ทำการเปลี่ยนแปลงด้วยการอัปโหลดจำนวนมาก

จัดรูปแบบสเปรดชีต

คุณอาจต้องปรับรูปแบบบางอย่างเพื่อให้ระบบอัปโหลดสเปรดชีตได้อย่างถูกต้องตามกรณีการใช้งาน บทความส่วนนี้จะบอกวิธีจัดรูปแบบสเปรดชีตอย่างที่ Google Ads ต้องการได้เพิ่มเติม

เคล็ดลับทั่วไป

  • หากใช้รายงาน Google Ads เป็นชีตที่อัปโหลด คุณไม่จําเป็นต้องลบคอลัมน์ที่ไม่จําเป็นหรือแถวยอดรวมออก
  • ระบบจะไม่สนใจคอลัมน์ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคอลัมน์ที่แก้ไขได้หรือไม่ได้ก็ตาม
  • หากไม่ระบุคอลัมน์ "Status" ของรายการใหม่ ระบบจะเปิดใช้งานรายการนั้นโดยค่าเริ่มต้น
  • นอกจากนี้เมื่อป้อน URL โปรดทราบว่าคุณจำเป็นต้องใช้ URL แบบเต็มเสมอดังนี้
    • ถูกต้อง: https://www.example.com
    • ไม่ถูกต้อง: www.example.com

ข้อกําหนดทางเทคนิคของสเปรดชีต

  • สเปรดชีตต้องอยู่ในรูปแบบที่เรารองรับ (Google ชีต, .xls, .xlsx, .tsv, หรือ .csv)
  • สเปรดชีตต้องมีขนาดไม่เกิน 50 MB
  • สเปรดชีตต้องมีข้อมูลไม่เกิน 1 ล้านแถว
หมายเหตุ: การอัปโหลดทั้งหมดจะหมดเวลาหลังจากประมวลผล 2 ชั่วโมง หากสเปรดชีตมีแถวจํานวนมาก คุณอาจพบปัญหาการหมดเวลา โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ "วิธีจัดการกับการหมดเวลาในการอัปโหลด"

จากนั้นป้อนค่าที่ต้องการสำหรับรายการใหม่ เช่น ราคาเสนอ งบประมาณ หรือสถานะ โปรดดูรายการเทมเพลตตัวอย่างเพื่อศึกษากรณีการใช้งาน

นำรายการออก

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อนําคีย์เวิร์ด โฆษณา หรือรายการอื่นๆ ออก

  1. ดาวน์โหลดรายงานในรูปแบบสเปรดชีตซึ่งประกอบด้วยรายการที่ต้องการนําออก
  2. ค้นหาแถวที่มีรายการดังกล่าวในสเปรดชีตที่ดาวน์โหลดมา
  3. พิมพ์คำว่า Remove ในคอลัมน์ "Status" สำหรับแถวดังกล่าว
  4. อัปโหลดสเปรดชีต

ดูตัวอย่างเทมเพลตที่มีการนํารายการต่างๆ ออกได้ในหน้าเทมเพลต

แก้ไขสเปรดชีตคีย์เวิร์ด

  1. พิมพ์คีย์เวิร์ดลงในคอลัมน์คีย์เวิร์ด ใช้วงเล็บเหลี่ยม ([ ]) หรือเครื่องหมายคำพูด ("") ครอบคีย์เวิร์ดในการระบุการทำงานแบบตรงทั้งหมดหรือแบบวลี
  2. ป้อนชื่อกลุ่มโฆษณาลงในคอลัมน์กลุ่มโฆษณา
    หมายเหตุ: คุณจะแก้ไขคอลัมน์คีย์เวิร์ดหรือคอลัมน์ประเภทการทํางานของคีย์เวิร์ดสำหรับคีย์เวิร์ดที่มีอยู่ไม่ได้ เมื่อเปลี่ยนคีย์เวิร์ดหรือประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ด ระบบจะนำคีย์เวิร์ดเดิมออกแล้วสร้างคีย์เวิร์ดใหม่ การอัปโหลดจํานวนมากทํางานในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น หากต้องการแก้ไขคีย์เวิร์ดหรือประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดในรายงานที่แก้ไขได้ คุณจะต้องนำคีย์เวิร์ดปัจจุบันออก และสร้างคีย์เวิร์ดใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามต้องการ

ดูตัวอย่างได้ที่ส่วนคีย์เวิร์ดในหน้าเทมเพลต

แก้ไขสเปรดชีตแคมเปญ

บางคอลัมน์อาจแก้ไขไม่ได้ เนื่องจากระบบใช้คอลัมน์เหล่านี้ขณะที่สร้างแคมเปญเท่านั้น สเปรดชีตของคุณอาจมีคอลัมน์ต่อไปนี้

แคมเปญ

  • Campaign (จำเป็น)
  • Campaign ID (จำเป็น)
  • Campaign state
  • Campaign type (แก้ไขไม่ได้)
  • Campaign subtype (แก้ไขไม่ได้)
  • Ad rotation
  • Start date
  • End date

การเสนอราคาและงบประมาณ

  • Bid strategy type
  • Bid strategy
  • Budget
  • Target CPA
  • Target ROAS
  • Target impression share
  • Max CPC bid limit for target impression share

การวัดผล

  • Tracking template
  • Custom parameter

ดูตัวอย่างได้ที่ส่วนแคมเปญในหน้าเทมเพลต

หมายเหตุ: คุณอัปเดตได้เฉพาะคอลัมน์ "สถานะ" ของโฆษณาวิดีโอที่ไม่ได้อยู่ในแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ เมื่ออัปเดตโฆษณาวิดีโอจากชีตที่อัปโหลด ให้ใส่แถว 2 แถว แถวหนึ่งเพื่อลบโฆษณาที่มีอยู่ และอีกแถวหนึ่งที่มีแอตทริบิวต์ที่อัปเดตแล้วทั้งหมด

แก้ไขสเปรดชีตชิ้นงานโฆษณา

ดาวน์โหลดเทมเพลตชิ้นงานโฆษณา

หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ Tools Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการดำเนินการแบบกลุ่มในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกอัปโหลด
  4. คลิกไอคอนบวกสีน้ำเงิน
  5. คลิกดูเทมเพลต
  6. ดาวน์โหลดเทมเพลตเป็นไฟล์ CSV หรือสเปรตชีต Excel

ดูตัวอย่างได้ที่ส่วนชิ้นงานโฆษณาในหน้าเทมเพลต

เพิ่มชิ้นงานโฆษณา

โปรดทําตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเพิ่มชิ้นงานโฆษณาใหม่

ระบุระดับที่ต้องการใช้ชิ้นงานในคอลัมน์ "Level" (ระดับ "Campaign" "Ad Group" หรือ "Account") หากระบุ "Campaign" ให้พิมพ์ชื่อแคมเปญที่ต้องการเพิ่มชิ้นงาน หากต้องการเพิ่มชิ้นงานลงในกลุ่มโฆษณา ให้ระบุทั้งคอลัมน์ "Campaign" และชื่อกลุ่มโฆษณาในคอลัมน์ "Ad Group"

หากต้องการเพิ่มชิ้นงานแอป ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้

  • Mobile OS: ระบบปฏิบัติการที่ลูกค้าเป้าหมายใช้ โดยป้อน Android หรือ iOS ก็ได้
  • Package name: รหัสที่ไม่ซ้ำกันของแอป สําหรับ Android ชื่อแพ็กเกจจะอยู่หลัง id= ใน URL ของ Google Play ของแอปดังนี้: http://play.google.com/store/apps/details?id=com.example.appname
  • สําหรับแอป iOS ให้ป้อน App ID ที่ปรากฏหลังรหัสใน URL ของ iTunes ของแอปดังนี้ http://itunes.apple.com/us/app/example-app-name/id#########
  • App link text: ข้อความที่ผู้ใช้จะคลิกเพื่อไปยังแอป เช่น คุณอาจใช้ "ดาวน์โหลดแอป" ก็ได้
  • Final URL: URL ของแอปที่แสดงต่อลูกค้า เช่น URL ของแอปใน Google Play Store
หมายเหตุ: หากต้องการใช้ชิ้นงานใหม่กับกลุ่มโฆษณาหรือคอลัมน์หลายรายการ คุณสามารถสร้างแถวใหม่ได้

หากต้องการเพิ่มชิ้นงานการโทร ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้

  • Phone number: หมายเลขที่จะใช้โทรเมื่อลูกค้าคลิกชิ้นงาน
  • Country code: ประเทศที่มีหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว ตัวอย่างเช่น หากหมายเลขโทรศัพท์อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา คุณต้องใส่ US
  • Use forwarding number (ไม่บังคับ): เมื่อคุณต้องการใช้หมายเลขโอนสายของ Google กับโฆษณา จะป้อน yes หรือ no ก็ได้ โดยค่าเริ่มต้นคือ no

หากต้องการเพิ่มชิ้นงานไซต์ลิงก์ ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้

  • Sitelink text: ข้อความที่ต้องการให้ปรากฏเป็นลิงก์ที่คลิกได้ในไซต์ลิงก์
  • Final URL: URL ที่ลิงก์ในไซต์ลิงก์จะเชื่อมโยงไปหา

ช่อง Description จะมีหรือไม่ก็ได้ แต่ข้อมูลนี้จะทำให้โฆษณามีความเกี่ยวข้องกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น ในกรณีที่ใส่คำอธิบาย คุณต้องใช้ทั้ง 2 ช่อง คำอธิบายอาจมีสิทธิ์แสดงใต้ไซต์ลิงก์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนไซต์ลิงก์พร้อมรายละเอียดเพิ่มเติม

หากต้องการเพิ่มชิ้นงานข้อความไฮไลต์ ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้

  • Callout text: ข้อความที่ต้องการให้แสดงเป็นข้อความไฮไลต์

หากต้องการเพิ่มชิ้นงานข้อมูลเพิ่มเติม ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้

  • Structured snippet header: ส่วนหัวที่เลือกจากรายการนี้ซึ่งประกอบด้วยส่วนหัวที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยใช้อักษรตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ หมายเหตุ: ระบบรับเฉพาะส่วนหัวที่อยู่ในรายการของเราเท่านั้น
  • Structured snippet values: รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับส่วนหัวเฉพาะเจาะจงที่คุณกำลังไฮไลต์

หากต้องการเพิ่มชิ้นงานรูปภาพ ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้

  • Image URL หรือ Image asset id
    • Image URL: คุณค้นหา URL ของรูปภาพได้โดยการคลิกขวาที่รูปภาพในเว็บไซต์ แล้วเลือก "คัดลอกที่อยู่รูปภาพ"
    • Image asset id: คุณใช้รูปภาพจากชิ้นงานรูปภาพที่มีอยู่ซ้ำได้โดยใช้รหัสชิ้นงานรูปภาพ หากต้องการค้นหารหัสชิ้นงานรูปภาพ ให้ดาวน์โหลดรายงานชิ้นงานรูปภาพ
  • Auto crop image ratio: ใช้ค่า "แนวนอน" หรือ "สี่เหลี่ยมจัตุรัส" เพื่อครอบตัดรูปภาพโดยอัตโนมัติเมื่ออัปโหลด
  • ข้อกําหนดเพิ่มเติม
    • คุณสามารถเพิ่มชิ้นงานรูปภาพได้ที่ระดับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาเท่านั้น
    • รูปแบบรูปภาพต้องเป็นไฟล์ PNG หรือ JPEG
    • อัปโหลดรูปภาพได้สูงสุด 20 ภาพต่อครั้ง
    • ไม่มีข้อกําหนดเกี่ยวกับขนาดไฟล์ขั้นต่ำ แต่ขนาดไฟล์สูงสุดคือ 5 MB
    • ขนาดรูปภาพขั้นต่ำคือ 300x300 พิกเซล

ข้อกำหนดเพิ่มเติมของชิ้นงานโฆษณาทั้งหมด

นอกจากคอลัมน์ที่จำเป็นในแต่ละรายงาน คุณสามารถใช้การอัปโหลดหลายรายการพร้อมกันในการระบุค่ากำหนดอุปกรณ์ วันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดของชิ้นงาน รวมถึงค่ากำหนดการตั้งเวลาได้ โดยสามารถระบุตัวเลือกเหล่านี้ด้วยการเพิ่มคอลัมน์ใหม่ไปยังสเปรดชีตที่มีชื่อและข้อมูลต่อไปนี้

  • Start time: วันที่ที่คุณต้องการให้ชิ้นงานเริ่มแสดง ซึ่งควรอยู่ในรูปแบบ ดด/วว/ปปปป เช่น วันที่ 1 กรกฎาคม 2014 จะแสดงเป็น 07/01/2014
  • End time: วันที่ที่คุณต้องการให้ชิ้นงานหยุดแสดง ซึ่งควรอยู่ในรูปแบบ ดด/วว/ปปปป เช่น วันที่ 1 กรกฎาคม 2014 จะแสดงเป็น 07/01/2014
  • Device preference: อุปกรณ์ที่คุณต้องการแสดงชิ้นงาน โดยระบุเป็น all หรือ mobile ก็ได้
  • การตั้งเวลา: วันของสัปดาห์และเวลาที่คุณต้องการให้ชิ้นงานแสดง โดยต้องใช้รูปแบบ วัน, เวลาเริ่มต้น - เวลาสิ้นสุด เช่น หากต้องการนัดหมายเวลา 9.00 น. - 17.00 น. ในวันจันทร์ คุณจะต้องป้อน Monday, 09:00 AM - 05:00 PM หากต้องการตั้งเวลาหลายวัน ให้คั่นด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน เช่น ตั้งเวลาทั้งวันจันทร์และวันอังคารโดยใช้ค่าเป็น Monday, 09:00 AM - 05:00 PM; Tuesday, 09:00 AM - 05:00 PM

ยกเลิกการเชื่อมโยงชิ้นงานโฆษณากับบัญชี แคมเปญ หรือกลุ่มโฆษณา

หากต้องการนำชิ้นงานโฆษณาออก ให้ป้อนคำว่า Remove ลงในคอลัมน์ "Action" ของแถวของชิ้นงานโฆษณานั้น ซึ่งจะยกเลิกการเชื่อมโยงชิ้นงานกับแคมเปญ บัญชี หรือกลุ่มโฆษณา (วิธีนี้ต่างจากการลบ เนื่องจากชิ้นงานจะยังมีไว้เพื่อการใช้งานกับแคมเปญและกลุ่มโฆษณาอื่นๆ) การลบแถวหรือนำเนื้อหาออกจากแถวจะไม่มีผลใดๆ

ดูตัวอย่างได้ที่ส่วนชิ้นงานโฆษณาในหน้าเทมเพลต

แก้ไขสเปรดชีตกลุ่มผลิตภัณฑ์

แก้ไขกลยุทธ์การเสนอราคา

คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่ให้กับแคมเปญ หรือแก้ไขกลยุทธ์การเสนอราคามาตรฐานได้ด้วย

กำหนดกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอ

หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ Tools Icon
  2. ในเมนูส่วน คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
  3. คลิกแคมเปญ
  4. ในหน้าแคมเปญ ให้คลิกไอคอนดาวน์โหลด Download แล้วเลือกตัวเลือกเพิ่มเติมที่ด้านล่างของเมนูแบบเลื่อนลง
  5. เลือกช่องคอลัมน์ที่แก้ไขได้สำหรับการอัปโหลดจำนวนมากในส่วน "รวม" แล้วคลิกดาวน์โหลด
  6. ป้อนชื่อกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอในคอลัมน์ "กลยุทธ์การเสนอราคา"
    • ไม่ต้องป้อนข้อมูลใดในคอลัมน์ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" และคอลัมน์อื่นๆ เช่น "CPA เป้าหมาย" หรือ "ROAS เป้าหมาย" หากคุณเห็นค่าในคอลัมน์เหล่านี้ ให้ป้อน "remove_value" ระบบจะเพิ่มข้อมูลนี้ลงในแคมเปญโดยอัตโนมัติตามกลยุทธ์การเสนอราคาที่มีอยู่
    • หากคอลัมน์อย่าง "CPA เป้าหมาย" "ROAS เป้าหมาย" หรือ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" ไม่ตรงกับที่ตั้งไว้สำหรับกลยุทธ์การเสนอราคาที่มีอยู่ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนข้อผิดพลาดในการอัปโหลด

คุณไม่สามารถแก้ไขหรือสร้างกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอใหม่ด้วยสเปรดชีตการอัปโหลดจำนวนมากได้

แก้ไขกลยุทธ์การเสนอราคามาตรฐาน

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ Tools Icon
  2. ในเมนูส่วน คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
  3. คลิกแคมเปญ
  4. ในหน้าแคมเปญ ให้คลิกไอคอนดาวน์โหลด Download แล้วเลือกตัวเลือกเพิ่มเติมที่ด้านล่างของเมนูแบบเลื่อนลง
  5. เลือกช่องคอลัมน์ที่แก้ไขได้สำหรับการอัปโหลดจำนวนมากในส่วน "รวม" แล้วคลิกดาวน์โหลด
  6. แก้ไขคอลัมน์ "Bid strategy type" เป็นประเภทกลยุทธ์การเสนอราคาที่ต้องการ
  7. แก้ไขคอลัมน์เพิ่มเติมเช่น "Target CPA" หรือ "Target ROAS"

ดูตัวอย่างได้ที่หน้าเทมเพลต

แก้ไขกลุ่มเป้าหมาย

คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่สร้างให้กับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาได้

เคล็ดลับ: ขอแนะนำให้ดาวน์โหลด Download รายงานที่แก้ไขได้สำหรับการอัปโหลดจำนวนมากจากหน้ากลุ่มเป้าหมายก่อน

หากคุณมีกลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่มที่ใช้ชื่อเดียวกัน คุณจะต้องเพิ่มคอลัมน์ "audience ID" เพื่อแยกกลุ่มเป้าหมายออกจากกัน แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คอลัมน์ "รหัสกลุ่มเป้าหมาย" หากคุณกำลังแก้ไขกลุ่มเป้าหมายที่เชื่อมโยงกับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาอยู่แล้ว

คุณสามารถแก้ไขการปรับราคาเสนอได้โดยป้อนค่าในคอลัมน์ "การปรับราคาเสนอ" ทั้งนี้ระบบไม่รองรับการแก้ไขอื่นๆ ทั้งหมด เช่น ชื่อกลุ่มเป้าหมายและการตั้งค่าการกำหนดเป้าหมาย

หากคุณกำลังเพิ่มกลุ่มเป้าหมายเป็นครั้งแรก กลุ่มเป้าหมายนั้นจะใช้การตั้งค่าการกำหนดเป้าหมาย "ค่าเริ่มต้นสมาร์ท" ซึ่งตัวเลือกนี้จะเก็บการตั้งค่าการกำหนดกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันของคุณไว้ หากคุณยังไม่ได้เลือกการตั้งค่า การกำหนดเป้าหมายของคุณจะมีค่าเริ่มต้นเป็นตัวเลือกต่อไปนี้ตามประเภทแคมเปญ

กลุ่มเป้าหมายที่รองรับ

ดูตัวอย่างได้ที่ส่วนกลุ่มเป้าหมายในหน้าเทมเพลต

แก้ไขการกำหนดเป้าหมายตามสถานที่

คุณสามารถเพิ่ม ยกเว้น แก้ไข หรือนําสถานที่ตั้งออกจากการกําหนดเป้าหมายได้โดยทำดังนี้

หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ Tools Icon
  2. ในเมนูส่วน คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
  3. คลิกแคมเปญ
  4. ในแท็บ "การตั้งค่า" ให้คลิกไอคอนดาวน์โหลด Download แล้วเลือกตัวเลือกเพิ่มเติมที่ด้านล่างของเมนูแบบเลื่อนลง
  5. เลือกช่องคอลัมน์ที่แก้ไขได้สำหรับการอัปโหลดจำนวนมากในส่วน "รวม" แล้วคลิกดาวน์โหลด
  6. ในคอลัมน์ "Locations" ให้ป้อนสถานที่ที่ต้องการกําหนดเป้าหมายเป็น "[สถานที่]":"[การปรับราคาเสนอหรือ removed]" สถานะอาจเป็น "excluded" หรือ "removed"
    • ตัวอย่างการปรับราคาเสนอสําหรับเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน: "Seattle, Washington, United States: -5%"
    • ตัวอย่างการนำเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตันออก: “Seattle, Washington, United States: removed”
  7. ป้อนสถานที่ตั้งที่ต้องการยกเว้นในการกําหนดเป้าหมายลงในคอลัมน์ "การยกเว้น"
    • ตัวอย่างการยกเว้นท่าอากาศยานซีแอตเทิล: “Seattle-Tacoma International Airport, Washington, United States”

เคล็ดลับ: หากไม่แน่ใจว่าจะกำหนดรูปแบบสถานที่อย่างไร ให้ลองตั้งแคมเปญหนึ่งเป็นสถานที่ที่ต้องการใน Google Ads ก่อนจะดาวน์โหลดรายงานตามวิธีการด้านบน วิธีนี้จะทำให้แคมเปญดังกล่าวมีสถานที่ที่คุณต้องการในรูปแบบที่ถูกต้อง คุณจึงสามารถคัดลอกและวางได้อย่างง่ายดาย

รูปแบบสถานที่ที่อยู่ในรัศมี/การยกเว้น

รูปแบบ: [ระยะทาง] | [ไมล์หรือกม.] | [สถานที่] : [การปรับราคาเสนอหรือ removed]

ตัวอย่าง

10 | mi | Chicago, Illinois (รัศมี 10 ไมล์รอบๆ ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์)

10 | mi | Chicago, Illinois: -50% (รัศมี 10 ไมล์รอบๆ ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และมีตัวปรับราคาเสนอ -50%)

5.0 | km | 43.823196,-79.533821 (รัศมี 5 กิโลเมตรรอบตําแหน่งทางภูมิศาสตร์)

5.0 | km | 43.823196,-79.533821: +50% (รัศมี 5 กิโลเมตรรอบๆ ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่มีตัวปรับราคาเสนอ +50%)

10 | mi | Chicago, Illinois: removed (นํารัศมีเป้าหมายออก)

เพิ่มสถานที่หลายแห่ง

คุณสามารถเพิ่มสถานที่หลายแห่งพร้อมกันได้โดยคั่นแต่ละรายการด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอนดังนี้

รูปแบบ: [สถานที่] ; [สถานที่] ; [สถานที่]

ตัวอย่าง

Seattle, Washington, United States: -5% ; 10 | mi | Chicago, Illinois (เพิ่มเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และรัศมี 10 ไมล์รอบชิคาโก รัฐอิลลินอยส์)

Seattle, Washington, United States: removed ; Chicago, Illinois: removed (นําซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ออก)

Seattle, Washington, United States ; Chicago, Illinois: removed (เพิ่มซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และนําชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ออก)

หมายเหตุ: หากต้องการนําสถานที่ทั้งหมดออกจากแคมเปญที่เฉพาะเจาะจง คุณอาจป้อนคำว่า "remove_value" ในคอลัมน์ "Location" ของแถวนั้นๆ (สามารถใช้วิธีนี้กับคอลัมน์ "Exclusion" เพื่อนําการยกเว้นทั้งหมดออกได้เช่นกัน)

ดูตัวอย่างได้ที่ส่วนสถานที่ในหน้าเทมเพลต

สร้างบัญชี Google Ads จำนวนมากจากบัญชีดูแลจัดการ

คุณสามารถสร้างบัญชี Google Ads หลายบัญชีจากบัญชีดูแลจัดการได้โดยการอัปโหลดจํานวนมากโดยใช้เทมเพลต CSV นี้

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
11908540389478215567
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false