วิเคราะห์และรีเฟรชข้อมูล BigQuery ใน Google ชีตโดยใช้แผ่นงานที่เชื่อมต่อ

คุณจะใช้ฟังก์ชัน แผนภูมิ การแตกข้อมูล ตาราง Pivot และรีเฟรชข้อมูล BigQuery ใน Google ชีตได้ 

สําคัญ: หากต้องการเข้าถึงข้อมูล BigQuery ใน Google ชีต คุณต้องมีสิทธิ์เข้าถึง BigQuery ดูวิธีเริ่มต้นใช้งาน BigQuery

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. คลิกแผนภูมิที่ด้านบน
  3. เลือกตำแหน่งที่จะวาง
  4. คลิกสร้าง
  5. เลือกการตั้งค่าอื่นๆ ทางด้านขวา
  6. คลิกใช้ที่ด้านขวาล่าง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนภูมิใน Google ชีต

เคล็ดลับ: หากต้องการอัปเดตแผนภูมิตามข้อมูล BigQuery ล่าสุด ให้คลิกรีเฟรชที่ด้านล่างของแผนภูมิ

เพิ่มตาราง Pivot
  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. คลิกตาราง Pivot ที่ด้านบน
  3. เลือกตำแหน่งที่จะวาง
  4. คลิกสร้าง
  5. เลือกการตั้งค่าทางด้านขวา
  6. คลิกใช้ที่ด้านขวาล่าง

เคล็ดลับ

  • ขณะนี้ตาราง Pivot รองรับผลลัพธ์ได้ถึง 100,000 รายการ
  • หากต้องการจำกัดจำนวนข้อมูลที่คุณเห็นในตาราง Pivot ให้ระบุจำนวนแถวหรือคอลัมน์ที่จะแสดงผล อัปเดต "จัดเรียงตาม" และ "ลำดับ" เพื่อระบุแถวหรือคอลัมน์ที่จะแสดงผล 
  • หากต้องการเพิ่มช่องที่คํานวณแล้วซึ่งมีสูตร SUM หรือสูตรที่กำหนดเองให้คลิกเพิ่ม จากนั้น ช่องที่คํานวณแล้วข้าง "ค่า" ในแผงด้านข้าง ดูวิธีเพิ่มช่องที่คํานวณแล้วในตาราง Pivot
  • หากต้องการอัปเดตเป็นข้อมูล BigQuery ล่าสุด ให้คลิกรีเฟรชที่ด้านล่างของตาราง Pivot
  • หากต้องการดูค่าตามระยะเวลาภายในช่วง ให้ใช้การจัดกลุ่มฮิสโตแกรม ระบบจะจัดกลุ่มค่าที่สูงกว่าค่าสูงสุดและต่ำกว่าค่าขั้นต่ำไว้ด้วยกัน
ใช้ฟังก์ชัน

คุณใช้ฟังก์ชันบางรายการกับข้อมูล BigQuery ได้

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. คลิกฟังก์ชันที่ด้านบน
  3. เลือกฟังก์ชันจากรายการ
  4. เลือกตำแหน่งที่จะวางฟังก์ชัน
  5. คลิกสร้าง
  6. เลือกคอลัมน์ข้อมูลอ้างอิงและเพิ่มพารามิเตอร์อื่นๆ ที่จำเป็น
  7. กด Enter
  8. วางเมาส์เหนือเซลล์ที่มีสูตร แล้วคลิกใช้การเปลี่ยนแปลง


เคล็ดลับ: คุณยังพิมพ์ฟังก์ชันไว้ในเซลล์ได้ด้วย 

ดึงข้อมูลเข้ามาในการแตกข้อมูล

คุณจะวิเคราะห์ข้อมูลแบบออฟไลน์ หรืออ้างอิงค่าและช่วงแต่ละรายการภายในฟังก์ชันได้ โดยจะดึงข้อมูล BigQuery ได้สูงสุด 500,000 แถวหรือ 10 MB หากคุณพยายามดึงข้อมูลเกินขีดจำกัดนี้ ระบบจะแสดงเฉพาะ 500,000 แถวแรก

หากจำนวนแถวเป็นดังนี้

  • น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50,000 กรณีนี้จะไม่มีขีดจำกัดเซลล์
  • มากกว่า 50,000 แต่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 500,000 กรณีนี้จำนวนของเซลล์ต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 ล้านเซลล์
  • มากกว่า 500,000 กรณีนี้ระบบจะไม่รองรับการดึงข้อมูล

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. เลือกตัวเลือกต่อไปนี้
    1. คลิกแตกข้อมูลที่ด้านบน
  3. เลือกตำแหน่งที่จะวาง
  4. คลิกสร้าง
  5. เพิ่มการตั้งค่าการจัดเรียง ตัวกรอง และคอลัมน์ทางด้านขวาในส่วน "เครื่องมือแก้ไขการแตกข้อมูล"
  6. คลิกใช้การเปลี่ยนแปลงที่ด้านซ้ายล่างของการแตกข้อมูล
เพิ่มการคํานวณไปยังแถวทั้งหมดในชุดข้อมูลและดูสถิติคอลัมน์

คุณสามารถใช้การคํานวณกับแถวทั้งหมดได้โดยการเพิ่มคอลัมน์ที่คํานวณ

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. คลิกคอลัมน์ที่คำนวณที่ด้านบน
  3. ป้อนสูตรโดยใช้ชื่อคอลัมน์และฟังก์ชันชีตที่รองรับ คุณจะใช้การคำนวณพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ได้ เช่น =price * quantity หรือจัดการกับข้อความด้วย =RIGHT(orderId, 4) 
  4. คลิกเพิ่ม
  5. คลิกใช้ที่ด้านซ้ายล่างของชีต

เคล็ดลับ: หากต้องการดูสถิติคอลัมน์ ให้คลิกลูกศรลง ลูกศรลง ที่ด้านขวาบนของคอลัมน์ จากนั้น ดูสถิติคอลัมน์

ฟังก์ชันที่รองรับ
ฟังก์ชันลอจิก
  • IF (ใช้เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การหารด้วย 0)
  • AND
  • OR
  • NOT

ฟังก์ชันการค้นหา

ฟังก์ชันตัวกรอง

  • FILTER
ฟังก์ชันแบบข้อความ
  • LEFT, RIGHT, MID
  • UPPER, LOWER
  • LEN
  • CONCAT (&)
คณิตศาสตร์พื้นฐาน
  • +, -, *, /
  • เครื่องหมายลบ (-) และเครื่องหมายเปอร์เซ็นต์ (%)

ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์

  • ROUND
  • POW/POWER (^)
  • SQRT
  • ABS
  • LOG, LN, LOG10

วันที่และเวลา

  • DATE, TIME
  • YEAR, MONTH, DAY
  • HOUR, MINUTE, SECOND
การเปรียบเทียบ
  • =, <>
  • >, >=, <, <=
การรวม
  • SUM
  • SUMIF
  • SUMIFS
  • COUNT
  • COUNTBLANK
  • COUNTIF
  • COUNTIFS
  • COUNTUNIQUE
  • COUNTUNIQUEIFS
  • MIN
  • MINIFS
  • MAX
  • MAXIFS
  • AVERAGE
  • AVERAGEIF
  • AVERAGEIFS
  • VAR
  • VARP
  • STDEV
  • STDEVP

อื่นๆ

  • ISBLANK (แสดงผลลัพธ์ว่าอาร์กิวเมนต์ที่ระบุเป็นค่า NULL หรือไม่)

รีเฟรชข้อมูลของคุณ

ข้อมูล BigQuery จะไม่ซิงค์กับแผ่นงานที่เชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ หากต้องการซิงค์ข้อมูล คุณอาจรีเฟรชรายการที่ต้องการ ทุกๆ สิ่งภายในแหล่งข้อมูลหนึ่ง หรือทุกๆ สิ่งภายในแหล่งข้อมูลทั้งหมด เมื่อเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลแล้ว คุณจะรีเฟรชข้อมูลนั้นและออบเจ็กต์ทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับข้อมูลนั้นได้ เช่น แผนภูมิ ฟังก์ชัน การแตกข้อมูล และตาราง Pivot 
  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. ที่ด้านล่าง ถัดจาก "รีเฟรช" ให้คลิกเพิ่มเติม เพิ่มเติม จากนั้น ตัวเลือกการรีเฟรช
  3. ทางด้านขวา ในส่วน "ตัวเลือกการรีเฟรช" ให้คลิกรายการที่ต้องการรีเฟรช หากต้องการรีเฟรชข้อมูลทั้งหมด ให้คลิกรีเฟรชทั้งหมดที่ด้านขวาล่าง
กำหนดเวลาการรีเฟรช

สําคัญ: การรีเฟรชชีตที่เชื่อมต่อที่กําหนดเวลาไว้จะไม่เผยแพร่บริบทของผู้ใช้ปลายทาง เช่น ที่อยู่ IP หรือข้อมูลอุปกรณ์ ใบรับรอง Virtual Private Cloud Service Controls (VPC-SC) ที่ใช้บริบทของผู้ใช้ปลายทางเพื่อจํากัดการเข้าถึงจะส่งผลให้รีเฟรชตามกําหนดเวลาไม่สำเร็จ

การรีเฟรชตามกำหนดเวลาจะอัปเดตออบเจ็กต์และแหล่งข้อมูลทั้งหมดในเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
สำคัญ:

  • การรีเฟรชตามกำหนดเวลาจะทำงานในฐานะผู้ใช้ที่ตั้งค่ากำหนดเวลาดังกล่าว หากผู้ใช้รายอื่นเพิ่มหรืออัปเดตแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ กำหนดเวลาจะหยุดชั่วคราวโดยอัตโนมัติ หากต้องการเริ่มใช้งานต่อ ให้ติดต่อเจ้าของกำหนดเวลาหรือเปลี่ยนสิทธิ์การรีเฟรช
  • ออบเจ็กต์ในตัวอย่างหรือออบเจ็กต์ที่มีสถานะดำเนินการไม่สำเร็จจะไม่รีเฟรชด้วยการรีเฟรชตามกำหนดเวลา 
  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. ที่ด้านล่าง ถัดจาก "รีเฟรช" ให้คลิกเพิ่มเติม เพิ่มเติม จากนั้น ตัวเลือกการรีเฟรช
  3. ที่ด้านล่างของแถบด้านข้างทางขวาในส่วน “การรีเฟรชตามกำหนดเวลา” ให้คลิกตั้งค่าทันที
  4. เลือกความถี่ในการรีเฟรช
  5. คลิกบันทึก
เปลี่ยนสิทธิ์การรีเฟรชตามกำหนดเวลา

หากต้องการเรียกใช้การรีเฟรชตามกำหนดเวลาในฐานะตัวคุณเองแทนที่จะเป็นเจ้าของเดิม คุณจะเปลี่ยนสิทธิ์การรีเฟรชได้ 

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. ที่ด้านล่าง ถัดจาก "รีเฟรช" ให้คลิกเพิ่มเติม เพิ่มเติม จากนั้น ตัวเลือกการรีเฟรช
  3. ที่ด้านล่างของแถบด้านข้างทางขวาในส่วน “การรีเฟรชที่ตั้งเวลา” ให้คลิกแก้ไข
  4. เลือกความถี่ในการรีเฟรช 
  5. คลิกบันทึกเพื่อโอนการเป็นเจ้าของการรีเฟรชตามกำหนดเวลาให้คุณ
     

ดูรายละเอียดการค้นหาและยกเลิกการค้นหา

ผู้แก้ไขสเปรดชีตและผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ BigQuery ที่จำเป็นจะยกเลิกการค้นหาที่ทำงานอยู่ได้ 

หากต้องการดูรายละเอียดการค้นหาสำหรับออบเจ็กต์ฐานข้อมูล ให้ทำดังนี้

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. ที่ปุ่มรีเฟรชป๊อปอัปที่ด้านล่าง ให้คลิกข้อมูล The info icon. เพื่อดูรายละเอียดการค้นหาใน BigQuery

หากต้องการยกเลิกการค้นหาออบเจ็กต์ฐานข้อมูล ให้ทำดังนี้

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. หากการค้นหาทำงานอยู่หรือรอดำเนินการ ให้ไปที่ปุ่มรีเฟรชป๊อปอัปที่ด้านล่างที่อยู่ถัดจาก "กำลังดำเนินการค้นหา" หรือ "การค้นหาที่รอดำเนินการ" แล้วคลิกยกเลิกข้างเวลาทำงานที่คำนวณไว้
  3. คลิกยืนยัน

นอกจากนี้คุณยังยกเลิกการค้นหาจากแถบด้านข้างตัวเลือกการรีเฟรชได้ด้วย

  1. เปิดสเปรดชีตใน Google ชีตที่เชื่อมต่อกับข้อมูล BigQuery จากคอมพิวเตอร์
  2. ที่ด้านล่าง ให้วางเมาส์เหนือไอคอนรีเฟรช รีเฟรช จากนั้นคลิกเพิ่มเติม เพิ่มเติม ข้าง "รีเฟรช" จากนั้น ตัวเลือกการรีเฟรช
  3. หากต้องการยกเลิกการรีเฟรชทีละรายการ ให้คลิกยกเลิกข้างแต่ละรายการ
  4. คลิกยืนยัน
หมายเหตุ:
  • หากคุณไม่มีสิทธิ์ BigQuery ที่จำเป็นสำหรับชุดข้อมูล BigQuery คุณจะดำเนินการเพื่อยกเลิกการค้นหาไม่ได้
  • การค้นหาที่ไม่สำเร็จเนื่องจากชีตหมดเวลาอาจยังทำงานต่อในฐานข้อมูล
  • หากคุณยกเลิกการค้นหาที่มีสูตรหลายรายการ ระบบจะยกเลิกสูตรอื่นๆ ทั้งหมดในการค้นหาด้วย

ถัดไป: เขียนและแก้ไขการค้นหาด้วยข้อมูล BigQuery ในชีต

บทความที่เกี่ยวข้อง

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14721979567478100504
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
35
false
false
false