คําถามที่พบบ่อย: ส่งข้อมูลภาษีสหรัฐอเมริกาของคุณให้ Google

ใช้คําถามที่พบบ่อยนี้เพื่อทําความเข้าใจว่าข้อมูลภาษีสหรัฐอเมริกาที่ต้องส่งให้ Google มีรายละเอียดอย่างไร

การหักภาษี ณ ที่จ่ายและการรายงาน

Google มีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายภายใต้บทบัญญัติที่ 3 ของประมวลรัษฎากรแห่งสหรัฐอเมริกาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายและรายงานในกรณีที่พาร์ทเนอร์ที่ไม่ได้มีสัญชาติอเมริกันได้รับรายได้จากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ Google ยังมีภาระหน้าที่ภายใต้บทบัญญัติที่ 61 และมาตรา 3406 ของประมวลรัษฎากรแห่งสหรัฐอเมริกาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายสำรอง (หากเกี่ยวข้อง)

ข้อมูลภาษีที่ส่งไปยัง Google จะใช้ในการระบุอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ถูกต้องสำหรับจำนวนเงินที่จะชําระให้ในอนาคต

บทบัญญัติที่ 3 การหักภาษี ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกา

หากคุณได้รับการรับรองอย่างถูกต้องว่าเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้มีสัญชาติอเมริกันหรือธุรกิจที่ไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา จะมีการรายงานภาษีและหักภาษี ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกาสำหรับรายได้ในส่วนที่คุณได้รับจากผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น รายได้เหล่านี้ (เช่น รายได้จากการดูโฆษณา ธุรกรรม และการสมัครใช้บริการ) เป็นรายได้ที่เกิดจากการใช้งานในสหรัฐอเมริกา

พาร์ทเนอร์ที่มีสัญชาติอเมริกันต้องระบุหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของสหรัฐอเมริกาที่ถูกต้องเพื่อบอกถึงการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกา (รวมถึงการหักภาษี ณ ที่จ่ายภายใต้บทบัญญัติที่ 3 ของประมวลรัษฎากรแห่งสหรัฐอเมริกา)

อัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับเอกสารประกอบด้านภาษีที่คุณได้ให้ไว้กับ Google

หากไม่ได้ส่งแบบฟอร์มภาษีที่ถูกต้อง Google อาจหักภาษี ณ ที่จ่ายสำรอง 24% หรือหักภาษี ณ ที่จ่าย 30% ตามบทบัญญัติที่ 3 สำหรับการชำระเงินที่เกี่ยวข้อง อัตรานี้จะลดลงได้เฉพาะในกรณีที่คุณมีสถานะผู้เสียภาษีในประเทศ/ภูมิภาคที่มีสนธิสัญญาภาษีเงินได้กับสหรัฐอเมริกา และส่งแบบฟอร์มภาษีที่ถูกต้องโดยอ้างสนธิสัญญาอย่างถูกต้อง คุณดูจำนวนเงินขั้นสุดท้ายที่ถูกหักไปได้ในรายงานรายได้ของแต่ละเดือน

การหักภาษี ณ ที่จ่ายสำรอง

ในบางกรณี Google อาจต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 24% จากรายได้ที่ตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดของผู้รับเงิน ซึ่งรวมถึงกรณีต่อไปนี้

  • หากพบว่าข้อมูลภาษีที่กรอกลงในแบบฟอร์มภาษีผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง และมีข้อสันนิษฐานว่าคุณเป็นบุคคลอเมริกันภายใต้กฎการสันนิษฐานว่าด้วยการหักภาษี ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกา

หากคุณมีรายได้ที่ถูกหักภาษีจากการชำระเงินครั้งหนึ่งๆ นั่นเป็นเพราะบันทึกข้อมูลของเราระบุว่าต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายในเวลาที่ชำระเงินนั้น

หากคุณคิดว่าตนเองไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย โปรดอัปเดตข้อมูลภาษีในบัญชี

คำถามที่พบบ่อย

เตรียมพร้อมสำหรับการกรอกแบบฟอร์มภาษี

เหตุใดฉันจึงต้องกรอกแบบฟอร์มนี้

เราขอให้คุณกรอกแบบฟอร์มนี้เพื่อให้ Google ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของตนภายใต้ประมวลรัษฎากรแห่งสหรัฐอเมริกา ("สหรัฐอเมริกา") มาตรา 1441 (บทบัญญัติที่ 3) และมาตรา 3406

แบบฟอร์มนี้ใช้เพื่อระบุอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ถูกต้องจากจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องซึ่งชำระให้แก่คุณ ในกรณีที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับการชำระเงินในอนาคต

Internal Revenue Service ("IRS") กำหนดให้ Google ปรับปรุงแบบฟอร์มภาษีสำหรับพาร์ทเนอร์และผู้ให้บริการที่ไม่มีสัญชาติอเมริกันในเวลาต่อไปนี้ แล้วแต่เวลาใดจะถึงก่อน

  • ทุกๆ 3 ปี หรือ
  • ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ซึ่งจะส่งผลต่อความถูกต้องของแบบฟอร์ม

Google กำลังอัปเดตข้อมูลผู้รับเงินให้สอดคล้องกับกฎข้อบังคับของ IRS เหล่านี้

จะเกิดอะไรขึ้นหากฉันไม่ใช่บุคคลที่ควรกรอกแบบฟอร์มนี้
หากคุณไม่ใช่คนที่ต้องกรอกแบบฟอร์มที่กำหนดไว้นี้ คุณสามารถส่งต่ออีเมลไปยังผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบภายในองค์กรเพื่อให้ลงชื่อเข้าใช้ได้ บุคคลดังกล่าวต้องมีสิทธิ์เข้าถึงระดับผู้ดูแลระบบในบัญชี Google Payments โดยใช้ข้อมูลที่เราให้ไว้ในอีเมลเพื่อกรอกแบบฟอร์ม ดูวิธีให้สิทธิ์เข้าถึงบัญชีแก่ผู้ดูแลระบบ
เหตุใดฉันจึงกรอกแบบฟอร์มภาษีเป็นภาษาท้องถิ่นของฉันไม่ได้

แม้ว่าคําถามในแบบฟอร์มภาษีจะเป็นภาษาที่ศูนย์พาร์ทเนอร์ของคุณรองรับ แต่ช่องในแบบฟอร์มดังกล่าวรองรับเฉพาะอักขระต่อไปนี้

  • ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่หรือพิมพ์เล็ก: a-z, A-Z
  • ตัวเลข: 0-9
  • ขีดกลางสั้น: -
  • แอมเพอร์แซนด์: &
  • เว้นวรรค

หากภาษาของคุณใช้อักขระที่มีเครื่องหมายเน้นเสียง ให้ใช้ตัวอักษรที่เทียบเท่ากัน เช่น n แทน ñ หรือ a แทน á Internal Revenue Service (หน่วยงานด้านภาษีของสหรัฐอเมริกาหรือ IRS) กำหนดให้คุณรายงานข้อมูลภาษีโดยใช้

  • ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่หรือพิมพ์เล็ก: a-z, A-Z
  • ตัวเลข: 0-9
  • ขีดกลางสั้น: -
  • แอมเพอร์แซนด์: &
  • เว้นวรรค

หากเป็นไปได้ โปรดอ้างอิงเอกสารที่มีอยู่แล้วซึ่งมีชื่อหรือที่อยู่ของคุณเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น หนังสือเดินทางหรือใบขับขี่

วิธีเลือกแบบฟอร์มภาษี

บัญชีบุคคลธรรมดาและบัญชีที่ไม่ใช่บุคคลธรรมดาต่างกันอย่างไร
  • บัญชีบุคคลธรรมดา: บุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของและดําเนินการเอง ไม่ใช่องค์กรตามกฎหมาย และจะมีการยื่นภาษีในนามเจ้าของในแบบแสดงรายการภาษีส่วนบุคคล
  • บัญชีที่ไม่ใช่บุคคลธรรมดา: บัญชีของธุรกิจที่แยกต่างหากจากเจ้าของธุรกิจเพื่อวัตถุประสงค์ด้านภาษี เรียกอีกอย่างว่า "บัญชีนิติบุคคล"
ฉันจะทราบได้อย่างไรว่าต้องกรอกแบบฟอร์มภาษีใด

ระบบจะสร้างแบบฟอร์มภาษีที่ถูกต้องโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณให้ไว้ หากมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาที่ปรึกษาด้านภาษีของคุณ

  • แบบฟอร์ม W-9 มีไว้สำหรับบุคคลอเมริกัน บริษัท พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เป็นต้น
  • โดยทั่วไปแล้ว บุคคลธรรมดาที่ไม่ได้มีสัญชาติอเมริกันและนิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์จากรายได้ที่ได้รับจะต้องใช้แบบฟอร์ม W-8BEN หรือแบบฟอร์ม W-8BEN-E (ตามลำดับ) โดยแบบฟอร์มดังกล่าวอาจใช้เพื่ออ้างสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญา (หรืออีกนัยหนึ่งคือการหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราที่ลดลง)
  • แบบฟอร์ม W-8ECI มีไว้สำหรับบุคคลที่อ้างว่ารายได้ที่ได้รับมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมีผลกับการทำการค้าหรือการดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ผู้รับเงินทุกรายที่กรอกแบบฟอร์ม W-8ECI จะต้องมี TIN ของสหรัฐอเมริกา
  • แบบฟอร์ม W-8IMY มีไว้สำหรับคนกลางที่ไม่ได้มีสัญชาติอเมริกัน พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจและนิติบุคคลที่ส่งผ่านซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา หากคุณกรอกแบบฟอร์มนี้ Google อาจขอให้ส่งเอกสารประกอบเพิ่มเติม (เช่น คำชี้แจงการจัดสรร)
  • นิติบุคคลใช้แบบฟอร์ม W-8EXP เพื่อให้มีสถานะเป็นผู้รับประโยชน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา และเพื่อให้มีสิทธิ์ได้รับการหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราที่ลดลงในฐานะธนาคารกลางของรัฐบาลที่ไม่ใช่ของสหรัฐอเมริกา องค์กรระหว่างประเทศ องค์กรที่ได้รับยกเว้นภาษีที่ไม่ใช่ของสหรัฐอเมริกา มูลนิธิต่างชาติที่เป็นของเอกชนและไม่ใช่ของสหรัฐอเมริกา หรือรัฐบาลภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา

ที่อยู่ การยืนยันตัวตน และข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์

ฉันควรคาดหวังสิ่งใดระหว่างที่ดำเนินการตามกระบวนการนี้

ประเด็นสำคัญบางส่วนที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อดำเนินการตามกระบวนการนี้มีดังนี้

  • อย่าใช้ตู้ ปณ. หรือ "ที่อยู่สําหรับการส่งต่อ" เป็นที่อยู่อาศัยถาวร: เราพบว่าบางคนหรือบางธุรกิจระบุตู้ไปรษณีย์หรือ "ที่อยู่สําหรับการส่งต่อ" เป็นที่อยู่อาศัยถาวร หากที่อยู่อาศัยถาวรของคุณใช้ตู้ ปณ. ที่อยู่สำหรับการส่งต่อ หรือบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการ (เช่น สำนักงานกฎหมายหรือบริษัททรัสต์) คุณอาจต้องอัปโหลดสำเนาเอกสารการจัดตั้งบริษัทหรือเอกสารอื่นๆ ที่รับรองว่าที่อยู่นั้นเป็นที่อยู่ตามกฎหมายที่คุณจดทะเบียน
  • การยืนยันตัวตน: คุณอาจต้องยืนยันตัวตนหากเกิดกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้
    • ไม่มี TIN หรือ TIN ไม่ใช่ตัวเลข 9 หลัก
    • ในปัจจุบันยังไม่มีการออก TIN ที่คุณป้อน
    • คู่ของ TIN กับชื่อไม่ตรงกับบันทึกของ IRS
    • คำขอจับคู่ TIN ไม่ถูกต้อง
  • หากมีที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา จะต้องระบุข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม: หากคุณอ้างว่ามีสถานะเป็นผู้พำนักในสหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่บุคคลอเมริกัน และมีที่อยู่ถาวรหรือที่อยู่จัดส่งในสหรัฐอเมริกา คุณจะต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่าคุณไม่ใช่บุคคลอเมริกัน
  • ข้อจำกัดด้านสิทธิประโยชน์ (นิติบุคคลเท่านั้น): นิติบุคคลที่อ้างสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาต้องรับรองว่าตนมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของข้อจำกัดด้านสิทธิประโยชน์ในสนธิสัญญาภาษีที่เกี่ยวข้อง โปรดศึกษาสนธิสัญญาภาษีที่เกี่ยวข้องกับคุณหรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาด้านภาษีเพื่อพิจารณาว่าคุณมีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาภาษีหรือไม่

ข้อมูลประจำตัวผู้เสียภาษี

คำสำคัญสำหรับข้อมูลประจำตัวผู้เสียภาษีมีอะไรบ้าง

ชื่อตามกฎหมาย

ใส่ชื่อตามกฎหมายให้ตรงกับที่ปรากฏในเอกสารทางกฎหมายทุกประการ

  • หากได้รับรายได้ในฐานะบุคคลธรรมดา โปรดระบุชื่อตามกฎหมายในช่องชื่อ คุณอาจต้องระบุชื่อที่แปลแล้วตามที่ปรากฏในเอกสารทางกฎหมาย (เช่น หนังสือเดินทาง)
    • หากคุณมีธุรกิจที่ต้องการเชื่อมโยงกับแบบฟอร์ม ให้ระบุธุรกิจดังกล่าวในช่อง DBA หากโปรไฟล์การชําระเงินของคุณอยู่ภายใต้ชื่อธุรกิจ ให้ใส่ชื่อนั้นในช่อง DBA
  • หากได้รับรายได้ในฐานะนิติบุคคล ชื่อนิติบุคคลของคุณจะต้องอยู่ในช่องชื่อ หากโปรไฟล์การชําระเงินของคุณอยู่ภายใต้ชื่อบุคคลธรรมดา ให้ใส่ชื่อดังกล่าวในช่อง DBA

ระบบอาจขอให้คุณส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันชื่อตามกฎหมาย ดูวิธีอัปเดตโปรไฟล์การชําระเงิน

ชื่อที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ (DBA)

ชื่อประกอบธุรกิจในนาม (ชื่อที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ) คือชื่อบริษัทที่เป็นคนละชื่อกับชื่อเจ้าของ คุณอาจระบุชื่อตามกฎหมายของบุคคลก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของแบบฟอร์มที่คุณกรอก

นิติบุคคลซึ่งไม่ถือว่าเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายภาษี

นิติบุคคลซึ่งไม่ถือว่าเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายภาษี (Disregarded entity) คือองค์กรธุรกิจที่มีเจ้าของรายเดียว ไม่ใช่องค์กรภายใต้กฎหมายภาษีของสหรัฐอเมริกา และไม่ถือว่าเป็นนิติบุคคลที่แยกจากเจ้าของตามวัตถุประสงค์ด้านภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา

ดูข้อมูลเกี่ยวกับนิติบุคคลซึ่งไม่ถือว่าเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายภาษีจาก IRS (หน่วยงานด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา)
TIN (หมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี) คืออะไร

หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (TIN) คือหมายเลขประมวลผลภาษีที่ IRS (หน่วยงานด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา) กำหนดให้ระบุในแบบฟอร์มภาษีทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา บุคคลที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐอเมริกาอาจต้องใช้ TIN บุคคลธรรมดา (ITIN) หากอ้างสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาภาษี คุณจะต้องระบุ TIN สำหรับชาวต่างชาติ หรือ TIN ของสหรัฐอเมริกา ดูข้อมูลเกี่ยวกับ TIN จาก IRS

เคล็ดลับ: Google ไม่ได้ตรวจสอบหรือดูแลหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์ IRS จึงยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่แสดงอยู่ไม่ได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โปรดติดต่อขอคำปรึกษาด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ

หากต้องการทราบหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีที่ยอมรับ โปรดติดต่อหน่วยงานด้านภาษีในท้องถิ่นหรือขอคําแนะนําด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ Google ให้คำปรึกษาด้านภาษีไม่ได้

ตัวอย่างของ TIN สำหรับชาวต่างชาติจากทั่วโลกอาจรวมถึงรายการต่อไปนี้ (เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น)

  • อินเดีย: หมายเลขบัญชีถาวร (Permanent Account Number หรือ PAN)
  • อินโดนีเซีย: Nomor Pokok Wajib Pajak (NPWP)
  • ญี่ปุ่น: หมายเลขบุคคล (Individual Number หรือที่เรียกว่า "หมายเลขของฉัน (My Number)")
  • รัสเซีย: หมายเลขประจำตัวส่วนบุคคลสำหรับผู้เสียภาษี (Taxpayer Personal Identification Number หรือ INN)
  • สหราชอาณาจักร: หมายเลขอ้างอิงประจำตัวผู้เสียภาษีที่ไม่ซ้ำกัน (Unique Taxpayer Reference หรือ UTR), หมายเลขประกันสังคม (National Insurance Number หรือ NINO)

โปรดติดต่อหน่วยงานด้านภาษีในพื้นที่หรือผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาด้านภาษีเพื่อระบุหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่ยอมรับ Google ให้คำปรึกษาด้านภาษีไม่ได้

กระบวนการยืนยันหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (TIN)

Google จะตรวจยืนยันข้อมูลภาษีของผู้จัดพิมพ์กับ Internal Revenue Service (IRS) ของสหรัฐอเมริกาเป็นระยะๆ ในระหว่างการตรวจสอบนี้ IRS อาจแจ้งให้เราทราบว่าข้อมูลภาษีในบัญชีของคุณนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่อัปเดต ในกรณีนี้ เราจะระงับการชำระเงินให้คุณจนกว่าคุณจะส่งข้อมูลภาษีมาใหม่ นี่เป็นขั้นตอนป้องกันการดำเนินการทางกฎหมายจาก IRS

สาเหตุที่อาจทำให้ข้อมูลภาษีของคุณถูกรายงานว่าไม่ถูกต้องหรือไม่อัปเดตมีดังนี้

  • ไม่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (TIN) หรือ TIN ไม่ใช่ตัวเลข 9 หลัก
  • ในปัจจุบันยังไม่มีการออก TIN ที่คุณป้อน
  • คู่ของ TIN กับชื่อไม่ตรงกับบันทึกของ IRS
  • คำขอจับคู่ TIN ไม่ถูกต้อง
หากเราระงับบัญชีของคุณด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งดังกล่าว โปรดส่งข้อมูลภาษีของคุณมาใหม่เพื่อยกเลิกการระงับ ระบบจะระงับการชำระเงินให้คุณจนกว่าคุณจะส่งข้อมูลภาษีมาใหม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยืนยัน TIN ได้ด้วยการค้นหาในเว็บไซต์ IRS

สิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาภาษี

ประเทศ/ภูมิภาคของฉันและสหรัฐอเมริกามีสนธิสัญญาภาษีเงินได้ ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่ารายละเอียดในสนธิสัญญามีผลบังคับใช้

หากประเทศ/ภูมิภาคของคุณกับสหรัฐอเมริกามีสนธิสัญญาภาษีเงินได้ เครื่องมือภาษีในศูนย์พาร์ทเนอร์จะระบุรายละเอียดไว้ระหว่างการส่งแบบฟอร์มภาษี

คุณดูได้ว่าประเทศ/ภูมิภาคของคุณมีสนธิสัญญาภาษีกับสหรัฐอเมริกาหรือไม่ในเว็บไซต์ IRS

ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ Google ไม่ได้ดูแลหรือตรวจสอบ จึงยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่แสดงในเว็บไซต์นั้นไม่ได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โปรดติดต่อขอคำปรึกษาด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ

เหตุใดจึงมีรูปแบบการชําระเงินหลายรูปแบบ และฉันควรเลือกรูปแบบใด

บางครั้งการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของ Google อาจอยู่ในหลายหมวดหมู่ด้วยกัน Google จะหักเงินตามอัตราที่เหมาะสมโดยอิงตามประเภทรายได้ที่ชำระและการอ้างสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้อง Google จะไม่ใช้การอ้างสนธิสัญญาเพิ่มเติมเว้นแต่จะมีการจ่ายรายได้ประเภทดังกล่าว รายได้จากพาร์ทเนอร์ Play Books อยู่ภายใต้หมวดหมู่ "ค่าลิขสิทธิ์อื่นๆ"

วิธีแสดงตัวอย่างเอกสารภาษี

ฉันจะแสดงตัวอย่างแบบฟอร์มภาษีที่กรอกไว้ได้ไหม
Google จะสร้างไฟล์ PDF จากแบบฟอร์มภาษี IRS ที่คุณกรอกไว้ และคุณจะต้องยืนยันความถูกต้องของเอกสารต่างๆ หากต้องการเปลี่ยนแปลง ก็เพียงกลับไปที่ศูนย์พาร์ทเนอร์และทําการแก้ไข

ใบรับรองการเสียภาษี

กิจกรรมในสหรัฐอเมริกาคืออะไร
กิจกรรมในสหรัฐอเมริกาคือการดำเนินการให้บริการในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจรวมถึงการมีพนักงานหรือการเป็นเจ้าของเครื่องมือในสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องในการสร้างรายได้
หนังสือรับรองว่าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงคืออะไร

คุณสามารถส่งหนังสือรับรองว่าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับแบบฟอร์ม W-8 ที่ถูกต้องได้ หนังสือรับรองนี้จะทำให้ Google สามารถใช้แบบฟอร์มที่จัดเตรียมขึ้นใหม่กับช่วงเวลาก่อนหน้าซึ่งผู้จัดพิมพ์ได้รับการชําระเงิน ซึ่งหมายความว่า Google อาจถือว่าการชำระเงินในช่วงระยะเวลาก่อนหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับหนังสือรับรองนั้นมีสถานะภาษีเดียวกันกับที่ระบุในปัจจุบันตามแบบฟอร์มภาษีใหม่

การส่งหนังสือรับรองอาจช่วย Google ในการคืนภาษีที่หัก ณ ที่จ่าย หากแบบฟอร์มกำหนดให้ผู้จัดพิมพ์ใช้อัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายที่ต่ำกว่า และผู้จัดพิมพ์ได้ยื่นขอคืนภาษีภายในไทม์ไลน์ตามกฎหมายสำหรับการคืนเงิน (วันที่ 31 ธันวาคมของปีที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย)

การส่งและการตรวจสอบ

แบบฟอร์มภาษีของฉันมีสถานะใด
  • อยู่ระหว่างการตรวจสอบ: ข้อมูลภาษีที่คุณส่งไปกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
    • ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 7 วันทำการ
    • หากต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบข้อมูลภาษีหรือยืนยันตัวตนของคุณ เราจะแจ้งให้คุณทราบในศูนย์การชำระเงินของ Google และทางอีเมล
  • อนุมัติแล้ว: ระบบยอมรับข้อมูลภาษีตามที่คุณส่ง
  • ถูกปฏิเสธ: ข้อมูลภาษีของคุณอาจถูกปฏิเสธเนื่องจากเหตุผลข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
    • บันทึกของ IRS ไม่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (TIN) ที่คุณป้อน ซึ่งอาจเป็นเพราะระบบ IRS ยังไม่ได้อัปเดตหรือคุณเพิ่งสร้าง TIN เมื่อเร็วๆ นี้
    • คู่ของ TIN และชื่อที่คุณป้อนไม่ตรงกับบันทึกของ IRS
    • ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลภาษีของคุณด้วยเอกสารที่ให้มา

หากแบบฟอร์มของคุณถูกปฏิเสธ เราจะแจ้งให้ทราบในศูนย์การชำระเงินของ Google และทางอีเมล โปรดส่งแบบฟอร์มใหม่หรือติดต่อที่ปรึกษาด้านภาษีของคุณ ในโปรไฟล์การเรียกเก็บเงิน โปรดตรวจสอบว่าข้อมูลทางกฎหมายของคุณตรงกับข้อมูลในแบบฟอร์มภาษีทุกประการก่อนส่งแบบฟอร์ม

เหตุใดเอกสารของฉันจึงอยู่ระหว่างตรวจสอบ

ข้อมูลที่คุณให้ไว้ในเครื่องมือภาษีจะผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอนเพื่อความปลอดภัย ถูกต้อง และครบถ้วน บางครั้งข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในเอกสารอาจทำให้มีการรายงานข้อมูลภาษีของคุณว่า "อยู่ระหว่างการตรวจสอบ" การตรวจสอบว่าข้อมูลภาษีที่คุณให้ไว้ตรงกับข้อมูลในโปรไฟล์การชำระเงินเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความล่าช้าในการประมวลผลข้อมูลภาษี

กรณีทั่วไปที่จะส่งผลให้มีการตรวจสอบมีดังต่อไปนี้

สำหรับแบบฟอร์ม W9:

  • "ชื่อตามกฎหมาย" ที่ระบุในเครื่องมือภาษีไม่ตรงกับชื่อในโปรไฟล์การชำระเงิน
  • ชื่อ "นิติบุคคลซึ่งไม่ถือว่าเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายภาษี" ที่ระบุในเครื่องมือภาษีไม่ตรงกับชื่อในโปรไฟล์การชำระเงิน
  • หมายเลขประกันสังคม (SSN) ที่ระบุในเครื่องมือภาษีไม่ถูกต้องหรือเป็นของบุคคลที่มีชื่อไม่ตรงกับชื่อในบัญชี กรณีนี้อาจใช้เวลาตรวจสอบนานกว่าปกติ

สำหรับแบบฟอร์ม W8:

  • "ชื่อตามกฎหมาย" ที่ระบุในเครื่องมือภาษีไม่ตรงกับชื่อในโปรไฟล์การชำระเงิน
  • ชื่อ "นิติบุคคลซึ่งไม่ถือว่าเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายภาษี" ที่ระบุในเครื่องมือภาษีไม่ตรงกับชื่อในโปรไฟล์การชำระเงิน
  • "ที่อยู่อาศัย" หรือ "ที่อยู่จัดส่ง" ที่ระบุในเครื่องมือภาษีอยู่ในสหรัฐอเมริกา หรือไม่ตรงกับประเทศ/ภูมิภาคที่คุณอ้างสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญา
  • มีการระบุที่อยู่ "สำหรับการส่งต่อ" หรือ "ตู้ ปณ." ไว้ในเครื่องมือภาษี
  • มีการใส่ข้อมูลในช่อง "กระทำการในฐานะ" ของแบบฟอร์มในเครื่องมือภาษี
เคล็ดลับ: แบบฟอร์ม W8-IMY ทั้งหมดที่ส่งไปจะได้รับการตรวจสอบ
เหตุใดระบบจึงขอให้ฉันส่งเอกสารยืนยัน

คุณอาจต้องยืนยันตัวตนหากเกิดกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้

  • ไม่มี TIN หรือ TIN ไม่ใช่ตัวเลข 9 หลัก
  • ในปัจจุบันยังไม่มีการออก TIN ที่คุณป้อน
  • คู่ของ TIN กับชื่อไม่ตรงกับบันทึกของ IRS
  • คำขอจับคู่ TIN ไม่ถูกต้อง
ดูข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารประกอบที่เรายอมรับสําหรับแบบฟอร์มภาษีแต่ละรายการ
จะเกิดอะไรขึ้นหากแบบฟอร์มถูกปฏิเสธเนื่องจาก "ข้อมูล TIN และชื่อไม่ตรงกับระเบียนของ IRS"
ชื่อและ TIN ที่คุณให้ไว้ในแบบฟอร์มภาษีต้องตรงกับชื่อและ TIN ที่คุณจดทะเบียนไว้กับ IRS หากชื่อหรือ TIN ที่ให้ไว้ไม่ใช่ข้อมูลที่คุณได้จดทะเบียนไว้กับ IRS โปรดส่งแบบฟอร์มภาษีอีกครั้งพร้อมข้อมูลที่ถูกต้อง วิธีตรวจสอบข้อมูลที่คุณส่ง
  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่ศูนย์พาร์ทเนอร์ Google Play Books
  2. คลิกแท็บศูนย์การชำระเงิน
  3. ใน "โปรไฟล์การชำระเงิน" ให้คลิกแก้ไข จากนั้น จัดการการตั้งค่า จากนั้น ข้อมูลภาษีของสหรัฐอเมริกา จากนั้น จัดการข้อมูลภาษี
  4. คลิกลิงก์ไปยังแบบฟอร์มภาษีที่คุณส่ง
จะเกิดอะไรขึ้นหากชื่อที่เชื่อมโยงกับบัญชีไม่ตรงกับชื่อที่ให้ไว้ในแบบฟอร์มภาษี
ชื่อในแบบฟอร์มภาษีต้องตรงกับชื่อที่แสดงอยู่ในโปรไฟล์การชำระเงิน เราจึงจะตรวจสอบแบบฟอร์มภาษีของคุณได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลนี้ในโปรไฟล์การชำระเงินของคุณ
  • หากชื่อในโปรไฟล์การชำระเงินตรงกับชื่อตามกฎหมายที่ถูกต้องของคุณ ให้ส่งแบบฟอร์มภาษีอีกครั้ง
  • หากชื่อในโปรไฟล์การชำระเงินไม่ถูกต้อง ให้อัปเดตชื่อในโปรไฟล์การชำระเงินเป็นชื่อตามกฎหมายของคุณแล้วส่งแบบฟอร์มภาษีอีกครั้ง 

เคล็ดลับ: หากคุณมี "ชื่อที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ" (DBA หรือ D/B/A) ให้ป้อนชื่อดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องของแบบฟอร์มภาษี

หากไม่แน่ใจว่าชื่อที่เชื่อมโยงกับบัญชีคือชื่อใด ให้ทำดังนี้
  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่ศูนย์พาร์ทเนอร์ Google Play Books
  2. คลิกแท็บศูนย์การชำระเงิน
  3. ใน "โปรไฟล์การชำระเงิน" ให้คลิกแก้ไข จากนั้น จัดการการตั้งค่า
  4. เลื่อนลงไปที่ "ชื่อและที่อยู่" หรือ "ชื่อธุรกิจและที่อยู่" เพื่อดูชื่อบุคคลธรรมดาหรือชื่อธุรกิจที่เชื่อมโยงกับบัญชีของคุณ

รายรับและรายได้

ฉันต้องเตรียมเอกสารใดบ้างหากมีการรายงานให้ตรวจสอบข้อมูลภาษีสหรัฐอเมริกาของฉัน
หากข้อมูลภาษีสหรัฐอเมริกาของคุณถูกรายงานให้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม คุณอาจต้องส่งเอกสารระบุตัวตนเพิ่มเติม เรายอมรับไฟล์ .png, .jpeg และ .pdf ดูข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารภาษีที่ได้รับอนุมัติและเอกสารระบุตัวตนรูปแบบต่างๆ
การหักภาษี ณ ที่จ่ายคืออะไร

การหักภาษี ณ ที่จ่าย เกิดขึ้นเมื่อมีการหักภาษีจากจำนวนเงินที่ชําระให้คุณ เพื่อนำไปชำระแก่รัฐบาลตามภาระหน้าที่ด้านการเสียภาษีในสหรัฐอเมริกาของผู้รับเงิน

ภายใต้กฎหมายภาษีของสหรัฐอเมริกา Google เป็นผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายภาษีของสหรัฐอเมริกา และในกรณีที่กฎหมายกำหนดไว้ จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากรายได้ Play Books ที่เกี่ยวข้อง การหักภาษี ณ ที่จ่ายจะเริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนมิถุนายน 2021

การดําเนินการนี้จะส่งผลต่อรายได้ของฉันใน Play Books อย่างไร

หากคุณให้ข้อมูลภาษีที่ถูกต้อง จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายและการรายงานเฉพาะสำหรับรายได้ในส่วนที่คุณได้จากผู้อ่านในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่แน่นอนจะกําหนดตามข้อมูลภาษีที่คุณให้กับ Google คุณสามารถดูอัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในส่วน "จัดการข้อมูลภาษี" ในการตั้งค่าการชำระเงินของศูนย์พาร์ทเนอร์เมื่อคุณส่งแบบฟอร์มแล้ว จํานวนที่หักภาษี ณ ที่จ่ายจะไม่แสดงใน Play Books Analytics

ตัวอย่างสมมติ

ผู้จัดพิมพ์ Play Books ในอินเดียในโปรแกรมพาร์ทเนอร์ Play Books ได้รับเงิน 30,000 บาทจาก Play Books ในเดือนที่ผ่านมา จากเงิน 30,000 บาทดังกล่าว หนังสือของผู้จัดพิมพ์รายนี้สร้างรายได้ 3,000 บาทจากผู้อ่านในสหรัฐอเมริกา

ตัวอย่างสถานการณ์การหักภาษี ณ ที่จ่ายที่เป็นไปได้มีดังนี้

  • ผู้จัดพิมพ์ไม่ส่งข้อมูลภาษี: จำนวนเงินภาษีขั้นสุดท้ายที่หักคือ 7,200 บาท เนื่องจากอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะไม่เกิน 24% ของรายได้รวมทั่วโลกหากไม่ส่งข้อมูลภาษี ซึ่งหมายความว่า เราจะต้องหักภาษีสูงสุดไม่เกิน 24% ของรายได้รวมทั่วโลกของผู้จัดพิมพ์รายนั้น ไม่ใช่เฉพาะรายได้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น จนกว่าผู้จัดพิมพ์จะส่งข้อมูลภาษีที่ครบถ้วนสมบูรณ์
  • ผู้จัดพิมพ์ส่งข้อมูลภาษีและอ้างสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญา: จำนวนเงินภาษีขั้นสุดท้ายที่หักคือ 450 บาท เนื่องจากอินเดียและสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ตามสนธิสัญญาภาษีซึ่งลดอัตราภาษีลงเป็น 15% ของรายได้จากการขายในสหรัฐอเมริกา
  • ผู้จัดพิมพ์ส่งข้อมูลภาษี แต่ไม่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาภาษี: จำนวนเงินภาษีขั้นสุดท้ายที่หักจะเป็น 900 บาท เนื่องจากอัตราภาษีที่ไม่มีสนธิสัญญาภาษีคือ 30% ของรายได้จากการขายในสหรัฐอเมริกา

คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายโดยประมาณ

ใช้การคํานวณตามตัวอย่างนี้เพื่อทําความเข้าใจผลกระทบต่อรายได้จาก Play Books ของคุณ

  1. ไปที่รายงานรายได้ใน Play Books Analytics และตั้งค่าตัวกรองวันที่เป็นระยะเวลาการชำระเงินที่เกี่ยวข้อง เช่น 1–31 ตุลาคม การตั้งค่า Play Books Analytics เป็นสกุลเงินที่คุณได้รับการชําระ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ อาจจะดีที่สุด
  2. ใช้ตัวกรองทางภูมิศาสตร์เพื่อดูรายได้โดยประมาณจากสหรัฐอเมริกา ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของคุณใน Play Books Analytics
  3. ไปที่บัญชีศูนย์พาร์ทเนอร์เพื่อดูอัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย อัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจะปรากฏขึ้นหลังจากที่คุณส่งข้อมูลภาษีสหรัฐอเมริกา
  4. คูณตัวเลขจากผลลัพธ์ของขั้นตอนที่ 2 และ 3 ด้านบน
สําคัญ: การทําตามคําแนะนําข้างต้นเป็นเพียงการประเมินภาษีหัก ณ ที่จ่ายเท่านั้น เมื่อ Google เริ่มหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว คุณจะเห็นจำนวนเงินที่หัก ณ ที่จ่ายขั้นสุดท้ายในรายงานธุรกรรมการชำระเงินของศูนย์พาร์ทเนอร์ตามปกติ (หากเกี่ยวข้อง)

การขายในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

จะเกิดอะไรขึ้นหากฉันไม่ได้รับรายได้จากการขายในสหรัฐอเมริกา
ผู้จัดพิมพ์ Play Books ทุกรายควรส่งข้อมูลภาษีให้ Google ไม่ว่าจะได้รับรายได้จากการขายในสหรัฐอเมริกาหรือไม่ก็ตาม หากคุณจะได้รับรายได้จากผู้อ่านในสหรัฐอเมริกาในอนาคต การส่งข้อมูลภาษีสหรัฐอเมริกาจะช่วยในการกําหนดอัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายที่ถูกต้องสําหรับคุณ
คุณใช้เกณฑ์ใดในการระบุว่าฉันเป็นผู้จัดพิมพ์ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือไม่
สถานที่ตั้งของคุณจะกําหนดตามประเทศ/ภูมิภาคที่พักอาศัยตามที่คุณประกาศในข้อมูลภาษี
หมายความว่าฉันจะต้องเสียภาษีทั้งในประเทศ/ภูมิภาคที่ฉันอาศัยอยู่และในสหรัฐอเมริกาใช่ไหม

Google ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับสหรัฐอเมริกาเฉพาะจากรายได้ Play Books ที่คุณได้รับจากผู้อ่านในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น กฎหมายภาษีเงินได้ของท้องถิ่นอาจยังคงมีผลบังคับใช้กับรายได้จาก Play Books ของคุณ

มีหลายประเทศ/ภูมิภาคที่มีสนธิสัญญาภาษีซึ่งลดหรือยกเว้นการเก็บภาษีซ้อน นอกจากนี้ บางประเทศ/ภูมิภาคอาจอนุญาตให้มีการเครดิตภาษีต่างประเทศเพื่อช่วยลดภาระภาษีระหว่างประเทศอีกด้วย การอ้างสนธิสัญญาภาษีในเครื่องมือภาษีในศูนย์พาร์ทเนอร์อาจช่วยให้คุณลดภาระภาษีได้ โปรดปรึกษาที่ปรึกษาด้านภาษีของคุณ

ภาษีหัก ณ ที่จ่ายและ Google

Google จัดเอกสารการรายงานภาษีประเภทใดไว้ให้

คุณสามารถดูจํานวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายขั้นสุดท้ายได้ในรายงานการชำระเงินของศูนย์พาร์ทเนอร์ตามรอบการชำระเงินของคุณ

ผู้จัดพิมพ์ทุกรายที่ส่งข้อมูลภาษีและรับการชำระเงินที่ตรงตามเงื่อนไขจะได้รับแบบฟอร์มภาษี (เช่น 1042-S หรือ 1099-MISC) ในวันที่หรือก่อนวันที่ 15 มีนาคมของทุกปีสําหรับการหักภาษี ณ ที่จ่ายของปีที่ผ่านมา หากต้องการขอสําเนา แก้ไข หรือยกเลิกแบบฟอร์มภาษีปลายปีของสหรัฐอเมริกา โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของศูนย์พาร์ทเนอร์

ฉันจะขอเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายครั้งก่อนๆ คืนได้ไหม

ในบางกรณี Google อาจคืนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกาหากได้รับข้อมูลภาษีที่อัปเดตภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2021 เช่น หากได้รับแบบฟอร์มภาษี W-8 ที่อัปเดตพร้อมทั้งอ้างสิทธิ์การใช้อัตราภาษีที่ต่ำกว่าภายในเวลาที่เหมาะสม Google จะคำนวณจำนวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายอีกครั้งและคืนเงินส่วนต่างให้

คุณจะต้องให้หนังสือรับรองว่าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงและประกาศว่าการเปลี่ยนแปลงที่ทําในแบบฟอร์มใช้กับวันที่ผ่านมาในอดีต โดยดําเนินการได้ในส่วน "หนังสือรับรองการเปลี่ยนแปลงสถานะ" ในขั้นตอนที่ 6 ของเครื่องมือภาษีในศูนย์พาร์ทเนอร์

คุณจะเห็นการคืนเงินเหล่านี้ในรอบการชําระเงินหลังจากที่อัปเดตแบบฟอร์ม

กรณีเหล่านี้มีไม่มาก และเราจะต้องได้รับข้อมูลภาษีที่ถูกต้องภายในวันสิ้นปีปฏิทินที่มีการหักภาษีนั้น หากไม่ได้ให้ข้อมูลภาษีที่ถูกต้องภายในวันสิ้นปีปฏิทิน คุณจะต้องยื่นคําขอเงินคืนไปยัง IRS โดยตรง เราแนะนำให้คุณขอคำปรึกษาด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้

คุณสามารถดูรายการคืนเงินที่เกี่ยวข้องในรายงานการชำระเงินของศูนย์พาร์ทเนอร์เมื่อสิ้นสุดรอบการชำระเงินหลังจากที่อัปเดตข้อมูลภาษีในศูนย์พาร์ทเนอร์

การดำเนินการนี้จะมีผลกับรายได้อื่นๆ ของฉันในศูนย์พาร์ทเนอร์นอกเหนือจาก Play Books ไหม
หากคุณส่งข้อมูลภาษีที่ถูกต้อง ภาษีหัก ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกาภายใต้บทบัญญัติที่ 3 จะใช้กับรายได้จาก Play Books เท่านั้น

การหักภาษี ณ ที่จ่าย

การหักภาษี ณ ที่จ่ายของสหรัฐอเมริกาจะเกิดขึ้นเมื่อใด

โดยทั่วไป ผู้ที่ไม่ใช่บุคคลอเมริกันและมีเอกสารรับรองจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (โดยมีแบบฟอร์ม W-8 ที่ถูกต้องในระบบ) จะต้องเสียภาษีสหรัฐอเมริกาสำหรับรายได้ที่มาจากแหล่งเงินได้ในสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น หากผู้ที่ไม่ใช่บุคคลอเมริกันดำเนินการให้บริการในสหรัฐอเมริกา การชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับบริการที่ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาจะต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายสำหรับสหรัฐอเมริกา

อัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจะขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้ที่ได้รับ การมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์รับสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาของผู้รับเงิน ซึ่งในกรณีที่มีสิทธิ์ จะต้องกรอกแบบฟอร์ม W-8 อย่างถูกต้องเพื่ออ้างสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญา IRS กำหนดให้ผู้ที่ชำระเงินให้แก่บุคคลที่ไม่ใช่บุคคลอเมริกันทำการหักเงิน และส่งเงินจำนวนนั้นให้ IRS (หากเกี่ยวข้อง) รวมถึงต้องส่งข้อมูลบางอย่างในวันสุดท้ายของปีปฏิทินที่ชำระเงิน

อัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายอยู่ที่เท่าใดและจะลดอัตรานี้ได้ไหม

หากไม่มีการส่งแบบฟอร์มภาษีที่ถูกต้อง อัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเริ่มต้นโดยทั่วไปจะเป็น 30% ของการชำระเงินที่เกี่ยวข้อง อัตรานี้อาจลดลงในกรณีต่อไปนี้

  • คุณเป็นผู้เสียภาษีของประเทศ/ภูมิภาคที่มีสนธิสัญญาภาษีเงินได้กับสหรัฐอเมริกา
  • ประเภทรายได้ที่คุณได้รับมีสิทธิ์รับสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญา
  • คุณปฏิบัติตามข้อกําหนดทั้งหมดของสนธิสัญญาและอ้างสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาอย่างถูกต้อง

ในบางกรณี อัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเริ่มต้นจะเป็น 24% เมื่อสันนิษฐานว่าพาร์ทเนอร์ที่ไม่มีเอกสารรับรองจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นบุคคลอเมริกัน

หากต้องการดูอัตราการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายที่เกี่ยวข้องในโปรไฟล์การชำระเงิน ให้ไปที่การตั้งค่า จากนั้น จัดการข้อมูลภาษี

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

true
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
195170601742061409
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
82437
false
false