ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณาของ Chrome ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของคุณบนโลกออนไลน์ ในขณะเดียวกันก็รองรับโฆษณา รวมถึงเนื้อหาและบริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้จากการแสดงโฆษณา
เว็บไซต์ที่คุณเข้าชมสามารถฝังเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเนื้อหาของตนเอง เช่น รูปภาพ โฆษณา และข้อความ เนื้อหาที่ฝังนี้สามารถใช้คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อติดตามคุณในขณะที่ท่องเว็บ โดยคุณเลือกที่จะบล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สามได้ แต่วิธีนี้อาจทำให้ฟังก์ชันการทำงานบางอย่างของเว็บไซต์ใช้งานไม่ได้ เช่น เนื้อหาที่ฝังอย่างวิดีโอ ฟีดโซเชียลมีเดีย และโฆษณา อาจแสดงไม่ถูกต้อง ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณาใน Chrome สามารถมอบประสบการณ์การท่องเว็บแบบเดียวกันนี้ได้โดยไม่ต้องมีการติดตาม
เมื่อใช้ในการโฆษณา Ad Privacy API จะปกป้องตัวตนของคุณและลดปริมาณข้อมูลที่เว็บไซต์สามารถใช้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับคุณ วิธีการมีดังนี้
- ปกป้องตัวตนของคุณ: Ad Privacy API จะจำกัดความสามารถของเว็บไซต์ในการติดตามกิจกรรมของคุณขณะที่คุณท่องเว็บ นอกจากนี้ API ยังปกป้องคุณจากการระบุตัวตนซ้ำอีกด้วย เช่น ตัวติดตามอาจเดาได้ว่าคุณเป็นใครโดยพิจารณาจากกิจกรรมและข้อมูลอื่นๆ ที่ตัวติดตามมีอยู่แล้ว เช่น ข้อมูลประจำตัวของคุณบนเว็บไซต์
- Topics API ช่วยให้เว็บไซต์ทราบถึงความสนใจอันดับต้นๆ ของคุณโดยพิจารณาจากประวัติการท่องเว็บล่าสุด API ใหม่อนุญาตให้เว็บไซต์รับความสนใจได้สูงสุด 3 รายการ เช่น "กีฬา" แทนที่จะรับข้อมูลได้ไม่จำกัด รวมถึงยังแสดงผลความสนใจแบบสุ่มเป็นครั้งคราวด้วย เราเรียกกระบวนการนี้ว่า "การเพิ่มสัญญาณรบกวน" ซึ่งมีขึ้นเพื่อปกป้องตัวตนของคุณ นั่นหมายความว่า Topics API ทำให้ตัวติดตามรวบรวมข้อมูลที่จะระบุตัวตนของคุณได้ยากขึ้นมาก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Topics API
- Protected Audience API อนุญาตให้เว็บไซต์จัดเก็บประวัติการท่องเว็บอย่างจำกัดในอุปกรณ์ของคุณ บริษัทเทคโนโลยีโฆษณาจะประมวลผลข้อมูลแบบข้ามเว็บไซต์ได้เฉพาะบนอุปกรณ์เท่านั้น ซึ่งจะทำให้ระบุตัวตนของคุณและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณได้ยากขึ้นมาก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Protected Audience API
- Attribution Reporting API ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาวัดประสิทธิภาพของโฆษณาออนไลน์ได้โดยไม่ต้องติดตามกิจกรรมของคุณในเว็บไซต์และแอปต่างๆ นอกจากนี้ API นี้ยังเพิ่มสัญญาณรบกวนเพื่อปิดบังลักษณะเฉพาะซึ่งอาจนำไปใช้ระบุตัวตนของคุณได้เช่นเดียวกับ Topics และยังเพิ่มการหน่วงเวลาให้กับรายงาน ซึ่งทำให้เชื่อมโยงกิจกรรมของคุณกับชุดข้อมูลได้ยากขึ้นมาก การป้องกันเหล่านี้ช่วยป้องกันการโจมตีจากการระบุตัวตนซ้ำๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในปัจจุบันโดยใช้ตัวระบุผู้ใช้จำนวนมาก แม้ว่าตัวระบุเหล่านั้นจะถูกปิดบังและเข้ารหัสไว้ก็ตาม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Attribution Reporting API
- ลดการเก็บรวบรวมข้อมูล: ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ เช่น คุกกี้ของบุคคลที่สาม ทำให้บริษัทเทคโนโลยีโฆษณาสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลของคุณได้จำนวนมากในขณะที่คุณท่องเว็บ Ad Privacy API จะจำกัดปริมาณข้อมูลที่สามารถใช้เรียนรู้เกี่ยวกับคุณ ณ เวลาหนึ่งๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณท่องเว็บจากเว็บไซต์หนึ่งไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของคุณได้อย่างมากเมื่อมีการบล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สาม API ทำให้บริษัทโฆษณาระบุตัวตนของคุณได้ยากขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะสร้างและเชื่อมโยงโปรไฟล์กับคุณได้ยากขึ้น นอกจากนี้ API ยังสร้างข้อจำกัดอื่นๆ ของข้อมูล เช่น
- Topics API จำกัดให้ผู้ลงโฆษณาเก็บรวบรวมหัวข้อเพียงไม่กี่หัวข้อต่อสัปดาห์โดยอิงจากประวัติการท่องเว็บล่าสุดของคุณ ปัจจุบันคุกกี้ของบุคคลที่สามและตัวระบุอื่นๆ ช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีโฆษณาเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณอย่างละเอียดได้โดยอิงจากประวัติการท่องเว็บเกือบทั้งหมดของคุณในช่วงเวลาต่างๆ
- Protected Audience API จำกัดผู้ที่รับข้อมูลและข้อมูลที่ได้รับเมื่อคุณเห็นโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของคุณ API นี้ทำให้มีเพียงบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแสดงโฆษณาบนหน้าเว็บเท่านั้นที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงโฆษณาดังกล่าว แต่ในปัจจุบันเมื่อมีการแสดงโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ในหน้าเว็บที่ใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม บริษัทจำนวนมากสามารถรวบรวมข้อมูลได้ แม้จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงโฆษณาก็ตาม
- Attribution Reporting API จำกัดปริมาณข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับคุณสำหรับโฆษณาที่แสดง และสำหรับรายงานภาพรวมซึ่งรวมรายงานจำนวนมากของผู้ใช้ไว้ในรายงานเดียวเพื่อปกป้องตัวตนของคุณ API จะจำกัดประเภทข้อมูลที่วัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจำกัดปริมาณข้อมูล Conversion ที่บันทึกด้วย ปัจจุบันตัวติดตามสามารถรวบรวมข้อมูลได้ไม่จำกัด รวมถึงข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมของคุณ
- ความรับผิดชอบที่มากขึ้นจากผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีโฆษณา: การติดตามบริษัทเทคโนโลยีโฆษณาที่ใช้ API เหล่านี้สำหรับโฆษณาจะช่วยเพิ่มระดับการมองเห็นและความรับผิดชอบแบบใหม่ Chrome ใช้รูปแบบ "เอกสารรับรอง" ซึ่งกำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีโฆษณาต้องระบุอย่างชัดเจนและเปิดเผยต่อสาธารณะว่าจะใช้ข้อมูลที่ได้รับอย่างจำกัดในลักษณะที่เหมาะสมและรักษาความเป็นส่วนตัว ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบที่มากขึ้นจากผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีโฆษณา
- การควบคุมของผู้ใช้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น: ปัจจุบัน การจัดการความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณาด้วยคุกกี้ของบุคคลที่สามนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมาก คุณอาจเลือกที่จะปิดคุกกี้ของบุคคลที่สามอย่างสมบูรณ์ไปเลย แต่จะไม่สามารถใช้คุกกี้ของบุคคลที่สามซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโฆษณา เช่น บริการลงชื่อเข้าใช้แบบถาวร หรือเลือกที่จะใช้คุกกี้ของบุคคลที่สามต่อไปและจัดการกับคุกกี้จากโดเมนนับร้อยและผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีโฆษณาที่มักไม่รู้จัก API ใหม่จะช่วยให้จัดการความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณาทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น เช่น เมื่อมีการแสดงโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ผ่าน Protected Audience API คุณสามารถบล็อกหัวข้อและเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการให้ใช้เพื่อแสดงโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้
สำคัญ: โฆษณาที่เว็บไซต์แสดงจะขึ้นอยู่กับนโยบายของเว็บไซต์ด้วย
ขณะที่ท่องเว็บ การตั้งค่าเหล่านี้ช่วยให้คุณกำหนดข้อมูลที่เว็บไซต์ใช้เพื่อแสดงโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้เมื่อเว็บไซต์เหล่านั้นใช้ Ad Privacy API คุณปิดฟีเจอร์เหล่านี้ในการตั้งค่า Chrome ได้ทุกเมื่อ รวมถึงสามารถลบ อนุญาต และจัดการคุกกี้ใน Chrome ได้ด้วย
วิธีเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณาใน Chrome มีดังนี้
คอมพิวเตอร์
- เปิด Chrome ในคอมพิวเตอร์
- ที่ด้านขวาบน ให้เลือกเพิ่มเติม การตั้งค่า
- เลือกความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณา
- เลือกฟีเจอร์โฆษณาที่คุณต้องการเปิดหรือปิด
Android
- เปิด Chrome ในอุปกรณ์ Android
- แตะเพิ่มเติม การตั้งค่า
- แตะความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณา
- เลือกฟีเจอร์โฆษณาที่คุณต้องการเปิดหรือปิด
iOS
การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโฆษณาไม่พร้อมใช้งานสำหรับ Chrome ในอุปกรณ์ iOS