ยกเว้นหน้าเว็บและวิดีโอที่เจาะจง

ตอนนี้โฆษณาจะปรากฏในเนื้อหาที่ตรงกับหัวข้อ ตําแหน่ง หรือคีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณา Display/วิดีโอ/Search ที่คุณกําหนดเป้าหมายไว้เพื่อช่วยให้คุณเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้น เช่น หากคุณกําหนดเป้าหมาย "จักรยาน" เป็นหัวข้อและ "การปั่นจักรยาน" เป็นคีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณา Display/วิดีโอ/Search โฆษณาจะแสดงในเนื้อหาที่ตรงกับรายการใดรายการหนึ่งจาก 2 รายการดังกล่าว

นอกจากนี้ คุณยังจะเห็นการกำหนดเป้าหมายตามบริบทที่ง่ายขึ้นรวมอยู่ในหน้าเดียวใน Google Ads เพื่อให้สามารถจัดการการกำหนดเป้าหมายตามเนื้อหาทุกประเภท (หัวข้อ ตําแหน่ง คีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณาวิดีโอ/Display และการยกเว้น) ได้ในมุมมองเดียว หน้าใหม่นี้อยู่ในส่วน "เนื้อหา" ของแคมเปญ Campaigns Icon ในเมนูการนำทางด้านซ้าย

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024: การยกเว้นตำแหน่งระดับบัญชีจะมีผลต่อเครือข่ายพาร์ทเนอร์ Search ด้วย ในการเปิดตัวนี้ เว็บไซต์ในเครือข่ายพาร์ทเนอร์ Search จะได้รับการยกเว้นหากผู้ลงโฆษณาเพิ่มการยกเว้นที่ระดับบัญชีหรือบัญชีดูแลจัดการ โดยจะส่งผลต่อแคมเปญทุกประเภทที่แสดงโฆษณาในเครือข่ายพาร์ทเนอร์ Search ซึ่งได้แก่ Performance Max, App, Search, Shopping และ Smart Campaign ในบัญชี

เราได้ลดความซับซ้อนในการควบคุมการกำหนดเป้าหมายและการยกเว้นสำหรับดิสเพลย์บนมือถือลง เพื่อให้คุณเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่กำลังเติบโตได้ง่ายขึ้น

การยกเว้นเนื้อหา (การยกเว้น “โฆษณาที่ไม่ใช่แบบคั่นระหว่างหน้าในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ G-Mob”) เปลี่ยนไปเป็นตัวเลือกแบบง่ายในการกำหนดอุปกรณ์เป้าหมายแบบคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เคลื่อนที่

คุณควบคุมได้ว่าโฆษณาจะปรากฏผ่านผู้เผยแพร่โฆษณาหรือเนื้อหาประเภทใดโดยใช้คุณควบคุมได้ว่าโฆษณาจะปรากฏผ่านผู้เผยแพร่โฆษณาหรือเนื้อหาประเภทใดโดยใช้

  • หัวข้อ
  • การกำหนดอุปกรณ์เป้าหมาย เลือกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่
  • หมวดหมู่แอป
  • การยกเว้นแอปแต่ละแอป โดยใช้การยกเว้นตำแหน่งโฆษณาสำหรับแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และการยกเว้นเว็บไซต์แต่ละแห่ง
  • การยกเว้นเนื้อหา

นอกจากจะเลือกตำแหน่งที่กำหนดใน YouTube, เครือข่ายพาร์ทเนอร์ Search และเครือข่าย Display เช่น หน้าเว็บ เว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และวิดีโอที่ต้องการให้แสดงโฆษณาได้แล้ว คุณยังเลือกตำแหน่งที่ยกเว้นซึ่งเป็นตำแหน่งที่คุณไม่ต้องการให้แสดงโฆษณาได้อีกด้วย โดยสามารถยกเว้นเว็บไซต์หรือโดเมนที่ไม่เหมาะกับแบรนด์ หรือที่กระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ไม่ดี

ประเภทของตำแหน่งโฆษณาที่คุณอาจยกเว้น

  • บางตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับแบรนด์ของคุณ
  • ตำแหน่งที่โฆษณาของคุณแสดง แต่มีประสิทธิภาพไม่ดี

ตัวอย่าง

บริษัทการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งมีกลุ่มโฆษณาที่เสนอแพ็กเกจการตั้งแคมป์สำหรับครอบครัวและกำหนดเป้าหมายหัวข้อ เช่น การเดินเขาและการตั้งแคมป์ บริษัทสังเกตเห็นว่าโฆษณาบางรายการแสดงบนตำแหน่งอัตโนมัติที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ แต่ไม่ได้มุ่งเน้นสำหรับครอบครัว บริษัทจะยกเว้นตำแหน่งเหล่านี้ออกจากกลุ่มโฆษณาได้

ยกเว้นตำแหน่งโฆษณาจากแคมเปญ กลุ่มโฆษณา หรือบัญชี

คุณจะยกเว้นตำแหน่งจากกลุ่มโฆษณาและแคมเปญที่ต้องการได้จากหน้า "ตำแหน่งโฆษณา"

หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหาในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกเนื้อหา
  4. คลิกการยกเว้น
  5. คลิกลูกศรแบบเลื่อนลงทางขวาของคำว่า "การยกเว้น"
  6. คลิกตำแหน่งโฆษณา
  7. คลิกไอคอนดินสอ แก้ไข
  8. เลือกว่าจะ "เพิ่มการยกเว้นตําแหน่ง" หรือ "ใช้รายการการยกเว้นตําแหน่ง"
  9. เลือกว่าต้องการยกเว้นตำแหน่งที่ระดับแคมเปญ กลุ่มโฆษณา หรือบัญชี
  10. หากเลือก "เพิ่มการยกเว้นตําแหน่ง" ให้ทําอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
    1. ค้นหาคำ, วลี, URL หรือรหัสวิดีโอที่ต้องการยกเว้น
    2. คลิกป้อนหลายตำแหน่ง แล้วป้อน URL ที่ต้องการยกเว้น
  11. หากคุณเลือก "ใช้รายการการยกเว้นตําแหน่ง" ให้เลือกรายการการยกเว้นตําแหน่งที่มีอยู่
  12. หลังจากป้อนการยกเว้นแล้ว ให้คลิกบันทึก

วิธีการเพิ่ม URL ที่ยกเว้น

มี URL หลายประเภทสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ประเภทต่างๆ พร็อพเพอร์ตี้แต่ละประเภทมีรูปแบบที่อยู่ที่เฉพาะตัว ตั้งแต่แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จนถึงหน้าผลิตภัณฑ์เฉพาะ ขยายส่วนด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจวิธีป้อนที่อยู่สำหรับตำแหน่งแต่ละประเภท

การจัดรูปแบบการยกเว้นตำแหน่งสำหรับเว็บไซต์
มีวิธียกเว้นตำแหน่งหลายวิธี ได้แก่ ตามโดเมน โดเมนย่อย ชื่อเส้นทาง หรือหน้าเว็บแต่ละหน้า แต่ไม่สามารถยกเว้นตามโดเมนหลายระดับได้ โดยทั่วไป การยกเว้นโดเมนจะป้องกันไม่ให้โฆษณาแสดงบนหน้าเว็บทั้งหมดที่อยู่ในโดเมนนั้น ขณะที่การป้อนโดเมนย่อยหรือเส้นทางจะป้องกันไม่ให้โฆษณาแสดงเฉพาะบนหน้าเว็บที่อยู่ในโดเมนย่อยหรือเส้นทางดังกล่าวตามลำดับ โปรดทราบว่าการยกเว้นสำหรับโดเมนย่อย เว็บไซต์ย่อย และหน้าเว็บย่อยไม่ทำงานในเครือข่ายพาร์ทเนอร์ Search

ตัวอย่าง

บริษัทของจรวยขายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน และเธอต้องการแสดงโฆษณาเฉพาะในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เธอกำหนดเป้าหมายไปยังเว็บไซต์รีวิวผลิตภัณฑ์ยอดนิยม และเพิ่มการยกเว้นเว็บไซต์สำหรับเส้นทางเว็บไซต์เกี่ยวกับเครื่องมือกระจุกกระจิกสำหรับอาหารและเครื่องใช้ภายในบ้าน เพื่อไม่ให้โฆษณาแสดงในหน้าเหล่านั้น การปรับตำแหน่งที่โฆษณาจะปรากฏนี้ทำให้เธอแสดงโฆษณาต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่สนใจมากที่สุดได้

รูปแบบของแต่ละหน่วยในรายการการยกเว้นเว็บไซต์จะเป็นตัวกำหนดวิธีที่ Google Ads กรองเว็บไซต์ ตัวอย่างวิธียกเว้นโดเมนและวิธีจัดรูปแบบการยกเว้นเหล่านี้มีดังนี้

ระดับ

การยกเว้น

 
ชื่อโดเมนระดับบนสุด example.com
ใช้รูปแบบนี้หากต้องการให้โฆษณาของคุณได้รับการยกเว้นจากโดเมน โดเมนย่อย ชื่อไดเรกทอรี หน้าเว็บแต่ละหน้า และรายการอื่นๆ ของโดเมนนั้น
  • โฆษณาจะไม่ปรากฏใน example.com, www.example.com, www1.example.com, www.example.com/stuff, www.example.com/stuff/page.html หรือ placement.example.com
ใช่ ยืนยันแล้ว ยอมรับได้
โดเมนย่อยระดับแรก www.example.com
  • โฆษณาจะไม่ปรากฏใน www.example.com หรือ www.example.com/stuff
  • โฆษณาอาจปรากฏใน www1.example.com หรือ placement.example.com
ใช่ ยืนยันแล้ว ยอมรับได้
โดเมนย่อยระดับแรก placement.example.com ใช่ ยืนยันแล้ว ยอมรับได้
ชื่อไดเรกทอรีเดียว www.example.com/stuff
  • โฆษณาจะไม่ปรากฏใน www.example.com/stuff หรือ www.example.com/stuff/page.html
  • โฆษณาอาจปรากฏใน www.example.com
ใช่ ยืนยันแล้ว ยอมรับได้
ชื่อไดเรกทอรีเดียว example.com/stuff ใช่ ยืนยันแล้ว ยอมรับได้
ชื่อไดเรกทอรีที่สอง www.example.com/stuff/extra
  • โฆษณาจะไม่ปรากฏใน www.example.com/stuff/extra หรือ www.example.com/stuff/extra/page.html
  • โฆษณาอาจปรากฏใน www.example.com หรือ www.example.com/stuff
ใช่ ยืนยันแล้วยอมรับได้
โดเมนย่อยหลายระดับ

www.placement.example.com

  • โฆษณาจะได้รับการยกเว้นจากโดเมนย่อยนี้เท่านั้น
ไม่แนะนำ
หน้าเว็บแต่ละหน้า www.example.com/index.html ใช่ ยืนยันแล้ว ยอมรับได้

เนื่องจากเครือข่ายดิสเพลย์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจึงรับรองไม่ได้ว่าคุณจะยกเว้นหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อยกเว้นหมวดหมู่ อย่างไรก็ตาม ในขณะทดสอบเราพบว่าการยกเว้นหมวดหมู่จะลดการแสดงผลในหน้าที่เกี่ยวข้องลงประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์

ยกเว้นแอปแต่ละแอปจากแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์
หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ Campaigns Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหาในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกเนื้อหา
  4. คลิกการยกเว้น
  5. คลิกลูกศรแบบเลื่อนลงทางขวาของคำว่า "การยกเว้น"
  6. คลิกตําแหน่งโฆษณา
  7. คลิกไอคอนดินสอ แก้ไข
  8. เลือกเพิ่มการยกเว้นตำแหน่ง
  9. เลือกแคมเปญภายใน "ยกเว้นจาก"
  10. คลิกเลือกแคมเปญ และเลือกแคมเปญที่คุณต้องการยกเว้นแอป
  11. คลิกป้อนตำแหน่งโฆษณาหลายรายการ
  12. ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้
    • วิธีการยกเว้นแอป iPhone
      • ค้นหารหัส iTunes ของแอปที่ต้องการยกเว้น รหัส iTunes จะปรากฏในส่วนท้ายสุดของ URL ของแอป เช่น รหัสที่ปรากฏเป็นสีแดงคือรหัส iTunes ของแอป “MechaHamster” ดังนี้
        • https://itunes.apple.com/us/app/mechahamster/id1286046770.
      • ป้อน “mobileapp::1-” ตามด้วยรหัส iTunes เช่น หากคุณต้องการยกเว้นตำแหน่งแอป "MechaHamster" ให้ป้อน mobileapp::1-1286046770
    • วิธียกเว้นแอป Android
      • ค้นหาแอปที่คุณต้องการยกเว้นใน Google Play Store แล้วคัดลอกชื่อแพ็กเกจของแอป (ส่วนท้ายสุดของ URL หลัง “id =”) เช่น ให้คัดลอกส่วนของ URL ของแอป "MechaHamster" ที่ปรากฏเป็นสีแดงด้านล่างดังนี้
        • https://play.google.com/store/apps/details?id=com.google.fpl.mechahamster
      • ให้ป้อน “mobileapp::2-” แล้ววาง URL ที่คุณเพิ่งคัดลอกในช่องสำหรับป้อนตำแหน่งใน Google Ads หากทำตามขั้นตอนก่อนหน้า การยกเว้นแอป "MechaHamster" จะมีลักษณะดังนี้
        • mobileapp::2-com.google.fpl.mechahamster
การยกเว้นโดเมนที่พัก
การยกเว้นส่วนใหญ่จะใช้ได้กับเครือข่ายดิสเพลย์เท่านั้น ยกเว้นเว็บไซต์โดเมนที่พัก ซึ่งจะยกเว้นทั้งในเครือข่ายดิสเพลย์และเครือข่าย Search โดยใช้การยกเว้นเนื้อหา

หมายเหตุ

การยกเว้นตำแหน่งแตกต่างจากการลบตำแหน่ง เมื่อยกเว้นตำแหน่ง เท่ากับว่าคุณบล็อกไม่ให้โฆษณาแสดงที่ตำแหน่งนั้น เมื่อนำตำแหน่งที่กำหนดเป้าหมายอยู่ออก โฆษณาจะยังคงแสดงที่ตำแหน่งนั้นตามวิธีการกำหนดเป้าหมายอื่นๆ ที่คุณมีในกลุ่มโฆษณาได้ เช่น คีย์เวิร์ดหรือหัวข้อ

ตั้งเวลาอัปโหลดรายการการยกเว้นตําแหน่งโดยอัตโนมัติ

การตั้งเวลาอัปเดตอัตโนมัติให้กับรายการการยกเว้นตําแหน่งช่วยประหยัดเวลาในการจัดการรายการ และช่วยให้มั่นใจว่ารายการการยกเว้นตําแหน่งใน Google Ads จะได้รับการอัปเดตตลอดเวลาและซิงค์กับแหล่งที่มาของรายการอยู่เสมอ ผู้ลงโฆษณาสามารถดูวิธีดาวน์โหลดเทมเพลตรายการ และกําหนดเวลาให้กับรายการการยกเว้นตําแหน่ง ผู้ให้บริการรายการสามารถดูวิธีสร้างและทดสอบรายการการยกเว้นเพื่อให้ผู้ลงโฆษณาใช้งานได้

สำหรับผู้ลงโฆษณา

ตั้งเวลารายการการยกเว้นโดยลิงก์รายการการยกเว้นตําแหน่งในรูปแบบไฟล์ที่รองรับใน Google Ads ระบบจะดึงแหล่งที่มาของรายการนี้เป็นระยะเพื่อจัดการการยกเว้นภายใน Google Ads โดยคุณอาจเป็นผู้ดูแลหรือมอบหมายให้ผู้ให้บริการรายการที่เป็นบุคคลที่สามซึ่งคุณเชื่อถือเป็นผู้ดูแลก็ได้ ตั้งเวลาอัปโหลดไปยังการยกเว้นตําแหน่งเพื่อให้รายการการยกเว้นอัปเดตโดยอัตโนมัติ เพื่อแสดงการอัปเดตที่ทำในไฟล์แหล่งที่มาภายนอก

วิธีดาวน์โหลดเทมเพลตและตั้งเวลารายการการยกเว้นตำแหน่ง

หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1.  ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ Tools Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงคลังที่ใช้ร่วมกันในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกรายการการยกเว้น
  4. คลิกปุ่มบวก
  5. คลิกตั้งเวลารายการ
  6. หากคุณหรือผู้ให้บริการรายการที่คุณเชื่อถือยังไม่ได้สร้างแหล่งที่มาของรายการ ให้คลิกดูเทมเพลตเพื่อดูเทมเพลตที่รองรับและดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งจะใช้เพิ่มและบันทึกข้อมูลได้ ตรวจสอบไฟล์ตัวอย่างโดยดาวน์โหลดไฟล์ CSV นี้ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธียกเว้นตําแหน่งโฆษณาที่ระดับบัญชี) ประเภทการยกเว้นที่รองรับ
    • เว็บไซต์
    • แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
    • ช่อง YouTube
    • วิดีโอ YouTube

โปรดทราบว่าการยกเว้นอยู่ภายใต้ขีดจํากัดรายการการยกเว้นตําแหน่งที่แชร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีดจำกัดการกำหนดเป้าหมาย Google Ads

  1. เมื่อบันทึกแหล่งที่มาของรายการในประเภทไฟล์ที่ถูกต้องแล้ว คุณจะตั้งเวลาอัปโหลดโดยอัตโนมัติให้กับการยกเว้นตําแหน่งซึ่งแสดงในแหล่งที่มาของรายการได้
    1. ป้อน "ชื่อกําหนดการ"
    2. ป้อน "ชื่อรายการ" ซึ่งจะปรากฏเป็นชื่อในคอลัมน์ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง"
    3. เลือกวิธีส่งไฟล์ในเมนูแบบเลื่อนลง "แหล่งที่มา"
      • Google ชีต
      • HTTPS
      • SFTP
    4. ไฟล์ต้องเป็นแบบสาธารณะหรือคุณให้สิทธิ์เข้าถึงไฟล์
      1. Google ชีตต้องเป็นสาธารณะ ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องแชร์กับบัญชี Google Ads ที่เห็นว่าแสดงอยู่ในตอนที่เลือก "Google ชีต" เป็น "แหล่งที่มา" แล้วคลิกลิงก์ชีตที่มีอยู่
      2. HTTPS / SFTP อาจต้องใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ (ชื่อผู้ใช้ / รหัสผ่าน) ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงไฟล์หากจําเป็น
        โปรดทราบว่าหากคุณเลือก SFTP และได้รับข้อผิดพลาด "ไม่พบไฟล์" ให้ลองแทรกเครื่องหมายทับคู่ ("//") ไว้ระหว่างเส้นทางและชื่อไฟล์ เช่น SFTP://sftp.mysite.com/exclusions.csv
    5. ใช้ช่อง "ความถี่" และ "เวลา" เพื่อเลือกความถี่และเวลาที่ควรอัปโหลดแหล่งที่มาที่คุณเลือก รวมทั้งความถี่และเวลาที่ควรใช้กับการยกเว้นตำแหน่ง
    6. คลิกบันทึก
    7. ตรวจสอบว่าไฟล์แหล่งที่มาได้รับการอัปโหลดอย่างถูกต้อง โดยดูว่าไฟล์อยู่ในคอลัมน์ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง" ในหน้าการยกเว้นตําแหน่งที่เข้าถึงได้จากเมนูเครื่องมือ Google Ads | เครื่องมือ [Icon] อาจใช้เวลาถึง 10 นาทีกว่าที่รายการจะปรากฏ
  2. วิธียกเลิกหรือแก้ไขการยกเว้นตําแหน่งที่ตั้งเวลาไว้
    1. คลิกไอคอนเครื่องมือ Google Ads | เครื่องมือ [Icon]
    2. เลือกอัปโหลดภายใน "การดำเนินการจำนวนมาก"
    3. คลิกแท็บตั้งเวลา
    4. วางเมาส์เหนือจุดสีทางด้านซ้ายของรายการที่ตั้งเวลาไว้ในคอลัมน์ "ตั้งเวลา"
    5. คุณจะเลือก "เปิดใช้" "หยุดชั่วคราว" หรือ "นําออก" ได้
    6. ทั้งยังแก้ไขได้โดยคลิกแก้ไขในคอลัมน์ "การดําเนินการ"

หมายเหตุ

  • หากคุณใช้ไฟล์ที่สร้างโดยผู้ให้บริการรายการที่เชื่อถือได้ ให้ตรวจดูว่าไฟล์อยู่ในรูปแบบที่ระบบรองรับเพื่อให้อัปโหลดได้อย่างถูกต้อง
  • ตราบใดที่ยังอัปโหลดตามกําหนดเวลา การยกเว้นใดๆ ในไฟล์แหล่งที่มาจะยังคงอัปโหลดไปยังรายการอย่างต่อเนื่อง คุณจะต้องอัปเดตไฟล์แหล่งที่มาโดยตรง หรือทํางานร่วมกับผู้ให้บริการรายการบุคคลที่สามเพื่ออัปเดตไฟล์แหล่งที่มา
  • เมื่อสร้างรายการการยกเว้นแล้ว คุณจะใช้รายการการยกเว้นตําแหน่งกับแคมเปญเพื่อเริ่มยกเว้นตําแหน่งได้
สําหรับผู้ให้บริการรายการ

สร้างรายการการยกเว้นให้ผู้ลงโฆษณาใช้โดยการดาวน์โหลดแหล่งที่มาของไฟล์ภายนอกที่ระบบรองรับใน Google Ads เมื่อผู้ลงโฆษณาเป็นผู้ตั้งเวลา ระบบจะดึงแหล่งที่มาของรายการนี้ไปใช้จัดการการยกเว้นภายใน Google Ads และคุณจะดูแลรายการได้ ผู้ลงโฆษณาจะตั้งเวลาอัปโหลดได้โดยใช้ไฟล์การยกเว้นตําแหน่ง รายการจะอัปเดตโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับไฟล์แหล่งที่มา

วิธีดาวน์โหลดเทมเพลตไฟล์และทดสอบไฟล์การยกเว้นตำแหน่ง

หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1.  ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ Tools Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงคลังที่ใช้ร่วมกันในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกรายการการยกเว้น
  4. คลิกปุ่มบวก
  5. คลิกตั้งเวลารายการ
  6. คลิกดูเทมเพลตเพื่อดูประเภทไฟล์และเทมเพลตที่ระบบรองรับ รวมถึงดาวน์โหลดไฟล์ที่คุณจะใช้สร้างรายการการยกเว้นตําแหน่ง ตรวจสอบไฟล์ตัวอย่างโดยดาวน์โหลดไฟล์ CSV นี้ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธียกเว้นตําแหน่งโฆษณาที่ระดับบัญชี) ประเภทการยกเว้นที่รองรับ
  7. เมื่อบันทึกแหล่งที่มาของรายการในประเภทไฟล์ที่ถูกต้องแล้ว ให้ทดสอบว่าไฟล์การยกเว้นจัดรูปแบบอย่างถูกต้องโดยการอัปโหลดไปที่บัญชีของคุณ
    1. ป้อน "ชื่อกําหนดการ"
    2. ป้อน "ชื่อรายการ" ซึ่งจะปรากฏเป็นชื่อในคอลัมน์ "ตั้งเวลา" และ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง"
    3. เลือกวิธีส่งไฟล์ในเมนูแบบเลื่อนลง "แหล่งที่มา"
      • Google ชีต
      • HTTPS
      • SFTP
    4. ไฟล์ต้องเป็นแบบสาธารณะหรือคุณให้สิทธิ์เข้าถึงไฟล์
      1. Google ชีตต้องเป็นสาธารณะ ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องแชร์กับบัญชี Google Ads ที่เห็นว่าแสดงอยู่ในตอนที่เลือก "Google ชีต" เป็น "แหล่งที่มา" แล้วคลิกลิงก์ชีตที่มีอยู่
      2. HTTPS / SFTP อาจต้องใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ (ชื่อผู้ใช้ / รหัสผ่าน) ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงไฟล์หากจําเป็น
      3. สิทธิ์เหล่านี้จะมีผลกับผู้ลงโฆษณาทั้งหมดที่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ของคุณด้วย
        โปรดทราบว่าหากคุณเลือก SFTP และได้รับข้อผิดพลาด "ไม่พบไฟล์" ให้ลองแทรกเครื่องหมายทับคู่ ("//") ไว้ระหว่างเส้นทางและชื่อไฟล์ เช่น SFTP://sftp.mysite.com/exclusions.csv
    5. ใช้ช่อง "ความถี่" และ "เวลา" เพื่อเลือกความถี่และเวลาที่ควรอัปโหลดแหล่งที่มาที่คุณเลือก รวมทั้งความถี่และเวลาที่ควรใช้กับการยกเว้นตำแหน่งของผู้ลงโฆษณา
    6. คลิกบันทึก
    7. ตรวจสอบว่าไฟล์แหล่งที่มาได้รับการอัปโหลดอย่างถูกต้อง โดยดูว่าไฟล์อยู่ในคอลัมน์ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง" ในหน้าการยกเว้นตําแหน่งที่เข้าถึงได้จากเมนูเครื่องมือ Google Ads | เครื่องมือ [Icon] อาจใช้เวลาถึง 10 นาทีกว่าที่ไฟล์แหล่งที่มาจะปรากฏ

แนวทางปฏิบัติแนะนำ

  • ก่อนแชร์ไฟล์กับผู้ลงโฆษณา คุณควรตั้งเวลารายการด้วยบัญชีของตัวเอง และทดสอบว่าไฟล์ได้รับการอัปโหลดอย่างถูกต้อง ใช้กําหนดการนี้เป็นเวลา 2-3 วันเพื่อทดสอบว่าระบบอัปโหลดการอัปเดตของคุณ
  • โปรดทราบว่ารายการอยู่ภายใต้ขีดจํากัดของการยกเว้นตําแหน่งที่ใช้ร่วมกันแบบมาตรฐานซึ่งมีการยกเว้นได้สูงสุด 65,000 รายการต่อรายการ โปรดทราบว่าบัญชีของผู้ลงโฆษณาอยู่ภายใต้ขีดจํากัดการยกเว้นเพิ่มเติมตามการใช้งานการกําหนดเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีดจำกัดการกำหนดเป้าหมาย Google Ads
  • ช่วยผู้ลงโฆษณาเปลี่ยนแปลงรายการโดยถาวรในไฟล์แหล่งที่มาของรายการโดยตรง เนื่องจากผู้ลงโฆษณาจะเปลี่ยนแปลงรายการที่ตั้งเวลาจาก Google Ads โดยถาวรไม่ได้

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
17414618352482399058
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false