เป้าหมายสมาร์ท

เพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads โดยใช้เซสชันเว็บไซต์ที่ดีที่สุดของคุณเป็น Conversion

การวัด Conversion ที่ชัดเจนโดยใช้เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads หรือธุรกรรมอีคอมเมิร์ซของ Analytics ที่นำเข้าคือวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอ โฆษณา และเว็บไซต์ของคุณ อย่างไรก็ตาม หากคุณยังไม่ได้วัด Conversion เป้าหมายสมาร์ทเป็นวิธีง่ายๆ ในการใช้เซสชันที่ดีที่สุดของคุณเป็น Conversion จากนั้นคุณใช้เป้าหมายสมาร์ทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads ได้อีกด้วย

คุณต้องมีบทบาทผู้แก้ไขที่ระดับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้จึงจะทํางานหรือใช้ฟีเจอร์ที่อธิบายไว้ในบทความนี้ได้

บทความนี้มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

วิธีการทำงานของเป้าหมายสมาร์ท

เป้าหมายสมาร์ทจะได้รับการกำหนดค่าที่ระดับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ เป้าหมายสมาร์ทใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจสอบข้อมูลสัญญาณจำนวนมากเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์เพื่อตัดสินว่าการเข้าชมใดมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิด Conversion มากที่สุด เซสชันแต่ละรายการจะได้รับการกำหนดคะแนนโดยให้เซสชันที่ "ดีที่สุด" กลายเป็นเป้าหมายสมาร์ท ตัวอย่างบางส่วนของสัญญาณต่างๆ ที่รวมอยู่ในรูปแบบเป้าหมายสมาร์ท ได้แก่ ระยะเวลาเซสชัน จำนวนหน้าเว็บต่อเซสชัน สถานที่ตั้ง อุปกรณ์ และเบราว์เซอร์ (สมาร์ทลิสต์ของรีมาร์เก็ตติ้งใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงที่ใกล้เคียงกันในการระบุผู้ใช้ที่ดีที่สุดของคุณ)

ในการตัดสินเซสชันที่ดีที่สุด เป้าหมายสมาร์ทจะสร้างเกณฑ์ขึ้นโดยการเลือกการเข้าชมยอดนิยมที่มายังเว็บไซต์ของคุณจาก Google Ads ประมาณ 5% แรก เมื่อกำหนดเกณฑ์แล้ว เป้าหมายสมาร์ทจะใช้เกณฑ์ดังกล่าวกับเซสชันเว็บไซต์ทั้งหมดของคุณ รวมถึงการเข้าชมจากแชแนลอื่นๆ นอกเหนือไปจาก Google Ads หลังจากเปิดใช้เป้าหมายสมาร์ทใน Analytics คุณจะนำเข้าเป้าหมายไปยัง Google Ads ได้

ข้อกำหนดเบื้องต้นในการใช้เป้าหมายสมาร์ท

หากต้องการใช้เป้าหมายสมาร์ท คุณจะต้องมีคุณบัติตามข้อกำหนดเบื้องต้นบางอย่าง และดำเนินการสิ่งต่อไปนี้ให้เสร็จสิ้น

  1. ลิงก์บัญชี Analytics กับบัญชี Google Ads
  2. บัญชี Google Ads ที่เชื่อมโยงต้องส่งการเข้าชมไปที่เว็บไซต์ซึ่งต้องมีผลลัพธ์ของการคลิก Google Ads อย่างน้อย 500 เซสชันของ Analytics ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา คุณจึงจะตั้งค่าเป้าหมายสมาร์ทได้

    หากบัญชีที่เชื่อมโยงมีจำนวนเซสชันน้อยกว่า 250 เซสชันใน 30 วันที่ผ่านมาในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่เลือก ระบบจะเลิกใช้เป้าหมายสมาร์ทจนกว่าจะมีจำนวนเซสชันเพิ่มขึ้นอีกครั้งถึง 500 เซสชันขึ้นไป

  3. ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานต้องได้รับไม่เกิน 10 ล้านเซสชันใน 30 วัน
  4. ต้องเปิดการตั้งค่าการแชร์ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการของ Google สำหรับบัญชี Analytics ของคุณ โปรดดูคำแนะนำด้านล่าง
ดูวิธีเปิดใช้การแชร์ข้อมูล
  • ลงชื่อเข้าใช้ Google Analytics
  • ไปที่บัญชีที่คุณต้องการเปิดใช้การแชร์ข้อมูล
  • เลือกการตั้งค่าบัญชีในคอลัมน์บัญชี
  • ในส่วนการตั้งค่าการแชร์ข้อมูล ให้เลือกช่องทําเครื่องหมาย ผลิตภัณฑ์และบริการของ Google

ขั้นตอนที่ 1: เปิดใช้เป้าหมายสมาร์ท

หากข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ของคุณมีสิทธิ์ คุณเปิดใช้เป้าหมายสมาร์ทได้ด้วยการเลือกประเภทเป้าหมายของเป้าหมายสมาร์ทขณะทำตามโฟลวการตั้งค่าเป้าหมายทั่วไป

วิธีการตั้งค่าเป้าหมายสมาร์ท
  1. ลงชื่อเข้าใช้ Google Analytics
  2. คลิกผู้ดูแลระบบ แล้วไปที่ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ต้องการ
  3. คลิกเป้าหมายในคอลัมน์ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้
  4. คลิก + เป้าหมายใหม่
  5. เลือกเป้าหมายสมาร์ท (หากมี)
  6. ตั้งชื่อให้เป้าหมายสมาร์ท แล้วคลิกบันทึก

ไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดค่าหรือการปรับแต่งเพิ่มเติม (นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราเรียกฟีเจอร์นี้ว่า "เป้าหมายสมาร์ท")

หากคุณเลือกหมวดหมู่อุตสาหกรรมสำหรับพร็อพเพอร์ตี้นี้ ขั้นตอนคำอธิบายเป้าหมายจะปรากฏแตกต่างจากที่แสดงที่นี่ ไม่ต้องสนใจความแตกต่างเหล่านั้น แล้วเลือกเป้าหมายสมาร์ท

ขั้นตอนที่ 2: นำเข้าเป้าหมายสมาร์ทไปที่ Google Ads

หากต้องการใช้เป้าหมายสมาร์ทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads ก่อนอื่นคุณต้องนำเข้าเป้าหมายไปยัง Google Ads

วิธีการนำเข้าข้อมูลเป้าหมายและธุรกรรมจาก Analytics ไปที่ Google Ads
  1. หลังจากที่คุณเปิดใช้งานเป้าหมายสมาร์ทใน Analytics แล้ว ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads คลิกเครื่องมือและการตั้งค่า จากนั้นในส่วนการวัด ให้คลิก Conversion
  2. ในการกระทำที่ถือเป็น Conversion ให้คลิก +
  3. คลิกนำเข้า จากนั้นเลือกGoogle Analytics
  4. คลิกดำเนินการต่อ
  5. เลือกรายการที่คุณต้องการนำเข้า แล้วคลิกนำเข้าและดำเนินการต่อ

Google Ads จะเริ่มนำเข้าข้อมูลจากบัญชี Analytics และจะไม่รวมข้อมูลที่ผ่านมาก่อนการนำเข้า

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเข้าเป้าหมายและธุรกรรมจาก Analytics ไปที่ Google Ads

ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads โดยใช้เป้าหมายสมาร์ท

หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads โดยใช้เป้าหมายสมาร์ท เราขอแนะนำให้ใช้การเสนอราคา CPA เป้าหมาย ซึ่งเป็นกลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติที่ยืดหยุ่น นอกจากนี้ คุณยังใช้การเสนอราคา CPC ด้วยตนเอง หากต้องการจัดการราคาเสนอด้วยตนเองได้ด้วย

หลังจากที่นำเข้าเป้าหมายสมาร์ทสู่ Google Ads แล้ว ปล่อยให้เป้าหมายสมาร์ททำงานเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์เพื่อเก็บสะสมข้อมูลให้เพียงพอ จากนั้นเมื่อคุณจะเริ่มใช้เป้าหมายสมาร์ทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Google Ads ให้หารค่าใช้จ่ายโฆษณาของคุณด้วยจำนวนเป้าหมายสมาร์ทที่เสร็จสมบูรณ์ ค่าที่ได้คือราคาต่อหนึ่งการกระทำ (CPA) ซึ่งคุณนำไปตั้งค่า CPA เป้าหมายใน Google Ads ได้ตามความเหมาะสม

ตัวอย่าง:

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคุณใช้จ่ายไป $2,000 ใน Google Ads และได้รับ Conversion เป้าหมายสมาร์ท 80 รายการ ดังนั้น CPA เฉลี่ยสำหรับเซสชันเป้าหมายสมาร์ทของช่วงเวลานี้จะเท่ากับ $25 ($2,000 / 80 = $25) ต่อไปนี้เป็นราคาเฉลี่ยที่คุณจะได้รับเซสชันที่มีแนวโน้มสูงที่จะเกิด Conversion ถ้าคิดจากรูปแบบเป้าหมายสมาร์ท
ในตัวอย่างนี้ คุณควรตั้ง CPA เป้าหมายใน Google Ads เป็น $25

รายงานเป้าหมายสมาร์ท

ใช้รายงาน Conversion > เป้าหมาย > เป้าหมายสมาร์ท เป็นตัวช่วยในการดูประสิทธิภาพการทำงานของเป้าหมายสมาร์ท รายงานนี้แสดงให้เห็นว่าการเข้าชมจากเป้าหมายสมาร์ทแตกต่างจากการเข้าชมอื่นๆ อย่างไร นอกจากนี้ คุณยังรวมมิติข้อมูลเป้าหมายสมาร์ทที่สำเร็จแล้วไว้ในรายงานที่กำหนดเองได้อีกด้วย

รายงานเป้าหมายสมาร์ทแสดงให้เห็นการทำงานของเป้าหมายสมาร์ทแม้ในช่วงก่อนหน้าที่จะเปิดใช้ในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ของคุณ (ในกรณีที่คุณมีสิทธิ์ใช้เป้าหมายสมาร์ทตั้งแต่แรก) วิธีนี้ช่วยให้คุณตัดสินได้ว่าเป้าหมายสมาร์ทจะเป็นประโยชน์ต่อคุณหรือไม่ก่อนที่จะดำเนินขั้นตอนทั้งหมดข้างต้น

ทั้งรายงานเป้าหมายสมาร์ทและมิติข้อมูลเป้าหมายสมาร์ทที่สำเร็จแล้วมีให้ใช้งานได้ในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่มีสิทธิ์ใช้เป้าหมายสมาร์ทเท่านั้น

ข้อจำกัดของเป้าหมายสมาร์ท

เป้าหมายสมาร์ทมีข้อจำกัดต่อไปนี้

  • เป้าหมายสมาร์ทกำหนดค่าหรือปรับแต่งไม่ได้
  • คุณจะมีเป้าหมายสมาร์ทได้เพียง 1 รายการต่อข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้
  • เป้าหมายสมาร์ทจะใช้สูงสุด 1 จาก 20 ช่องเป้าหมายที่มี (เช่นเดียวกับเป้าหมายอื่นๆ)
  • ปัจจุบันเป้าหมายสมาร์ทใช้ได้เฉพาะในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ของเว็บไซต์เท่านั้น เป้าหมายสมาร์ทใช้ในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ของแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่ได้
  • เป้าหมายสมาร์ทใช้ไม่ได้กับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ได้รับ Hit มากกว่า 1 ล้านรายการต่อวัน
  • เป้าหมายสมาร์ทไม่รองรับ Conversion การดูผ่าน (VTC) หรือ Conversion จากหลายอุปกรณ์ใน Google Ads

เหตุใดเป้าหมายสมาร์ทจึงเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

รูปแบบเป้าหมายสมาร์ทอาจมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะๆ ในบัญชีเพื่อเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าหรือการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ เช่น หากคุณเพิ่ม Conversion ใหม่ที่มีอัตรา Conversion สูงหรือ Conversion เดิมที่มีอัตรา Conversion ที่ทำไม่สำเร็จสูงก่อนหน้านี้ คุณอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเป้าหมายสมาร์ทเมื่อโมเดลมีการปรับเปลี่ยน

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

 

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เลือกเส้นทางการเรียนรู้ของคุณเอง

โปรดไปที่ google.com/analytics/learn ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Google Analytics 4 เว็บไซต์ใหม่นี้มีทั้งวิดีโอ บทความ และขั้นตอนพร้อมคำแนะนำ รวมถึงลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Google Analytics เช่น Discord, บล็อก, ช่อง YouTube ตลอดจนที่เก็บ GitHub

เริ่มเรียนรู้วันนี้เลย

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
10244991925497122316
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
69256
false
false
false
false