การโทรแทน หรือคุณอาจดูการกระทำที่ถือเป็น Conversion การโทรทั้งหมดได้ในเกี่ยวกับการวัด Conversion การโทร
ข้อดี
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคีย์เวิร์ด โฆษณา กลุ่มโฆษณา และแคมเปญที่ใช้อยู่ส่งผลดีต่อธุรกิจมากแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น แถมยังเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ให้กับคุณ นอกจากนี้เครื่องมือวัด Conversion ยังช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติได้ เช่น ต้นทุนต่อการดำเนินการ (CPA) เป้าหมายและผลตอบแทนเป้าหมายจากค่าโฆษณา (ROAS) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญให้เป็นไปตามเป้าหมายธุรกิจที่คุณตั้งไว้โดยอัตโนมัติ
บทความนี้จะแสดงวิธีติดตามการโทรจากโฆษณา
ข้อกำหนด
คุณจะต้องมีสิ่งเหล่านี้ก่อนจึงจะตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion สำหรับการโทรจากโฆษณา
- บัญชี Google Ads: หากคุณยังไม่มี ลงชื่อสมัครใช้บัญชี Google Ads
- คุณต้องมีสิ่งต่อไปนี้อย่างน้อย 1 รายการ ชิ้นงานการโทร ชิ้นงานสถานที่ตั้งที่มีตัวเลือกการโทร หรือโฆษณาแบบโทร
- เปิดใช้การรายงานจำนวนการโทรเข้าในการตั้งค่าบัญชี
- ธุรกิจในประเทศที่มีสิทธิ์: ในปัจจุบัน การรายงานจำนวนการโทรเข้ามีให้บริการในประเทศเหล่านี้ รหัสประเทศของหมายเลขโทรศัพท์ที่เพิ่มลงในชิ้นงานการโทร โฆษณาแบบโทร หรือชิ้นงานสถานที่ตั้งควรอยู่ในรายการประเทศที่มีสิทธิ์
วิธีการ
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
- คลิกสรุป
- คลิกการกระทําที่ถือเป็น Conversion ใหม่
- คลิกการโทร
- เลือกการโทรจากโฆษณาโดยใช้ชิ้นงานการโทรหรือโฆษณาแบบโทรเท่านั้น แล้วคลิกต่อไป
- ใช้เมนูแบบเลื่อนลง "การเพิ่มประสิทธิภาพเป้าหมายและการกระทำ" ในการเลือกหมวดหมู่เป้าหมายเพื่อจัดกลุ่มกับการกระทำที่ถือเป็น Conversion โดยค่าเริ่มต้นจะมีการเลือก "เป้าหมาย" เป็น "ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าผ่านการให้เบอร์โทรศัพท์" และ "การเพิ่มประสิทธิภาพการกระทําที่ถือเป็น Conversion" เป็น "การกระทําหลัก"
- เพิ่ม "ชื่อ Conversion" ที่มีอักขระไม่เกิน 100 ตัว
- ในส่วน "มูลค่า" ให้เลือกใช้มูลค่าเดียวกันสำหรับทุก Conversion แล้วป้อนมูลค่าของ Conversion การโทรแต่ละครั้ง หรือเลือกไม่ใช้มูลค่ากับการกระทําที่ถือเป็น Conversion นี้ ซึ่งไม่แนะนํา
- ถัดจาก "การนับ" ให้เลือกว่าจะนับทุกๆ Conversion หรือนับ 1 Conversion ต่อการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง โดย "ทุกๆ " เหมาะกับการขาย ส่วน "1" เหมาะกับโอกาสในการขาย
- คลิกระยะเวลาการโทร ใส่ระยะเวลาขั้นต่ำของการโทรที่จะนับเป็น Conversion โดยใช้หน่วยวินาที
- ในเมนูแบบเลื่อนลง "กรอบเวลา Conversion การคลิกผ่าน" ให้เลือกกรอบเวลา Conversion (ระยะเวลาหลังจากการคลิกโฆษณาที่คุณต้องการติดตาม Conversion) สำหรับการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้ กรอบเวลานี้มีระยะเวลาได้ตั้งแต่ 1 วันไปจนถึง 60 วัน
- (ขั้นสูง) คลิกเป้าหมาย Conversion เริ่มต้นของบัญชี
- หากเลือกการตั้งค่านี้ (ซึ่งเลือกไว้แล้วโดยค่าเริ่มต้น) ระบบจะรวมข้อมูลการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้ในคอลัมน์การรายงาน "Conversion" หากไม่เลือกการตั้งค่านี้ ข้อมูลจะยังคงรวมอยู่ในคอลัมน์ "Conversion ทั้งหมด"
- กลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติ เช่น ROAS เป้าหมาย ต้นทุนต่อคลิกที่ปรับปรุงแล้ว (ECPC) หรือ CPA เป้าหมายจะใช้ข้อมูลในคอลัมน์ "Conversion" หากใช้กลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Conversion และไม่ต้องการรวมการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้ไว้ในกลยุทธ์การเสนอราคาก็ไม่จำเป็นต้องเลือกการตั้งค่านี้ แต่หากต้องการ ให้ปล่อยไว้เหมือนเดิม
- คลิกรูปแบบการระบุแหล่งที่มา การตั้งค่านี้ช่วยให้คุณเลือกวิธีให้เครดิตสำหรับแต่ละ Conversion ได้ไม่ว่าจะเป็นคลิกสุดท้ายที่ลูกค้าคลิกก่อนที่จะเกิด Conversion คลิกแรก หรือหลายๆ คลิกรวมกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละตัวเลือกและวิธีการทำงานของการตั้งค่านี้ในเกี่ยวกับรูปแบบการระบุแหล่งที่มา
- คลิกสร้างและต่อไป
หากบัญชี Google Ads ลิงก์กับ Business Profile โดยเปิดฟีเจอร์ประวัติการโทรไว้ ระบบจะรายงานการโทรที่มาจาก Business Profile ซึ่งเกิดจากการโต้ตอบกับโฆษณาไว้ในการกระทําที่ถือเป็น Conversion "การโทรจากโฆษณา" ในบัญชี Google Ads
หากต้องการติดตามการโทรที่มาจาก Business Profile ให้ทำดังนี้
- ตรวจสอบว่าข้อมูล Business Profile อยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา
- ลิงก์ Business Profile กับบัญชี Google Ads ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลิงก์ Business Profile
- เปิดใช้ประวัติการโทรในข้อมูล Business Profile ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการโทรใน Google Business Profile
- เปิดใช้การรายงานจำนวนการโทรเข้าในบัญชี Google Ads ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรายงานจำนวนการโทรเข้า