ตั้งค่าการรายงานการได้ลูกค้าใหม่

เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้แคมเปญ Google Ads ได้ลูกค้าใหม่ บทความนี้อธิบายวิธีตั้งค่าการรายงานการได้ลูกค้าใหม่โดยใช้การติดแท็ก เพื่อเพิ่มความแม่นยําในการตรวจหาลูกค้าใหม่ในแคมเปญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่

หมายเหตุ: คุณต้องกําหนดเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่ก่อนที่จะเปิดใช้การรายงานการได้ลูกค้าใหม่

วิธีตั้งค่าการรายงานการได้ลูกค้าใหม่

ติดตั้งด้วยแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์

หมายเหตุ: หากต้องการใช้ตัวเลือกนี้ คุณต้องตั้งค่าการกระทําที่ถือเป็น Conversion "การซื้อ" ใน Google Ads ที่เป็นไปตามข้อกําหนดบางประการ และตั้งค่าการได้ลูกค้าใหม่ในบัญชี ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่

ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งโค้ดเครื่องมือวัด Conversion ของแท็ก Google ในเว็บไซต์

อ่านวิธีตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion สําหรับเว็บไซต์เพื่อติดตั้งเครื่องมือวัด Conversion ด้วยแท็ก Google

หมายเหตุ: เป้าหมาย Conversion จากลูกค้าใหม่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อใช้เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads กับ Conversion การซื้อที่เสนอราคาได้เท่านั้น คุณจะไม่สามารถติดตามลูกค้าใหม่โดยใช้แท็ก Google สําหรับ Floodlight หรือ Google Analytics ได้

ขั้นตอนที่ 2 เพิ่มพารามิเตอร์ new_customer ในข้อมูลโค้ดเหตุการณ์ของแท็ก

คุณต้องเพิ่มพารามิเตอร์เกี่ยวกับลูกค้าดังต่อไปนี้ในข้อมูลโค้ดเหตุการณ์

พารามิเตอร์ ประเภทค่า คำอธิบาย
new_customer บูลีน: จริง / เท็จ / [ไม่ได้ระบุ] ลูกค้าที่ทำ Conversion เป็นลูกค้าใหม่ใช่ไหม
  • จริง: ลูกค้าใหม่ที่ไม่ได้ซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด (แนะนำให้ใช้กรอบเวลา 540 วันและตั้งเป็นค่าเริ่มต้น แต่ไม่บังคับ)
  • เท็จ: ลูกค้ารายเดิมที่กลับมาซื้อในช่วงเวลาที่กำหนด
  • ไม่ได้ระบุ: หากไม่แน่ใจ (เช่น ใช้การชำระเงินโดยไม่ลงชื่อเข้าใช้)

ตัวอย่างแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์ที่กำหนดค่าด้วยพารามิเตอร์ข้างต้น

<script type="text/javascript">

gtag('event', 'purchase', {

"send_to": "AW-CONVERSION_ID/CONVERSION_LABEL", /* โปรดแทนที่ด้วยค่าของคุณ */

...

"new_customer": true, /* calculate dynamically, populate with true/false */

...

]

});

/* ]]> */

ติดตั้งด้วย Google Tag Manager

ทําตามวิธีการต่อไปนี้เพื่อเพิ่มพารามิเตอร์ new_customer ในโค้ด Google Tag Manager

  1. เลือกแท็ก Conversion ของลูกค้าใหม่
  2. เลือกช่องทำเครื่องหมาย "ให้ข้อมูลลูกค้าใหม่"
  3. เลือกแหล่งข้อมูลเป็นชั้นข้อมูลหรือช่องที่กําหนดเอง
  4. ต้องเพิ่มตัวแปรต่อไปนี้ในหน้าชำระเงินที่จะอ้างอิง
พารามิเตอร์ ประเภทค่า คำอธิบาย
new_customer บูลีน: จริง / เท็จ / [ไม่ได้ระบุ] ลูกค้าที่ทำ Conversion เป็นลูกค้าใหม่ใช่ไหม
  • จริง: ลูกค้าใหม่ที่ไม่ได้ซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด (แนะนำให้ใช้กรอบเวลา 540 วันและตั้งเป็นค่าเริ่มต้น แต่ไม่บังคับ)
  • เท็จ: ลูกค้ารายเดิมที่กลับมาซื้อในช่วงเวลาที่กำหนด
  • ไม่ได้ระบุ: หากไม่แน่ใจ (เช่น ใช้การชำระเงินโดยไม่ลงชื่อเข้าใช้)
customer_lifetime_value สกุลเงิน

มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้ามาจากการที่ลูกค้าทํา Conversion ในฐานะลูกค้าใหม่ใช่ไหม

  • จริง: หากมีการทำเครื่องหมายพารามิเตอร์ new_customer เป็น "จริง" ระบบจะรายงานค่าสกุลเงินใน Google Ads
  • เท็จ: หากมีการทำเครื่องหมายพารามิเตอร์ new_customer เป็น “เท็จ” ระบบจะไม่รายงานค่าสกุลเงินใน Google Ads

ชั้นข้อมูลมีไว้เพื่อเก็บข้อมูลชั่วคราว Tag Manager จะใช้รูปแบบที่มีโครงสร้างนี้เพื่อช่วยให้คุณย้ายข้อมูลดังกล่าวจากหน้าเว็บหรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไปยังแท็ก ทริกเกอร์ และตัวแปรอื่นๆ ใน Tag Manager ได้อย่างง่ายดาย

คุณไม่จำเป็นต้องสร้างชั้นข้อมูลเพื่อให้ตัวแปรดึงข้อมูลเสมอไป นอกจากนี้ คุณยังกําหนดค่าตัวแปร Tag Manager ให้ดึงค่าจากช่องที่กําหนดเอง คุกกี้ของบุคคลที่หนึ่ง และ DOM ได้โดยตรง แต่วิธีที่แนะนำคือการใช้ตัวแปรดึงข้อมูลจากออบเจ็กต์ชั้นข้อมูลที่มีการจัดระเบียบเป็นอย่างดีโดยตรง การใช้ชั้นข้อมูลช่วยลดโอกาสที่ข้อมูลจะสูญหายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโค้ดโดยไม่เจตนาได้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้มีการจัดรูปแบบข้อมูลให้มีระเบียบและเข้าถึงได้ รวมถึงช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

สําหรับ Conversion แต่ละรายการ คุณสามารถให้ Google ตรวจหาโดยอัตโนมัติว่า Conversion นั้นเป็น Conversion ใหม่ หรือรายงานด้วยตนเองผ่านแท็ก Conversion ซึ่งจะทําให้รายงาน Google Ads มีความแม่นยํามากขึ้น นอกจากนี้ คุณยังปรับการวัดมูลค่าของลูกค้าใหม่ได้อีกด้วยโดยการเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยเป็นส่วนๆ ในการซื้อครั้งแรก

มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าจะคํานวณโดยใช้มูลค่า Conversion เฉลี่ยสําหรับแคมเปญ Shopping และความถี่ในการซื้อของลูกค้า โปรดทราบว่าคุณสามารถเลือกมูลค่าจำนวนหนึ่งเพื่อกําหนดมูลค่าลูกค้าใหม่ที่คุณพอใจได้

ตัวอย่างการติดตั้งใช้งานกับชั้นข้อมูล

dataLayer.push({

"event": 'purchase',

"transaction_id": "1545c34e-691e-4726-aeda-b798df255e9c",

"affiliation": "Google online store",

"value": 23.07,

"currency": "USD",

"new_customer": true,

});

ตัวอย่างการติดตั้งใช้งานกับช่องที่กําหนดเอง

<script type="text/javascript">

send_to = 'AW-CONVERSION_ID/CONVERSION_LABEL'; /* โปรดแทนที่ด้วยค่าของคุณ */

transaction_id = "1545c34e-691e-4726-aeda-b798df255e9c";

affiliation = "Google online store";

value = 23.07;

currency = "USD";

new_customer = true;

</script>

หมายเหตุ: สร้างตัวแปรที่กําหนดโดยผู้ใช้ใน Tag Manager เพื่อใช้อ้างอิง

ติดตั้งด้วย Firebase

หากใช้ Google Tag Manager อยู่ในปัจจุบัน คุณก็จะใช้ Tag Manager กับ Firebase สําหรับ Android หรือ iOS ต่อไปได้ ขั้นตอนต่อไปนี้จะอธิบายการตั้งค่าและการตรวจสอบเครื่องมือวัด Conversion ของ Firebase

ขั้นตอนที่ 1 ตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ของ Firebase

  1. เพิ่ม Google Analytics ลงในแอป Android หรือ iOS
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
  3. ลิงก์บัญชี Google Ads กับแอป Google Analytics และ Firebase โดยทำตามวิธีการลิงก์นี้
  4. วัด Conversion ของแอปที่ได้จากแอป Google Analytics โดยใช้ Firebase SDK โปรดทําตามวิธีการวัด Conversion แอปด้วย Firebase
หมายเหตุ: หากต้องการวัด Conversion ด้วย Firebase คุณต้องใช้ SDK สำหรับ Android เวอร์ชัน 17.3 และสำหรับ iOS เวอร์ชัน 6.2 หรือใหม่กว่า

ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบการตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion

หากต้องการติดตามการได้ลูกค้าใหม่ คุณควรตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion อย่างถูกต้องแล้ว โปรดเลือกการตั้งค่าการกระทําที่ถือเป็น Conversion ดังนี้

  • เลือก "หมวดหมู่ของการกระทำที่ถือเป็น Conversion" เป็น "การซื้อ"
  • เลือก "เหตุการณ์ Firebase" เป็น "การซื้อ"
  • เลือก "แหล่งที่มา" เป็น "Firebase"
  • ทําให้การกระทําที่ถือเป็น Conversion "เสนอราคาได้" (การกระทำที่ถือเป็น Conversion หลัก)

ขั้นตอนที่ 3 เพิ่มพารามิเตอร์ new_customer ในเหตุการณ์ purchase

คุณต้องอัปเดตเหตุการณ์ purchase ก่อนที่จะเพิ่มพารามิเตอร์ new_customer หากยังไม่ได้สร้างเหตุการณ์ purchase ให้ทําตามวิธีการสําหรับ Android และสําหรับ iOS คุณต้องใช้พารามิเตอร์ new_customer ที่ระบุด้านล่าง จึงจะติดตามการได้ลูกค้าใหม่โดยใช้ Firebase ได้

พารามิเตอร์ ประเภทค่า คำอธิบาย
new_customer บูลีน: จริง / เท็จ / [ไม่ได้ระบุ] ลูกค้าที่ทำ Conversion เป็นลูกค้าใหม่ใช่ไหม
  • จริง: ลูกค้าใหม่ที่ไม่ได้ซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด (แนะนำให้ใช้กรอบเวลา 540 วันและตั้งเป็นค่าเริ่มต้น แต่ไม่บังคับ)
  • เท็จ: ลูกค้ารายเดิมที่กลับมาซื้อในช่วงเวลาที่กำหนด
  • ไม่ได้ระบุ: หากไม่แน่ใจ (เช่น ใช้การชำระเงินโดยไม่ลงชื่อเข้าใช้)

ตัวอย่างเหตุการณ์ ecommerce_purchase ของ Firebase ที่มาจากลูกค้าใหม่

Android

// Prepare ecommerce bundle

Bundle ecommerceBundle = new Bundle();

// Set relevant bundle-level parameters

// New customer information Should be calculated dynamically and populated with true/false.

ecommerceBundle.putBoolean( "new_customer", true ); // or false

ecommerceBundle.putDouble( Param.VALUE, 37.39 ); // Revenue, optional

ecommerceBundle.putString( Param.CURRENCY, "USD" ); // Optional

// Log event with ecommerce bundle

mFirebaseAnalytics.logEvent( Event.PURCHASE, ecommerceBundle );

iOS

// Prepare ecommerce dictionary

NSDictionary *ecommerce = @{

// New customer information Calculate dynamically, populate with @YES/@NO.

@"new_customer" : @YES, // or @NO

// kFIRParameterValue : @75.98, // Revenue, optional.

// kFIRParameterCurrency : @"USD", // Optional.

};

// Log ecommerce_purchase event with ecommerce dictionary.

[FIRAnalytics logEventWithName:kFIREventPurchase

parameters:ecommerce];

ทดสอบ Conversion ของลูกค้าใหม่

ตรวจสอบว่าคุณใช้แท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์อยู่และได้ติดตั้งพารามิเตอร์ new_customer แล้ว หากคุณสร้างคำสั่งซื้อทดสอบได้ โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตรวจสอบว่ามีการส่งพารามิเตอร์หรือไม่

  1. ใช้เครื่องมือสําหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Chrome เพื่อตรวจสอบหน้าเว็บว่ามีการเพิ่มประสิทธิภาพโค้ดแล้ว โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
  • เลือกเมนู Chrome ที่มุมขวาบนของหน้าต่างเบราว์เซอร์ เลือกเครื่องมือ แล้วเลือกเครื่องมือสําหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
  • คลิกขวาที่องค์ประกอบใดก็ได้ของหน้า แล้วเลือกตรวจสอบองค์ประกอบ ระบบจะเปิดหน้าต่างเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บขึ้นที่บริเวณด้านล่างของเบราว์เซอร์ Chrome
  1. เลือกเครือข่ายในหน้าต่างเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บ
  2. ส่งคำสั่งซื้อทดสอบในเว็บเบราว์เซอร์
  3. ค้นหาคำขอที่มี Conversion (ค้นหา "/conversion") พารามิเตอร์สตริงคำค้นหาควรมีพารามิเตอร์เพิ่มเติมตามที่แสดงในตัวอย่างด้านล่างนี้

vdnc: true where vdnc = new_customer

ทดสอบ Conversion ของลูกค้าใหม่ด้วย Firebase

ตรวจสอบว่าคุณใช้ Firebase อยู่และได้เพิ่มหรือปรับเปลี่ยนเหตุการณ์การซื้อด้วยพารามิเตอร์ข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง

จากนั้นคุณจะแก้ไขข้อบกพร่องเหตุการณ์ใน Firebase ได้ในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาจริง และยังติดตามเหตุการณ์ของลูกค้าใหม่ใน Firebase ได้ด้วย

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
18054927866540784556
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false