สร้างและใช้ฟังก์ชันที่มีชื่อ

ฟังก์ชันที่มีชื่อจะช่วยให้คุณสร้างฟังก์ชันที่กำหนดเองซึ่งใช้สูตรสำเร็จรูปของชีตได้ เราได้เพิ่มความสามารถในการนำเข้าฟังก์ชันที่มีชื่อเพื่อให้ใช้งานได้ในชีตมากกว่า 1 ชีต

Named functions tutorial

หากต้องการดูสเปรดชีตตัวอย่างและทำตามขั้นตอนต่างๆ ไปพร้อมกับวิดีโอ ให้คลิก "ทำสำเนา" ด้านล่าง

ทำสำเนา

เปิดฟังก์ชันที่มีชื่อ

  1. ในสเปรดชีตใหม่หรือสเปรดชีตที่มีอยู่ ให้คลิกข้อมูล จากนั้น ฟังก์ชันที่มีชื่อ

สําหรับเซลล์ที่มีสูตร:

  1. คลิกขวาที่เซลล์ที่มีสูตร
  2. คลิกดูการดำเนินการเพิ่มเติมของเซลล์จากนั้น กำหนดฟังก์ชันที่มีชื่อ

สร้างฟังก์ชันที่มีชื่อ

เมื่อสร้างฟังก์ชันที่มีชื่อ ให้ใช้ข้อความเป็นตัวยึดตำแหน่งสำหรับอินพุต

ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชัน IF รับอาร์กิวเมนต์ได้สูงสุด 3 อาร์กิวเมนต์

IF(logical_expression, value_if_true, value_if_false)

หากคุณแทรกข้อความ "logical_expression", "value_if_true" หรือ "value_if_false" เป็นอาร์กิวเมนต์ในเซลล์ คุณจะได้รับข้อผิดพลาด เนื่องจากอาร์กิวเมนต์เหล่านี้คือตัวยึดตำแหน่งและคำอธิบายประเภทของอินพุตที่ฟังก์ชันคาดหวัง หากต้องการป้อนอินพุตหลายรายการลงในฟังก์ชัน คุณต้องกำหนดตัวยึดตำแหน่งอาร์กิวเมนต์เมื่อเขียนฟังก์ชันที่มีชื่อ

ก่อนหน้านี้ คุณสร้างฟังก์ชันที่กำหนดเองโดยใช้ได้เพียง App Script เท่านั้น ซึ่งทำให้คุณต้องเขียน JavaScript แต่ฟังก์ชันที่มีชื่อจะช่วยให้คุณสร้างฟังก์ชันที่กำหนดเองได้ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใดๆ

คอมโพเนนต์หลัก 4 รายการในฟังก์ชันที่มีชื่อ ได้แก่

  • ชื่อฟังก์ชัน
    • ชื่อของฟังก์ชันที่คุณใช้แทรกฟังก์ชันในเซลล์ ส่วนนี้จะเป็นตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่
    • ข้อกำหนด
      • ตั้งชื่อเป็นชื่อเดียวกับฟังก์ชันชีตในตัว เช่น SUM ไม่ได้
      • ตั้งชื่อเป็น TRUE หรือ FALSE ไม่ได้
      • ต้องไม่อยู่ในรูปแบบไวยากรณ์ "A1" หรือ "R1C1"
        • เช่น หากคุณตั้งชื่อฟังก์ชันเป็น "A1" หรือ "AA11" คุณจะได้รับข้อผิดพลาด
      • เริ่มต้นด้วยตัวเลขไม่ได้
      • ต้องมีอักขระไม่เกิน 255 ตัว
      • ต้องไม่มีเว้นวรรค
      • ต้องไม่มีสัญลักษณ์พิเศษ ยกเว้นขีดล่าง
  • คำอธิบายของฟังก์ชัน
    • คําอธิบายฟังก์ชันที่ปรากฏในส่วน "เกี่ยวกับ" ของช่องความช่วยเหลือของฟังก์ชัน
  • ตัวยึดตำแหน่งสำหรับอาร์กิวเมนต์ (ไม่บังคับ)
    • ตัวยึดตําแหน่งคือคําอธิบายประเภทของอินพุตที่ฟังก์ชันคาดหวัง เช่น ชื่ออาร์กิวเมนต์ "CELL" หรือ "RANGE" มีไว้สําหรับเมื่ออินพุตที่คาดหวังเป็นเซลล์เดียว หรือเป็นช่วงของเซลล์ ตามลําดับ
    • ข้อกำหนด
      • ต้องมีชื่อต่างจากตัวยึดตำแหน่งอาร์กิวเมนต์อื่นในฟังก์ชันที่มีชื่อ
      • ต้องไม่อยู่ในรูปแบบไวยากรณ์ "A1" หรือ "R1C1"
        • เช่น หากคุณตั้งชื่อตัวยึดตำแหน่งเป็น "A1" หรือ "AA11" คุณจะได้รับข้อผิดพลาด
      • ต้องไม่มีเว้นวรรค
      • ต้องไม่มีสัญลักษณ์พิเศษ ยกเว้นขีดล่าง
  • คำนิยามของสูตร
    • เป็นสูตรแบบเขียนที่คุณแทรกลงในเซลล์ เมื่อคุณรวมอาร์กิวเมนต์ที่กําหนดไว้ ฟังก์ชันจะคาดหวังอินพุตสําหรับอาร์กิวเมนต์แต่ละรายการเมื่อแทรกฟังก์ชันในเซลล์
    • ข้อกำหนด
      • ต้องเป็นสูตรที่แยกวิเคราะห์ได้
      • ต้องไม่มีวงเล็บที่ขาดหายไป
      • ต้องไม่มีคอมมาที่อยู่ผิดที่

รายละเอียดอื่นๆ

หลังจากตั้งค่าคอมโพเนนต์หลักข้างต้นแล้ว คุณจะเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมในหน้าที่ 2 ได้ สําหรับตัวยึดตําแหน่งอาร์กิวเมนต์ทั้งหมดที่คุณกําหนด ช่องเหล่านี้จะพร้อมใช้งาน

  • คำอธิบายอาร์กิวเมนต์
    • นี่คือคําอธิบายสั้นๆ ว่าฟังก์ชันนี้คาดหวังอะไรสําหรับอาร์กิวเมนต์นี้ เช่น "ค่า 1 ค่าที่คุณกําลังค้นหา"
  • ตัวอย่างของอาร์กิวเมนต์
    • นี่คือตัวอย่างอินพุตสําหรับอาร์กิวเมนต์นี้ เช่น อาร์กิวเมนต์ที่ควรเป็นช่วงของเซลล์คือ "B3:B14"

ระบบจะใช้รายละเอียดเพิ่มเติมเหล่านี้พร้อมด้วยคอมโพเนนต์หลักในการป้อนข้อมูลในกล่องความช่วยเหลือของฟังก์ชันเมื่อเพิ่มฟังก์ชันที่มีชื่อไปยังเซลล์ ดังนี้

Sample of Named function arguments.

นำเข้าฟังก์ชันที่มีชื่อ

เมื่อคุณสร้างฟังก์ชันที่มีชื่อเพิ่ม หรือเริ่มค้นพบฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์ซึ่งบุคคลอื่นสร้างขึ้น แล้วต้องการใช้งานฟังก์ชันเหล่านั้นในชีตอื่น คุณก็สามารถนำฟังก์ชันที่มีชื่อที่สร้างขึ้นไปใช้ซ้ำได้ด้วยการนำเข้าฟังก์ชันเหล่านั้นจากชีตอื่นลงในชีตปัจจุบัน โดยทำดังนี้

  1. เปิด Google ชีตในคอมพิวเตอร์
  2. เปิดชีตที่ต้องการนำเข้าฟังก์ชันที่มีชื่อ
  3. ที่ด้านบน ให้คลิกข้อมูลจากนั้น ฟังก์ชันที่มีชื่อจากนั้น นำเข้าฟังก์ชัน
  4. เลือกชีตที่ต้องการนำเข้า
  5. เลือกฟังก์ชันที่มีชื่อที่ต้องการนำเข้า
    • หากต้องการนำเข้าฟังก์ชันที่มีชื่อทั้งหมดจากไฟล์ ให้คลิกนำเข้าทั้งหมด
  6. คลิกนำเข้า

เคล็ดลับ

  • หากฟังก์ชันที่มีชื่อที่คุณเลือกให้นำเข้ามามีชื่อเหมือนกับฟังก์ชันที่มีชื่อซึ่งมีอยู่แล้วในไฟล์ที่ใช้งานอยู่ ฟังก์ชันที่นำเข้านั้นจะลบล้างฟังก์ชันที่มีอยู่แล้ว
  • หากฟังก์ชันที่มีชื่อที่คุณเลือกให้นำเข้ามานั้นมีความเชื่อมโยงกับฟังก์ชันที่มีชื่อรายการอื่น เช่น คำจำกัดความของสูตร ในกรณีนี้ชีตจะเตือนคุณเกี่ยวกับความเชื่อมโยงนั้นและไฮไลต์ฟังก์ชันที่เชื่อมโยงกัน
  • หากฟังก์ชันที่มีชื่อที่คุณเลือกให้นำเข้านั้นใช้สูตรที่มีการโต้ตอบกับแหล่งที่มาภายนอก เช่น IMAGE ชีตจะเตือนคุณเกี่ยวกับการโต้ตอบนั้น

ตัวอย่าง

ฟังก์ชันที่มีชื่อที่มีตัวยึดตําแหน่งสําหรับอาร์กิวเมนต์ 2 รายการ

  • ชื่อฟังก์ชัน CONTAINS
  • คำอธิบาย: ตรวจสอบว่าค่าปรากฏในช่วงหรือไม่ ระบบจะแสดงผล TRUE หากค่าปรากฏขึ้น และ FALSE หากไม่ปรากฏขึ้น
  • ตัวยึดตําแหน่งสําหรับอาร์กิวเมนต์: search_query, search_range
  • คำอธิบาย: =NOT(ISERROR(MATCH(search_query,search_range,0)))
  • รายละเอียดเพิ่มเติม
    • คำอธิบายอาร์กิวเมนต์: search_query
      • ค่าที่คุณกำลังค้นหา
    • ตัวอย่างของอาร์กิวเมนต์: search_query
      • B3
    • คำอธิบายอาร์กิวเมนต์: search_range
      • ช่วงที่คุณค้นหาค่า
    • ตัวอย่างของอาร์กิวเมนต์: search_range
      • B3:B14

ฟังก์ชันที่มีชื่อที่ไม่มีตัวยึดตําแหน่งอาร์กิวเมนต์

  • ชื่อฟังก์ชัน NAMED_FUNCTIONS_SLOGAN
  • คำอธิบาย: แสดงผลลัพธ์เป็นประโยคที่ชัดเจนที่อธิบายฟังก์ชันที่มีชื่อ
  • คำอธิบาย: ="Named functions help make my formulas easier to use and read."

ฟังก์ชันที่มีชื่อที่ใช้การเกิดซ้ำ

  • ชื่อฟังก์ชัน REVERSE_WORDS
  • คําอธิบาย: กลับลําดับคําในสตริง
  • ตัวยึดตำแหน่ง: str
  • คำอธิบาย:=IF(ISERROR(FIND(" ", str)), str, REVERSE_WORDS(RIGHT(str, LEN(str)-FIND(" ", str)))&" "&LEFT(str, FIND(" ",str)-1))
  • รายละเอียดเพิ่มเติม
    • คำอธิบายอาร์กิวเมนต์: str
      • String you need reversed (สตริงที่ต้องการให้ย้อนกลับ)
    • ตัวอย่างของอาร์กิวเมนต์: str
      • "reversed need you String"

ฟังก์ชันที่มีชื่อที่ใช้ LAMBDA

  • ชื่อฟังก์ชัน COUNT_FORMULAS
  • คําอธิบาย: คํานวณจํานวนสูตรสําหรับช่วงที่ระบุ
  • ตัวยึดตำแหน่ง: range
  • คำอธิบาย: =COUNTIF(MAP(range,LAMBDA(cell, ISFORMULA(cell))),"TRUE")
  • รายละเอียดเพิ่มเติม
    • คำอธิบายอาร์กิวเมนต์: range
      • ช่วงที่คุณค้นหาสูตร
    • ตัวอย่างของอาร์กิวเมนต์: search_range
      • A2:D7

คำถามที่พบบ่อย

ฉันจะสร้างช่วงแบบสัมพัทธ์ในฟังก์ชันที่มีชื่อได้หรือไม่

ไม่ได้ ช่วงทั้งหมดที่อยู่ในคำจำกัดความของสูตรเป็นค่าสัมบูรณ์ หากไม่อยู่ในคำจำกัดความในรูปแบบนั้น ระบบจะแปลงเป็นช่วงสัมบูรณ์ เช่น ระบบจะแก้ไข "A1:B3" เมื่อบันทึกลงในชีต "1!$A$1:$B$3" คุณสามารถส่งช่วงแบบสัมพัทธ์ในรูปแบบอาร์กิวเมนต์ไปยังฟังก์ชันที่มีชื่อได้

ฉันจะตั้งชื่อตัวยึดตำแหน่งอาร์กิวเมนต์ให้เป็นชื่อเดียวกับฟังก์ชันในตัว เช่น SUM ได้ไหม

ได้ คุณสามารถตั้งชื่อตัวยึดตําแหน่งอาร์กิวเมนต์ให้เป็นชื่อเดียวกับฟังก์ชันในตัว ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งชื่อตัวยึดตําแหน่งสําหรับอาร์กิวเมนต์ว่า "SUM" ได้ แต่หากใช้ด้วยกัน ตัวยึดตําแหน่งสําหรับอาร์กิวเมนต์จะมีลําดับความสําคัญเหนือกว่าฟังก์ชันในตัว

ฉันจะนําเข้าชื่อที่กําหนดโดยไม่มีพารามิเตอร์ไปยังชีตได้ไหม

ได้ ชื่อที่กำหนดโดยไม่มีพารามิเตอร์สามารถนำเข้าไปยังชีตได้ แต่ควรเรียกใช้โดยไม่มีวงเล็บ

ฉันจะแก้ไขฟังก์ชันที่มีชื่อที่กำหนดไว้ซึ่งนำเข้ามาโดยไม่มีมารามิเตอร์ในชีตได้ไหม

ได้ ชีตจะอัปเดตชื่อที่กำหนดไว้ให้เป็นไปตามไวยากรณ์ของฟังก์ชันที่มีชื่อในชีต โดยคุณต้องเพิ่มวงเล็บลงในการอ้างอิงเซลล์ทั้งหมด

ฉันจะสร้างฟังก์ชันที่มีชื่อโดยใช้ชื่อเดียวกับฟังก์ชันสคริปต์ของแอปที่กำหนดเองได้ไหม

ไม่ได้ คุณไม่สามารถสร้างฟังก์ชันที่มีชื่อโดยใช้ชื่อเดียวกับฟังก์ชันสคริปต์ของแอปที่กำหนดเองซึ่งมีอยู่ในชีตได้ แต่คุณสามารถเพิ่มฟังก์ชันที่กำหนดเองในชีตได้โดยใช้ชื่อเดียวกับฟังก์ชันที่มีชื่อที่มีอยู่แล้ว แต่ฟังก์ชันที่มีอยู่นี้จะมีผลแทนฟังก์ชันที่คุณกำหนดเอง

ฉันได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด "ถึงขีดจำกัดของการคำนวณแล้วในขณะที่กำลังคำนวณสูตรนี้" สำหรับสูตรที่เกิดซ้ำ ฉันจะแก้ไขได้อย่างไร

ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นจาก 2 กรณี ดังนี้

  • การคํานวณสูตรใช้เวลานานเกินไป
  • ใช้หน่วยความจํามากเกินไป

หากต้องการแก้ไขปัญหานี้ ให้ใช้สูตรที่ง่ายกว่านี้เพื่อลดความซับซ้อน

หากทั้งฟังก์ชันที่มีชื่อและช่วงที่ตั้งชื่อแล้วนั้นใช้ชื่อเดียวกัน สิ่งใดจะมีความสำคัญมากกว่า

ช่วงที่ตั้งชื่อแล้วจะมีความสำคัญเหนือกว่าฟังก์ชันที่มีชื่อ

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

true
Visit the Learning Center

Using Google products, like Google Docs, at work or school? Try powerful tips, tutorials, and templates. Learn to work on Office files without installing Office, create dynamic project plans and team calendars, auto-organize your inbox, and more.

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
11658566083479402402
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
35
false
false