ดูข้อมูลความน่าจะเป็นของ Conversion
วิธีเปิดรายงานความน่าจะเป็นของ Conversion
- ลงชื่อเข้าใช้ Google Analytics
- ไปที่ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้
- เปิดรายงาน
- เลือกกลุ่มเป้าหมาย > พฤติกรรม > ความน่าจะเป็นของ Conversion
ข้อมูลความน่าจะเป็นของ Conversion จะล่าช้าไป 24 ชั่วโมง รายงานนี้ต้องอาศัยการประมวลผลที่สมบูรณ์ของตารางรวมรายวัน
หากข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้นของข้อมูล รายงานจะไม่แสดงใน Analytics
เกี่ยวกับความน่าจะเป็นของ Conversion
Analytics ใช้เทคนิคการสร้างโมเดลข้อมูลเดียวกันกับที่ใช้ระบุสมาร์ทลิสต์และเป้าหมายสมาร์ทในการคำนวณมิติข้อมูล % ความน่าจะเป็นของ Conversion และเมตริกความน่าจะเป็นของ Conversion โดยเฉลี่ย เพื่อหาความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้จะทำ Conversion ในช่วง 30 วันถัดไป ระบบจะประเมินการทำธุรกรรมของผู้ใช้แต่ละราย และแสดงความน่าจะเป็นของ Conversion ที่ได้เป็นคะแนนเฉลี่ย 1-100 สำหรับผู้ใช้ทั้งหมดในช่วงวันที่นั้นๆ โดย 1 หมายถึงเป็นไปได้น้อยที่สุดและ 100 หมายถึงเป็นไปได้มากที่สุด ค่า 0 หมายความว่าไม่มีการคำนวณความน่าจะเป็นของ Conversion ในช่วงเวลาที่เลือก
% ความน่าจะเป็นของ Conversion คำนวณจากผู้ใช้แต่ละราย
ความน่าจะเป็นของ Conversion โดยเฉลี่ยจะคำนวณสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมิติข้อมูลในช่วงวันที่ที่คุณใช้อยู่ ตัวอย่างเช่น
- คะแนนของผู้ใช้ทั้งหมดโดยที่ Channel = Organic Search ในระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม
- คะแนนของผู้ใช้ทั้งหมดโดยที่ Source = Google ในระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม
มิติข้อมูล % ความน่าจะเป็นของ Conversion ซึ่งมีช่วงเป็นค่ามิติข้อมูลมีอยู่ในรายงานความน่าจะเป็นของ Conversion รวมทั้งในกลุ่ม กลุ่มเป้าหมายรีมาร์เก็ตติ้ง และรายงานที่กำหนดเองของ Analytics
เมตริกความน่าจะเป็นของ Conversion โดยเฉลี่ยมีอยู่ในรายงานที่กำหนดเอง
ข้อกำหนดเบื้องต้น
Analytics ต้องใช้ข้อมูลต่อไปนี้เพื่อคำนวณมิติข้อมูลและเมตริก
- ธุรกรรมอีคอมเมิร์ซขั้นต่ำ 1,000 รายการต่อเดือนในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงาน (คุณต้องใช้การติดตามอีคอมเมิร์ซ)
- เมื่อคุณมีธุรกรรมอีคอมเมิร์ซถึงเกณฑ์เริ่มต้น 1,000 รายการแล้ว Analytics จะต้องใช้ข้อมูลเป็นเวลา 30 วันเพื่อสร้างโมเดลข้อมูล
- หากหลังจากสร้างโมเดลข้อมูลแล้ว Analytics ไม่มั่นใจในความถูกต้องแม่นยำของผลลัพธ์ ข้อมูล "ความน่าจะเป็นของ Conversion" จะไม่แสดงในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานนั้น
หากจำนวนธุรกรรมในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานต่ำกว่า 1,000 รายการต่อเดือน Analytics จะใช้โมเดลสุดท้ายที่เหมาะสมเพื่อสร้างข้อมูลในรายงาน
รายงานความน่าจะเป็นของ Conversion
รายงานความน่าจะเป็นของ Conversion ช่วยให้เห็นข้อมูลต่อไปนี้
- การกระจายของเซสชันและเซสชันที่มีและไม่มีธุรกรรม ในที่เก็บข้อมูลความน่าจะเป็นของ Conversion (ฮิสโตแกรม) (เช่น จำนวนเซสชันที่ค่าของผู้ใช้สำหรับ % ความน่าจะเป็นของ Conversion อยู่ระหว่าง 21-50)
- เมตริกการกระทำ พฤติกรรม และ Conversion สำหรับผู้ใช้ในมิติข้อมูลของการจัดกลุ่มแชแนลเริ่มต้น แหล่งที่มา และสื่อ (ตาราง)
การใช้ข้อมูลความน่าจะเป็นของ Conversion
กลุ่ม
กลุ่มช่วยให้คุณดูที่ข้อมูลใดก็ได้ในบริบทของเกณฑ์ความน่าจะเป็นของ Conversion ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างกลุ่มสำหรับ % ความน่าจะเป็นของ Conversion ที่มากกว่า 25 และตรวจสอบสิ่งต่างๆ เช่น
- ผู้ใช้ที่แสดงแนวโน้มสูงที่จะทำ Conversion เป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับฐานผู้ใช้โดยรวม พวกเขาเป็นส่วนน้อยของผู้ใช้ทั้งหมดของคุณ หรือการโฆษณาและไซต์ของคุณรวมกันเพื่อดึงดูดเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้จำนวนมากหรือไม่
- แชแนล คีย์เวิร์ด และแคมเปญรายการใดทำให้เกิดผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมสูง
- เส้นทาง Conversion ใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด และจุดใดในระหว่างเส้นทางที่คุณสามารถนำเสนอการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ในทางกลับกัน คุณก็ใช้เกณฑ์ที่ต่ำเพื่อตรวจสอบผู้ใช้ในฝั่งตรงกันข้ามได้
- ผู้ใช้ที่ไม่น่าจะทำ Conversion คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
- คีย์เวิร์ดและแคมเปญที่ดึงดูดผู้ใช้ที่ไม่น่าจะทำ Conversion แตกต่างจากที่ดึงดูดผู้ใช้ที่มีคุณค่ามากกว่าหรือไม่ หากใช่ ควรลดงบประมาณของคีย์เวิร์ดและแคมเปญดังกล่าวหรือไม่
- เส้นทาง Conversion ใดที่ผู้ใช้ที่มีคะแนนต่ำติดตาม มีโอกาสนำเสนอการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระหว่างเส้นทางเหล่านั้นหรือไม่
กลุ่มเป้าหมายรีมาร์เก็ตติ้ง
มีแนวโน้มที่จะโน้มน้าวผู้ใช้ที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะทำ Conversion ให้ทำ Conversion เหล่านั้นให้เสร็จได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่ได้ศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์หรือเพิ่มสินค้าลงในรถเข็นช็อปปิ้งมีแนวโน้มสูงว่าจะได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นแล้ว การติดตามเชิงชักชวนจากคุณผ่านทางแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งที่สร้างขึ้นอย่างดีอาจให้แรงกระตุ้นสุดท้ายที่จำเป็นเพื่อทำให้ผู้ใช้ดำเนินการจนเสร็จได้
การสร้างกลุ่มเป้าหมายรีมาร์เก็ตติ้งตามผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะทำ Conversion และเผยแพร่กลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นไปยังแพลตฟอร์มการตลาดต่างๆ เช่น Google Ads และ Display & Video 360 ช่วยให้คุณดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้กลับมาอีกครั้งในทุกๆ ที่ที่คุณแสดงตัวตนทางออนไลน์
และคุณยังเผยแพร่กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ไปยัง Optimize ได้ เพื่อทำความเข้าใจที่แท้จริงว่าการปรับแต่งเนื้อหาเว็บไซต์ส่วนใดทำให้เกิดแนวโน้มที่จะทำ Conversion สูงที่สุด