ใช้ Google Chat กับโปรแกรมอ่านหน้าจอ

คุณสามารถส่งข้อความส่วนตัวถึงบุคคล 1 คนหรือหลายคนด้วย Google Chat ได้ และหากต้องการสนทนากับทีมอย่างต่อเนื่อง คุณสามารถสร้างพื้นที่ทํางานเพื่อส่งข้อความให้กับทุกคนพร้อมกันได้

คุณยังใช้แอปเพื่อทํางานโดยอัตโนมัติได้ด้วย (หากมี) หากต้องการใช้แอปใน Google Chat คุณต้องใช้บัญชีงานหรือบัญชีโรงเรียน และผู้ดูแลระบบ Google Workspace ต้องให้สิทธิ์ในการติดตั้งแอป

บทนำ

บทความนี้แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ โดยมีหัวเรื่องกำกับไว้ ใช้ลิงก์ด้านล่างเพื่อข้ามไปยังส่วนที่ต้องการของบทความ

คู่มือเริ่มต้นฉบับย่อ

บทความนี้มีไว้สําหรับหน้า chat.google.com และมีข้อมูลดีๆ มากมายที่จะช่วยเหลือคุณในการใช้ Chat ทั้งนี้ การอ่านบทความทั้งหมดอาจใช้เวลานานพอสมควร หากคุณต้องการเริ่มต้นใช้งานอย่างรวดเร็ว ให้ใช้เคล็ดลับสั้นๆ เหล่านี้เพื่ออ่านและส่งข้อความในข้อความส่วนตัวและพื้นที่ทํางาน

  • สําหรับ JAWS: ปิดใช้เคอร์เซอร์เสมือนจริง
  • สําหรับ NVDA: เปลี่ยนเป็นโหมดโฟกัส
  • สำหรับ ChromeOS: ปิดใช้โหมดกดค้าง
  • สําหรับ MacOS: ปิด Quicknav

วิธีอ่านแชทที่ได้รับ

  1. กดปุ่ม h แล้วตามด้วยปุ่ม c เพื่อย้ายโฟกัสไปยังรายการแชท
  2. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงจนกว่าโฟกัสจะอยู่ในแชทที่ต้องการ
  3. กดปุ่ม Enter เพื่อเปิดแชทและย้ายโฟกัสไปที่ช่องแก้ไขข้อความเพื่อพิมพ์ข้อความ
  4. กดปุ่ม Escape เพื่อออกจากช่องแก้ไขข้อความและย้ายโฟกัสไปยังรายการข้อความ
  5. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อตรวจสอบข้อความ
  6. กดปุ่ม r เพื่อย้ายโฟกัสกลับไปที่ช่องแก้ไขข้อความ

หากต้องการตรวจสอบข้อความล่าสุด แต่ให้โฟกัสไปที่ช่องแก้ไขข้อความ ให้ทำดังนี้

  • สําหรับ Windows: กดปุ่ม Alt + {ตัวเลข}
  • สําหรับ ChromeOS: กดปุ่ม Alt + Shift + {ตัวเลข}
  • สําหรับ MacOS: กดปุ่ม Option + {ตัวเลข}
  • แทนที่ {ตัวเลข} ด้วย 1 ถึง 9 สําหรับ 9 ข้อความล่าสุด

เมื่อต้องการเริ่มแชทกับคนอื่น ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่ม Ctrl + k เพื่อเปิดช่องตัวเลือกรวม "เพิ่มอย่างน้อย 1 คน"
  2. พิมพ์ชื่อหรืออีเมลของบุคคล หากได้ยินผลลัพธ์ที่ตรงกัน ให้กดปุ่ม Ctrl + Enter กดปุ่มลูกศรลงเพื่อดูรายการที่ใกล้เคียง
  3. โฟกัสจะย้ายไปที่ช่องแก้ไขข้อความ พิมพ์ข้อความแล้วกดปุ่ม Enter
เคล็ดลับ หากไม่ได้อยู่ในโหมดแก้ไข แป้นพิมพ์ลัด q จะทํางานเหมือนกับปุ่ม Ctrl + k

วิธีอ่านพื้นที่ทำงาน

  1. กดปุ่ม h ตามด้วยปุ่ม r เพื่อย้ายโฟกัสไปยังรายการพื้นที่ทํางาน
  2. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อค้นหาพื้นที่ทํางานที่ต้องการ
  3. กดปุ่ม Enter เพื่อย้ายโฟกัสไปที่รายการหัวข้อสำหรับพื้นที่ทำงาน
  4. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อโฟกัสที่หัวข้ออื่นๆ
  5. กดปุ่มลูกศรขวาเพื่อเปิดหัวข้อที่ต้องการ ใช้ปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่ออ่านข้อความในหัวข้อ
  6. กดปุ่มลูกศรซ้ายเพื่อกลับไปที่รายการหัวข้อ
  7. กดปุ่ม r เพื่อย้ายโฟกัสไปที่ช่องแก้ไขข้อความ พิมพ์ข้อความ กดปุ่ม Enter เพื่อเพิ่มข้อความในหัวข้อ
  8. กดปุ่ม Ctrl + s เพื่อเริ่มหัวข้อใหม่

เริ่มต้นใช้งาน

เบราว์เซอร์และโปรแกรมอ่านหน้าจอที่แนะนำ

Google Chat แนะนำให้ใช้ Chrome และรายการต่อไปนี้

  • NVDA หรือ JAWS ใน Windows
  • ChromeVox ใน Chrome OS
  • VoiceOver ใน MacOS

ใช้ Chat เป็นเว็บแอปพลิเคชัน

คุณสามารถใช้ chat.google.com เป็นเว็บแอปพลิเคชันแทนหน้าเว็บได้ เมื่อใช้ chat.google.com เป็นเว็บแอปพลิเคชัน

  • ให้ปิดทางลัดการท่องเว็บของโปรแกรมอ่านหน้าจอ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อตั้งค่าโปรแกรมอ่านหน้าจอด้านล่าง
  • ใช้แป้นพิมพ์ลัดของ Chat เพื่อไปยังส่วนต่างๆ และอ่านแทนคําสั่งของโปรแกรมอ่านหน้าจอ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อไปยังส่วนต่างๆ ของ Chat ด้านล่าง

เคล็ดลับ: บางครั้งคุณควรใช้ chat.google.com เป็นหน้าเว็บและใช้คำสั่งเบราว์เซอร์ของโปรแกรมอ่านหน้าจอ ทั้งนี้เราจะระบุให้ทราบเมื่อช่วงเวลาเหล่านั้นมาถึง

ตั้งค่าโปรแกรมอ่านหน้าจอ

โปรแกรมอ่านหน้าจอบางรายการจำเป็นต้องได้รับการตั้งค่าเพื่อใช้ Chat เป็นเว็บแอปพลิเคชัน

  • JAWS: ปิดใช้เคอร์เซอร์เสมือนจริง กดปุ่ม Insert + z จนกว่าจะได้ยินคําว่า "ปิด"
  • NVDA: เปิดโหมดโฟกัส กดปุ่ม Insert + Spacebar จนกว่าจะได้ยินเสียงที่คล้ายกับเสียงกดแป้นพิมพ์
  • ChromeVox: ปิดโหมดกดค้าง กดปุ่ม Search 2 ครั้งอย่างรวดเร็วจนกว่าจะได้ยินคําว่า "ปิดใช้โหมดกดค้างแล้ว"
  • VoiceOver: ปิดการนำทางด่วน กดปุ่มลูกศรซ้าย + ขวาจนกว่าจะได้ยินคําว่า "ปิด Quicknav แล้ว"

เปิด Chat

ไปที่ chat.google.com เมื่อเปิด Chat การโฟกัสของแป้นพิมพ์จะอยู่ที่เมนูหลักใกล้กับด้านบน ในจุดสังเกตของแบนเนอร์ ในครั้งแรกที่เปิด Chat คุณอาจต้องการทำการสํารวจเหมือนกับหน้าเว็บตามที่อธิบายไว้ในส่วนถัดไป หลังจากที่สํารวจเสร็จแล้ว เราขอแนะนําให้เปลี่ยนไปใช้ Chat เป็นเว็บแอปพลิเคชันตามที่อธิบายไว้ในหัวข้อตั้งค่าโปรแกรมอ่านหน้าจอด้านบน

เกี่ยวกับอินเทอร์เฟซของ Chat

Chat มีอยู่ 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้

  • ที่ด้านบน โปรแกรมอ่านหน้าจอจะเป็นจุดสังเกตของแบนเนอร์ ซึ่งจะมีการตั้งค่าและการควบคุมทั่วไป เช่น สถานะ แถบค้นหา และแถบ Google เพื่อสลับไปยังแอปและบัญชีผู้ใช้อื่นๆ
  • พื้นที่การนําทางด้านซ้าย ซึ่งแสดงเป็นจุดสังเกตสําหรับการนําทาง: ทางด้านซ้าย คุณจะเห็นการสนทนาของ Chat, เนื้อหาพื้นที่ทํางาน และส่วนหัวของ Meet
  • เนื้อหา Chat ซึ่งแสดงเป็นจุดสังเกตหลัก: ประกอบด้วยการสนทนาใน Chat, เนื้อหาพื้นที่ทํางาน หรือข้อมูลการประชุมที่เลือกอยู่ในปัจจุบัน บริเวณนี้ยังมีรายการข้อความที่ผ่านมา ช่องแก้ไขข้อความสำหรับข้อความใหม่ และปุ่มดำเนินการอีกด้วย
  • แผงด้านข้างจะแสดงเป็นจุดสังเกตเสริม: มอบการเข้าถึงแบบฝังให้แก่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google เช่น ปฏิทิน, Keep, Tasks และ Contacts

การแชทกับคน 1 คนหรือกลุ่ม 1 กลุ่มจะสร้างรายการข้อความ โดยค่าเริ่มต้น ประวัติจะปิดอยู่ และข้อความจะหายไปเมื่อผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมงหลังจากที่ข้อความมาถึง พื้นที่ทํางานมีไว้สำหรับการสนทนาระยะยาวกับทีมหรือกลุ่มคน ระบบจะเปิดใช้งานประวัติโดยค่าเริ่มต้น คุณสามารถจัดระเบียบพื้นที่ทำงานให้เป็นหัวข้อที่จะสร้างแผนผังการสนทนา 2 ระดับได้

ไปยังส่วนต่างๆ ของเนื้อหาหลักใน Chat

เนื้อหาของ Chat และพื้นที่ทำงานมี 2 โหมด ได้แก่ การแก้ไขและการนําทาง เมื่อโฟกัสอยู่ที่ช่องแก้ไขข้อความ Chat จะอยู่ในโหมดแก้ไข หากต้องการเปลี่ยนจากโหมดแก้ไขเป็นโหมดการนําทาง ให้กดปุ่ม Escape

ปุ่ม Tab และปุ่มลูกศรมีลักษณะการทํางานที่ต่างกันในแต่ละโหมด ดังนี้

  • ในโหมดแก้ไข: เมื่อกดปุ่มลูกศรขึ้นจะเป็นการย้ายไปยังข้อความที่โพสต์ล่าสุด และช่วยให้คุณสามารถแก้ไขและส่งอีกครั้งได้
  • ในโหมดการไปยังส่วนต่างๆ ให้ทำดังนี้
    • เมื่อกดปุ่มลูกศรขึ้นจะเป็นการย้ายไปยังข้อความล่าสุด จากนั้นจะไปยังข้อความที่เก่ากว่า
    • ในส่วนของข้อความ การกดปุ่ม Tab จะเป็นการนำไปยังปุ่มต่างๆ เช่น เพิ่มความรู้สึก (อีโมจิ) แก้ไขข้อความ (หากโพสต์ไว้) ทําเครื่องหมายว่ายังไม่อ่าน และดําเนินการเพิ่มเติม
    • ในพื้นที่ทํางานที่มีหัวข้อ จะเป็นดังนี้
      • ย้ายไปยังหัวข้อต่างๆ ด้วยปุ่มลูกศรขึ้นหรือลง
      • ย้ายไปยังรายการหัวข้อด้วยปุ่มลูกศรซ้าย จากนั้นใช้ปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อย้ายไปมาระหว่างหัวข้อต่างๆ
      • ย้ายไปยังข้อความต่างๆ ในหัวข้อด้วยปุ่มลูกศรขวา

วิธีพื้นฐานในการไปยังส่วนต่างๆ

ปุ่ม Tab และปุ่มลูกศรเหมาะสําหรับการนําทางพื้นฐาน สําหรับการไปยังส่วนต่างๆ ใน Chat เพิ่มเติม คุณสามารถใช้คําสั่งต่อไปนี้ได้

  • ในพื้นที่การนําทางด้านซ้ายสําหรับ Chat และพื้นที่ทํางาน ให้ทําดังนี้
    • กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อเลือกการสนทนาอื่น
    • กดปุ่ม Shift + ปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อย้ายไปยังการสนทนาก่อนหน้าหรือถัดไปที่ยังไม่อ่าน
    • กดปุ่ม Ctrl + ปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อย้ายไปมาระหว่าง Chat, พื้นที่ทำงาน หรือ Meet
    • หากโฟกัสอยู่ที่การสนทนาของ Chat หรือพื้นที่ทำงาน ให้ใช้ปุ่มลูกศรขวาหรือปุ่ม Enter เพื่อเปิดใช้งาน
  • ในพื้นที่ข้อความหลัก: กดปุ่ม Tab และปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อไปยังส่วนต่างๆ
  • เมื่อโฟกัสอยู่ที่ช่องแก้ไขข้อความ
    • กดปุ่มลูกศรขึ้นเพื่อแก้ไขข้อความล่าสุดที่ส่ง
    • กดปุ่ม Escape จากนั้นกดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อดูข้อความทั้งหมด
  • เมื่อโฟกัสอยู่ที่หัวข้อของพื้นที่ทำงาน
    • กดปุ่มลูกศรซ้ายเพื่อย้ายไปยังพื้นที่การนําทางด้านซ้าย
    • กดปุ่มลูกศรขวาเพื่อย้ายไปยังข้อความของหัวข้อที่เลือก
  • ในพื้นที่ทํางาน หากโฟกัสอยู่ที่ข้อความ: กดปุ่มลูกศรซ้ายเพื่อย้ายโฟกัสไปยังหัวข้อ
  • เมื่อเปิดใช้งานพื้นที่ทํางานที่ไม่มีหัวข้อ โฟกัสจะย้ายไปยังช่องแก้ไขข้อความ

การนำทางขั้นสูง

เมื่อคุ้นเคยกับ Chat แล้ว วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดใน Chat คือการใช้แป้นพิมพ์ลัด

แสดงรายการแป้นพิมพ์ลัดทั้งหมดใน Chat

  1. ปิดใช้เคอร์เซอร์เสมือนจริงหรือโหมดเรียกดูในโปรแกรมอ่านหน้าจอ
  2. กดปุ่ม Escape หากโฟกัสอยู่ที่ช่องแก้ไขข้อความ
  3. กดปุ่มคําถาม (Shift + เครื่องหมายทับ)

หากต้องการอ่านแป้นพิมพ์ลัด ให้ใช้ Chat เป็นหน้าเว็บ เปิดใช้เคอร์เซอร์เสมือนจริงหรือโหมดเรียกดูในโปรแกรมอ่านหน้าจอ รายการแป้นพิมพ์ลัดอยู่ในตาราง ดังนั้นให้ใช้คําสั่งคําสั่งอ่านตารางของโปรแกรมอ่านหน้าจอเพื่อการนําทางที่ง่ายขึ้น จุดแรกที่ปุ่ม Tab นำไปคือลิงก์ที่คุณสามารถเปิดใช้งานเพื่อเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์ลัดบางอย่างได้ ตรวจสอบว่าลิงก์มีข้อความ "ปิดใช้" เพื่อให้มีแป้นพิมพ์ลัดเพิ่มเติม

คุณจะเปิดแป้นพิมพ์ลัดของ Google Chat ในแท็บเบราว์เซอร์ใหม่ได้

แป้นพิมพ์ลัดที่นิยมใช้

แป้นพิมพ์ลัดมีไว้สำหรับอุปกรณ์ Chrome และ Windows สําหรับ Mac ให้ใช้ปุ่ม Command แทนปุ่ม Ctrl และปุ่ม Option แทนปุ่ม Alt

  • เมื่อใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอ คุณจะสามารถอ่านข้อความ 9 รายการล่าสุดในการสนทนาของ Chat หรือหัวข้อพื้นที่ทํางานด้วยปุ่ม Alt + {ตัวเลข} สําหรับ ChromeVox ให้ใช้ปุ่ม Alt + Shift + {ตัวเลข} สําหรับ VoiceOver ให้ใช้ปุ่ม Option + {ตัวเลข} แทนที่ {ตัวเลข} ด้วย 1 สําหรับข้อความล่าสุด แทนที่ {ตัวเลข} 2 สําหรับข้อความล่าสุดลําดับถัดไป เป็นต้น โดยโฟกัสจะไม่ขยับ
  • หากต้องการย้ายโฟกัสไปที่ข้อความล่าสุดในการสนทนา ให้กดปุ่ม Ctrl + j วิธีนี้จะใช้ได้โดยไม่คํานึงถึงโหมดแก้ไข และสามารถใช้แทนปุ่ม Escape ตามที่อธิบายไว้ในการนําทางพื้นฐานด้านบน
  • หากต้องการย้ายโฟกัสไปยังข้อความ Chat ในพื้นที่นําทางด้านซ้าย ให้กดปุ่ม h ตามด้วยปุ่ม c
  • หากต้องการย้ายโฟกัสไปยังข้อความของพื้นที่ทำงานในพื้นที่นําทางด้านซ้าย ให้กดปุ่ม h ตามด้วยปุ่ม r
  • หากต้องการเพิ่ม สร้าง หรือค้นหาบุคคล กลุ่ม หรือพื้นที่ทํางาน ให้กดปุ่ม Ctrl + k หากไม่ได้อยู่ในโหมดแก้ไข แป้นพิมพ์ลัด q จะทํางานเหมือนกับปุ่ม Ctrl + k
    • หากต้องการเพิ่มหรือสร้าง ให้กดปุ่มลูกศรลงเพื่อไปยังตัวเลือกที่ต้องการ
    • หากต้องการค้นหาการสนทนาที่มีอยู่ ให้พิมพ์บางส่วนของชื่อแล้วกดปุ่มลูกศรลงเพื่อไปยังผลลัพธ์ที่ต้องการ
  • หากต้องการค้นหาบุคคล พื้นที่ทํางาน หรือข้อความ ให้กดปุ่มเครื่องหมายทับเมื่อไม่ได้อยู่ในโหมดแก้ไข
  • หากต้องการเริ่มหัวข้อใหม่ในพื้นที่ทํางาน หรือข้อความใหม่ใน Chat ให้กดปุ่ม Ctrl + s
  • หากต้องการเปิดเมนูแชทหรือพื้นที่ทํางาน ให้กดปุ่ม Ctrl + g โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเข้าถึงตัวเลือกข้อความและพื้นที่ทำงานด้านล่าง
  • หากต้องการตอบกลับการสนทนาหรือหัวข้อและย้ายโฟกัสไปที่ช่องแก้ไขข้อความ ให้กดปุ่ม r

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโต้ตอบกับองค์ประกอบต่างๆ ได้ที่หัวข้อทํางานทั่วไปใน Chat ด้านล่างและอ่านเอกสารประกอบของโปรแกรมอ่านหน้าจอ

ทำงานทั่วไปใน Chat ด้วยโปรแกรมอ่านหน้าจอ

ข้อความส่วนตัว

ข้อความส่วนตัวหรือที่เรียกว่า DM และ Chat คือการสนทนาระหว่างคุณกับผู้ใช้อย่างน้อย 1 คน ในข้อความส่วนตัว รายการข้อความจะมีเพียงระดับเดียวเท่านั้น

อ่านข้อความส่วนตัว

  1. กดปุ่ม Escape แล้วกดปุ่ม h ตามด้วยปุ่ม c เพื่อเลื่อนไปที่ส่วนของ Chat ในพื้นที่นําทางด้านซ้าย
  2. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อเลือกบุคคลที่ต้องการอ่านข้อความ แล้วกดปุ่ม Enter
  3. กดปุ่ม Escape เพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดการนําทาง
  4. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อตรวจสอบข้อความก่อนหน้าในแชท
  5. หากข้อความมีลิงก์ ให้กดปุ่ม Tab เพื่อย้ายโฟกัสไปที่ลิงก์ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อเปิดลิงก์

หากต้องการตรวจสอบข้อความล่าสุด แต่ให้โฟกัสไปที่ช่องแก้ไขข้อความ ให้ทำดังนี้

  • สําหรับ Windows: กดปุ่ม Alt + {ตัวเลข}
  • สําหรับ ChromeOS: กดปุ่ม Alt + Shift + {ตัวเลข}
  • สําหรับ MacOS: กดปุ่ม Option + {ตัวเลข}
  • แทนที่ {ตัวเลข} ด้วย 1 ถึง 9 สําหรับ 9 ข้อความล่าสุด

สลับเปิดดูข้อความส่วนตัว

วิธีค้นหาบุคคลหรือกลุ่มที่ส่งข้อความถึง

  1. กดปุ่ม Ctrl + k เพื่อเปิดช่องตัวเลือกรวม "เพิ่มอย่างน้อย 1 คน"
  2. พิมพ์ชื่อของบุคคลหรือกลุ่มที่ต้องการค้นหา ขณะพิมพ์ Chat จะอ่านออกเสียงชื่อ
  3. เลือกชื่อ
    • หาก Chat อ่านออกเสียงชื่อที่ต้องการแล้ว ให้กดปุ่ม Ctrl + Enter
    • หาก Chat ไม่พูดชื่อที่คุณต้องการ ให้กดปุ่มลูกศรลงจนกว่าจะได้ยินชื่อ แล้วกดปุ่ม Ctrl + Enter
    • หากยังไม่ได้ยินชื่อของบุคคลดังกล่าว ให้พิมพ์ชื่อผู้ใช้ทั้งหมด แล้วกดปุ่ม Enter

หากต้องการเปิดข้อความในรายการข้อความก่อนหน้า ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่ม Escape แล้วกดปุ่มลูกศรซ้ายเพื่อย้ายไปยังพื้นที่การนําทางด้านซ้าย
  2. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงจนกว่าจะพบบุคคลที่ต้องการส่งข้อความถึง
  3. กดปุ่ม Enter

เคล็ดลับ: ขณะเลื่อนดูพื้นที่การนําทางด้านซ้าย คุณจะได้รับการแจ้งเตือนหากมีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านสําหรับข้อความส่วนตัวหรือพื้นที่ทํางาน หากต้องการย้ายไปยังข้อความถัดไปที่ยังไม่อ่าน ให้กดปุ่ม Shift + ปุ่มลูกศรลง

ตอบข้อความส่วนตัว

  1. ใช้ขั้นตอนในส่วนก่อนหน้าเพื่อค้นหาหรือไปยังบุคคลที่คุณต้องการตอบกลับ จากโหมดการนําทาง ให้กดปุ่ม r เพื่อย้ายโฟกัสกลับไปที่ช่องแก้ไขข้อความ
  2. พิมพ์ข้อความแล้วกดปุ่ม Enter
  3. เมื่อไม่อยู่ในโหมดแก้ไข คุณจะแสดงความรู้สึกต่อข้อความด้วยอีโมจิได้โดยทำดังนี้
    1. กดปุ่ม Tab เพื่อไปยังปุ่ม "เพิ่มความรู้สึก" แล้วกดปุ่ม Space
    2. พิมพ์บางส่วนของชื่ออีโมจิ
    3. กดปุ่ม Tab 2 ครั้งเพื่อดูรายการผลลัพธ์ที่ตรงกัน
    4. กดปุ่มลูกศรลงไปยังอีโมจิที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Enter

ใช้ฟีเจอร์ช่วยตอบ

สำคัญ: บางข้อความจะไม่มีฟีเจอร์ช่วยตอบ

  1. เมื่อโฟกัสอยู่ที่ช่องแก้ไขข้อความ ให้กดปุ่ม Shift + Tab จนกว่าจะถึงปุ่มการตอบกลับที่แนะนํา 1 ใน 3 ปุ่ม
  2. กดปุ่ม Spacebar เพื่อเลือกคําตอบและนำไปใส่ลงในช่องแก้ไขข้อความ
  3. เพิ่มเนื้อหาเพิ่มเติมหากต้องการ จากนั้นกดปุ่ม Enter เพื่อข้อความตอบกลับ

ส่งข้อความส่วนตัวถึงคนหลายคน

  1. กดปุ่ม Ctrl + k เพื่อเปิดช่องตัวเลือกรวม "เพิ่มอย่างน้อย 1 คน"
  2. พิมพ์ชื่อของคนที่ต้องการเพิ่ม ขณะพิมพ์ Chat จะอ่านออกเสียงชื่อ
  3. เลือกชื่อ
    • หาก Chat อ่านออกเสียงชื่อที่ต้องการแล้ว ให้กดปุ่ม Ctrl + Enter
    • หาก Chat ไม่พูดชื่อที่คุณต้องการ ให้กดปุ่มลูกศรลงจนกว่าจะได้ยินชื่อ แล้วกดปุ่ม Ctrl + Enter
    • หากยังไม่ได้ยินชื่อของบุคคลดังกล่าว ให้พิมพ์ชื่อผู้ใช้ทั้งหมด แล้วกดปุ่ม Enter
  4. ทําขั้นตอนที่ 3 และ 4 ซ้ำเพื่อเพิ่มทุกคนลงในข้อความ
  5. กดปุ่ม Enter เพื่อย้ายโฟกัสไปที่ช่องแก้ไขข้อความใน Chat ใหม่
  6. พิมพ์ข้อความแล้วกดปุ่ม Enter

แก้ไขข้อความที่โพสต์

หากต้องการแก้ไขข้อความล่าสุดที่คุณโพสต์ ให้กดปุ่มลูกศรขึ้นจากช่องแก้ไขข้อความ แก้ไขข้อความ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อโพสต์ซ้ำ หรือกดปุ่ม Escape เพื่อยกเลิกการเปลี่ยนแปลง

เปิดหรือปิดประวัติสําหรับข้อความส่วนตัว

หากผู้ดูแลระบบอนุญาต คุณสามารถเลือกที่จะบันทึกประวัติข้อความได้ คุณจะได้ยินว่าประวัติเปิดหรือปิดอยู่เมื่อโฟกัสอยู่ในช่องแก้ไขข้อความของการสนทนา

  1. ในพื้นที่นําทางด้านซ้าย ให้เลือกการสนทนาที่คุณต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าประวัติแล้วกดปุ่ม Enter
  2. กดปุ่ม Ctrl + g เพื่อเปิดเมนูการสนทนา
  3. กดปุ่มลูกศรลงไปที่ "ประวัติ" แล้วกดปุ่ม Spacebar หรือปุ่ม Enter เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าปัจจุบัน การตั้งค่าประวัติบางอย่างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

พื้นที่ทำงาน

พื้นที่ทํางานมีไว้สำหรับการสนทนาระยะยาวกับทีมหรือกลุ่มคน สถานะการเป็นสมาชิกของพื้นที่ทํางานอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากผู้คนเข้าร่วมหรือออกจากการสนทนา

พื้นที่ทํางานอาจมี 1 ระดับหรือ 2 ระดับก็ได้ โดยพื้นที่ทำงานที่ไม่มีหัวข้อจะมี 1 ระดับเหมือนการสนทนาใน Chat และโฟกัสเริ่มต้นจะอยู่ที่ช่องแก้ไขข้อความ พื้นที่ทํางานที่มีหัวข้อจะมี 2 ระดับ ระดับที่ 1 คือรายการหัวข้อในการสนทนา ระดับที่ 2 คือข้อความในหัวข้อ ซึ่งเมื่อเปิดพื้นที่ทำงาน โฟกัสจะอยู่ที่หัวข้อเก่าที่สุดที่ยังไม่อ่าน หากไม่มีหัวข้อที่ยังไม่อ่าน โฟกัสจะอยู่ที่หัวข้อล่าสุด

อ่านข้อความในพื้นที่ทำงาน

  1. หากโฟกัสอยู่ที่ช่องแก้ไข (โหมดแก้ไข) ให้กดปุ่ม Escape เพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดการนําทาง
  2. กดปุ่ม h ตามด้วยปุ่ม r เพื่อย้ายไปยังส่วนพื้นที่ทํางานของพื้นที่นําทางด้านซ้าย
  3. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงจนกว่าจะถึงพื้นที่ทํางานที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Enter คุณสามารถใช้ปุ่ม Shift + ปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อย้ายไปยังพื้นที่ทํางานซึ่งมีเนื้อหาที่ยังไม่ได้อ่าน
  4. หากพื้นที่ทํางานไม่มีหัวข้อ โฟกัสจะย้ายไปที่ช่องแก้ไขข้อความ เช่น ข้อความแชท
  5. หากพื้นที่ทํางานมีหัวข้อ ให้กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อไปยังหัวข้ออื่นๆ
  6. กดปุ่มลูกศรขวาเพื่อเปิดหัวข้อ
  7. กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่ออ่านข้อความ
  8. กดปุ่มลูกศรซ้ายเพื่อกลับไปที่ระดับหัวข้อ

หากต้องการตรวจสอบข้อความล่าสุด แต่ให้โฟกัสไปที่ช่องแก้ไข ให้ทำดังนี้

  • สําหรับ Windows: กดปุ่ม Alt + {ตัวเลข}
  • สําหรับ ChromeOS: กดปุ่ม Alt + Shift + {ตัวเลข}
  • สําหรับ MacOS: กดปุ่ม Option + {ตัวเลข}
  • แทนที่ {ตัวเลข} ด้วย 1 ถึง 9 สําหรับ 9 ข้อความล่าสุด

ตอบกลับข้อความในพื้นที่ทำงาน

  1. กดแป้นพิมพ์ลัด r เพื่อย้ายโฟกัสไปที่ช่องแก้ไข
  2. พิมพ์ข้อความแล้วกดปุ่ม Enter
  3. หากต้องการไปที่หัวข้ออื่น ให้กดปุ่ม Ctrl + j (⌘ + j ใน Mac) เพื่อเลื่อนไปที่หัวข้อสุดท้าย แล้วกดปุ่มลูกศรขึ้นเพื่อไปที่หัวข้อใหม่ หากต้องการตอบกลับหัวข้อนี้ ให้กดแป้นพิมพ์ลัด r เพื่อย้ายโฟกัสไปที่ช่องแก้ไข
เคล็ดลับ: ในพื้นที่ทํางาน คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ช่วยตอบได้เช่นกัน

สร้างหัวข้อการสนทนาในพื้นที่ทำงาน

  1. ย้ายโฟกัสไปที่หัวข้อใดก็ได้
  2. กดปุ่ม Ctrl + s เพื่อเปิดช่องแก้ไขข้อความ
  3. พิมพ์ข้อความที่อธิบายหัวข้อใหม่ แล้วกดปุ่ม Enter

ข้อความของคุณจะกลายเป็นข้อความแรกในหัวข้อและชื่อหัวข้อ

เคล็ดลับ: คุณสามารถยืนยันว่าจะสร้างหัวข้อใหม่โดยตั้งชื่อตามช่องที่โฟกัสอยู่ ดังนี้

  • หัวข้อใหม่จะมีชื่อว่า "ข้อความ" ตามด้วยชื่อพื้นที่ทำงาน
  • การตอบกลับหัวข้อที่มีอยู่จะมีชื่อว่า "ตอบกลับ"

สร้างพื้นที่ทำงาน

  1. กดปุ่ม Ctrl + i เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบ "สร้างพื้นที่ทํางาน"
  2. พิมพ์ "ชื่อพื้นที่ทำงาน" ที่จำเป็น
  3. หากต้องการสร้างพื้นที่ทํางานที่มีคุณเป็นสมาชิกเพียงคนเดียว ให้กดปุ่ม Enter
  4. หากต้องการตัวเลือกอื่นๆ ให้กดปุ่ม Tab เพื่อดําเนินการต่อไปนี้
    • เพิ่มคําอธิบายพื้นที่ทํางาน
    • เพิ่มบุคคลหรือกลุ่มไปยังพื้นที่ทำงาน
    • ระบุว่าใครจะเข้าร่วมพื้นที่ทํางานใหม่ได้บ้าง
    • ระบุว่าบุคคลที่อยู่นอกที่ทํางานหรือโรงเรียนจะเข้าร่วมพื้นที่ทํางานนี้ได้หรือไม่
    • เปิดใช้งานปุ่มขั้นสูงเพื่อแสดงช่องทำเครื่องหมาย "จัดระเบียบการสนทนาตามหัวข้อ"
    • เปิดใช้งานปุ่ม "ยกเลิก" หรือ "สร้าง"

เข้าร่วมพื้นที่ทำงานที่มีอยู่

  1. กดปุ่ม Ctrl + o
  2. พิมพ์ส่วนใดก็ได้ของชื่อ
  3. ใช้ปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อเลื่อนดูรายการพื้นที่ทํางาน
  4. เมื่อพบแท็บที่ต้องการแล้ว ให้กดปุ่ม Tab เพื่อไปยังช่องทําเครื่องหมาย "เข้าร่วมพื้นที่ทํางานแล้ว" จากนั้นกดปุ่ม Spacebar เพื่อทำเครื่องหมาย
  5. กดปุ่ม Enter เพื่อเข้าร่วมและเปิดพื้นที่ทํางานใหม่

เพิ่มบุคคลในพื้นที่ทำงาน

  1. เปิดพื้นที่ทำงานที่ต้องการอัปเดต
  2. กดปุ่ม Ctrl + g เพื่อเปิดเมนูพื้นที่ทํางาน
  3. กดปุ่มลูกศรลงเพื่อย้ายไปที่ "จัดการสมาชิก" แล้วกดปุ่ม Enter
  4. กดปุ่ม Tab เพื่อไปยังปุ่ม "เพิ่ม" แล้วกดปุ่ม Enter
  5. พิมพ์ชื่อของคนที่ต้องการเพิ่ม ขณะที่คุณพิมพ์ คุณจะได้ยินเสียงชื่อแรกที่ตรงกับผลลัพธ์
  6. เลือกชื่อ
    • หาก Chat อ่านออกเสียงชื่อที่ต้องการแล้ว ให้กดปุ่ม Ctrl + Enter
    • หาก Chat ไม่พูดชื่อที่คุณต้องการ ให้กดปุ่มลูกศรลงจนกว่าจะได้ยินชื่อ แล้วกดปุ่ม Ctrl + Enter
    • หากยังไม่ได้ยินชื่อของบุคคลดังกล่าว ให้พิมพ์ชื่อผู้ใช้ทั้งหมด แล้วกดปุ่ม Enter
  7. กดปุ่ม Tab จนกว่าจะถึงปุ่ม "เพิ่ม" แล้วกดปุ่ม Enter

ไฟล์ในพื้นที่ทํางาน

คุณสามารถโพสต์ไฟล์ในพื้นที่ทํางานสำหรับการสนทนาหรือแชร์กับสมาชิกของพื้นที่ทํางานได้ เมื่อคุณเปิดพื้นที่ทํางาน โฟกัสจะย้ายไปยังช่องแก้ไขข้อความหรือจุดเริ่มต้นของหัวข้อล่าสุด จากช่องแก้ไข ให้กดปุ่ม Shift + Tab เพื่อย้ายโฟกัสไปที่ปุ่ม "เครื่องมือของ Google Workspace" ซึ่งคุณจะเพิ่มไฟล์ในไดรฟ์หรือคําเชิญในปฏิทินได้

หากต้องการดูไฟล์ที่คนอื่นโพสต์ ให้กดปุ่ม Ctrl + g เพื่อไปยังเมนูพื้นที่ทํางาน แล้วกดปุ่ม Tab หลายๆ ครั้งเพื่อไปยังแท็บ Chat กดปุ่มลูกศรขวาเพื่อไปยังแท็บไฟล์ แล้วกดปุ่ม Enter เมื่อคุณเปิดแท็บไฟล์ โฟกัสจะย้ายไปที่ปุ่ม "เพิ่มไฟล์" หากแชร์ไฟล์อยู่ คุณสามารถกดปุ่ม Tab ผ่านองค์ประกอบทั้ง 3 รายการของแต่ละไฟล์ได้ ดังนี้

  1. รายละเอียดไฟล์: ชื่อไฟล์ ผู้ที่โพสต์ เวลาที่โพสต์ กดปุ่ม Enter เพื่อเปิดไฟล์ในแท็บเบราว์เซอร์ใหม่
  2. ตัวเลือกในการ "ย้ายภายในไดรฟ์" หรือ "เพิ่มทางลัดไปยังไดรฟ์"
  3. ตัวเลือก "ดูใน Chat" ซึ่งจะย้ายโฟกัสไปยังพื้นที่ที่เพิ่มไฟล์ เพื่อให้เห็นบริบท

แอป

สําคัญ: หากต้องการใช้แอปใน Google Chat คุณต้องใช้บัญชีงานหรือบัญชีโรงเรียน และผู้ดูแลระบบ Google Workspace ต้องให้สิทธิ์ในการติดตั้งแอป

แอปเป็นบัญชีพิเศษที่คุณแชทด้วยได้ เหมือนการแชทกับคน คุณสามารถเชื่อมต่อกับแอปได้ด้วยวิธีการสนทนา เพื่อค้นหาข้อมูล กําหนดเวลาการประชุม หรือทํางานอื่นๆ Google สร้างและดูแลรักษาแอปบางแอป เช่น แอป Google Meet และ Google ไดรฟ์ ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามจะสร้างและดูแลแอปอื่นๆ

ค้นหาแอป

  1. กดปุ่ม Ctrl + k เพื่อเปิดช่องตัวเลือกรวม "เพิ่มอย่างน้อย 1 คน"
  2. กดปุ่มลูกศรลงจนถึงตัวเลือก "ค้นหาแอป" แล้วกดปุ่ม Enter
  3. พิมพ์บางส่วนของชื่อหรือใช้ปุ่ม Tab และปุ่มลูกศรเพื่อสํารวจเนื้อหาที่เสนอ
  4. กดปุ่ม Enter ในแอปและสํารวจคําอธิบายในกล่องโต้ตอบ โฟกัสเริ่มต้นจะอยู่ที่ปุ่มเพื่อเพิ่มแอปไปยัง Chat
  5. กดปุ่ม Enter เพื่อเพิ่มแอปนี้ในชุดการสนทนาใน Chat
  6. หากต้องการเพิ่มแอปไปยังพื้นที่ทำงาน ให้ทำดังนี้
    1. กดปุ่ม Tab เพื่อไปยังปุ่ม "เพิ่มไปยังพื้นที่ทํางาน"
    2. กดปุ่ม Enter เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบ "ป้อนชื่อพื้นที่ทํางาน"
    3. พิมพ์บางส่วนของชื่อหรือกดปุ่มลูกศรลงเพื่อไปยังพื้นที่ทํางานที่ต้องการเพิ่มแอป
  7. หลังจากเปิดใช้งานปุ่มใดปุ่มหนึ่งแล้ว ระบบจะเพิ่มแอปและกล่องโต้ตอบจะปิดลง

เคล็ดลับ: นี่คือวิธีค้นหาแอปและเพิ่มแอปดังกล่าวไปยัง Chat หรือพื้นที่ทํางาน ส่วนถัดไปคือวิธีเพิ่มแอปไปยังพื้นที่ทํางานปัจจุบันโดยไม่มีขั้นตอนเพิ่มเติม

เพิ่มแอปไปยังพื้นที่ทํางาน

  1. เปิดพื้นที่ทำงานที่ต้องการอัปเดต
  2. กดปุ่ม Ctrl + g เพื่อเปิดเมนู
  3. กดปุ่มลูกศรลงจนถึง "แอปและการผสานรวม" แล้วกดปุ่ม Enter
  4. กดปุ่ม Tab เพื่อไปยังปุ่ม "เพิ่มแอป" แล้วกดปุ่ม Enter
  5. พิมพ์ชื่อของแอปที่ต้องการเพิ่ม ขณะที่คุณพิมพ์ คุณจะได้ยินเสียงชื่อแรกที่ตรงกับผลลัพธ์
  6. เลือกชื่อ
    • ถ้าได้ยินชื่อที่ต้องการแล้ว ให้กดปุ่ม Enter
    • กดปุ่มลูกศรลงจนกว่าจะได้ยินชื่อที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Enter
  7. กดปุ่ม Tab จนกว่าจะถึงปุ่มเพิ่ม แล้วกดปุ่ม Enter

ส่งข้อความถึงแอปในพื้นที่ทำงาน

  1. เปิดพื้นที่ทํางานที่มีแอปดังกล่าว
  2. กดปุ่ม Ctrl + s เพื่อเปิดหัวข้อใหม่
  3. พิมพ์ "@appname" ตามด้วยข้อความของคุณ แทนที่ "appname" ด้วยชื่อแอป
  4. กดปุ่ม Enter แล้วรอให้ระบบตอบสนอง

ดูคำสั่งที่คุณใช้กับแอปได้

  • พิมพ์คําว่า "help" ในข้อความส่วนตัวที่มีแอป
  • ในพื้นที่ทำงาน ให้พิมพ์ "@appname help" แทนที่ "appname" ด้วยชื่อแอป

ค้นหา

วิธีค้นหาเนื้อหาภายใน Chat หรือพื้นที่ทำงาน

  1. กดปุ่มเครื่องหมายทับเมื่อไม่ได้อยู่ในโหมดแก้ไข
  2. พิมพ์ข้อความค้นหา จากนั้นผลลัพธ์ที่ตรงกันรายการแรกจะเป็นบุคคล กลุ่ม หรือพื้นที่ทํางาน
  3. กดปุ่มลูกศรขึ้นเพื่อข้ามไปยังตัวเลือกสุดท้ายสําหรับ "ผลการค้นหาเพิ่มเติม"
  4. กดปุ่ม Enter เพื่อแสดงข้อความทั้งหมดที่มีข้อความค้นหาของคุณ ระบบจะแสดงผลลัพธ์ตามลําดับเวลา โดยผลลัพธ์ล่าสุดจะแสดงก่อน
  5. กดปุ่มลูกศรลงเพื่อไปยังข้อความที่มีข้อความค้นหาของคุณ

เคล็ดลับ: เปิดใช้งานผลการค้นหาเพื่อไปยังข้อความแชทหรือหัวข้อพื้นที่ทํางานที่มีผลการค้นหานั้น ใช้แป้นพิมพ์ลัด "ย้อนกลับ" ของเบราว์เซอร์เพื่อกลับไปยังผลการค้นหา ใช้แป้นพิมพ์ลัด "ย้อนกลับ" ของเบราว์เซอร์อีกครั้งเพื่อออกจากผลการค้นหา

เปลี่ยนการตั้งค่าการแจ้งเตือน

คุณสามารถเปลี่ยนวิธีรับการแจ้งเตือนจากแอป Chat หรือตามการสนทนาก็ได้ โปรดดูคำอธิบายตัวเลือกการสนทนาในหัวข้อตัวเลือกการเข้าถึงข้อความและพื้นที่ทำงานด้านล่าง

วิธีเปิดการตั้งค่าสำหรับแอป Chat

  1. กดปุ่ม Escape เพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดการนําทาง
  2. กดปุ่มเครื่องหมายทับเพื่อย้ายโฟกัสไปยังช่อง "ค้นหาผู้คน พื้นที่ทํางาน และข้อความ"
  3. กดปุ่ม Tab เพื่อไปยังปุ่มการตั้งค่า แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบการตั้งค่าที่มีตัวเลือกการแจ้งเตือน
  4. จากนั้นแก้ไขตามต้องการ แล้วกดปุ่ม Tab เพื่อไปที่ปุ่ม "เสร็จสิ้น" แล้วกดปุ่ม Enter

เข้าถึงตัวเลือกข้อความและพื้นที่ทำงาน

กดปุ่ม Ctrl + g เพื่อเปิดเมนูตัวเลือกสําหรับข้อความ Chat และพื้นที่ทํางาน ซึ่งเมนูจะมีตัวเลือกต่อไปนี้

  • ดูสมาชิกหรือจัดการสมาชิก
  • แอปและการผสานรวม
  • ปักหมุดการสนทนาไปยัง Chat หรือพื้นที่ทำงาน
  • ตัวเลือกการแจ้งเตือนสำหรับการสนทนานี้
  • เปิด/ปิดประวัติ
  • บล็อกการสนทนา

ใช้ฟีเจอร์ช่วยตอบ

สําหรับข้อความบางอย่างที่คุณได้รับ Chat จะให้คําแนะนําสำหรับการส่งคําตอบด่วน

ตรวจดูว่าฟีเจอร์ช่วยตอบเปิดอยู่หรือไม่

  1. เปิดการตั้งค่าตามที่อธิบายไว้ในส่วนก่อนหน้า
  2. กดปุ่ม Tab เพื่อไปยังช่องทําเครื่องหมาย "เปิดใช้ฟีเจอร์ช่วยตอบบนเว็บและเดสก์ท็อป"
  3. กดปุ่ม Spacebar เพื่อเปิดหรือปิด


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
2585839157495291008
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
1026838
false
false