เกี่ยวกับเครื่องมือเปรียบเทียบรูปแบบ

เปรียบเทียบรูปแบบการระบุแหล่งที่มาได้สูงสุด 3 รายการพร้อมกัน

เครื่องมือเปรียบเทียบรูปแบบทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบได้ว่ารูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่แตกต่างกันจะส่งผลอย่างไรต่อการให้คุณค่าแก่ช่องทางการตลาดของคุณ

ในบทความนี้ประกอบด้วย

วิธีใช้เครื่องมือเปรียบเทียบรูปแบบ

เลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มา (เช่น การโต้ตอบสุดท้าย) ในเครื่องมือ แล้วตารางจะแสดงจำนวน Conversion (หรือมูลค่า Conversion ขึ้นอยู่กับรายการที่คุณเลือก) สำหรับแต่ละแชแนล ตามที่คำนวณโดยรูปแบบนั้นๆ คุณสามารถเลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาได้สูงสุด 3 รูปแบบพร้อมกัน และเปรียบเทียบผลลัพธ์จากแต่ละรูปแบบในตาราง

เมื่อทำการประเมินประสิทธิภาพของแชแนล ให้ใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการโฆษณาและรูปแบบธุรกิจของคุณ และไม่ว่าคุณจะใช้รูปแบบไหน ให้ทดสอบสมมติฐานด้วยการทดลอง ลองเพิ่มหรือลดการลงทุนในแชแนลโดยดูจากผลลัพธ์ของรูปแบบเป็นแนวทาง แล้วลองสังเกตผลลัพธ์ของคุณในข้อมูล

สร้างรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่กำหนดเอง

นอกจากรูปแบบที่เป็นค่าเริ่มต้นแล้ว คุณยังสามารถใช้เครื่องมือเปรียบเทียบรูปแบบเพื่อสร้าง บันทึก และใช้รูปแบบที่กำหนดเองซึ่งมีกฎที่คุณเป็นผู้ระบุได้ด้วย วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถปรับแต่งรูปแบบได้อย่างเฉพาะเจาะจงตามสมมติฐานที่คุณต้องการประเมินในข้อมูลเส้นทาง Conversion ของคุณ

คุณสามารถสร้างรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่กำหนดเองได้สูงสุด 10 รายการต่อข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ วิธีสร้างรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่กำหนดเองมีดังนี้

  1. คลิกที่ตัวเลือกรูปแบบแบบเลื่อนลง แล้วเลือกสร้างรูปแบบที่กำหนดเองใหม่
  2. ป้อนชื่อสำหรับรูปแบบของคุณ
  3. ใช้เมนูแบบเลื่อนลงรูปแบบพื้นฐานเพื่อเลือกรูปแบบเริ่มต้นที่คุณต้องการใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรูปแบบที่กำหนดเอง รูปแบบพื้นฐานจะกำหนดการกระจายเครดิตให้แก่จุดติดต่อในเส้นทางก่อนที่จะมีการใช้กฎเครดิตที่กำหนดเอง คุณสามารถเลือกรูปแบบพื้นฐานเป็นเชิงเส้น การโต้ตอบแรก การโต้ตอบสุดท้าย ลดลงตามเวลา และตามตำแหน่ง
  4. (ไม่บังคับ) ตั้งกรอบเวลามองย้อนกลับเป็นเปิดเพื่อระบุช่วงเวลาตั้งแต่ 1-90 วัน
  5. (ไม่บังคับ) ตั้งปรับเครดิตสำหรับการแสดงผลเป็นเปิดเพื่อปรับการให้คุณค่ากับการแสดงผล
  6. (ไม่บังคับ) ตั้งปรับเครดิตตามการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เป็นเปิดเพื่อกระจายเครดิตอย่างเป็นสัดส่วนตามเมตริกการมีส่วนร่วม
  7. (ไม่บังคับ) ตั้งใช้กฎเครดิตที่กำหนดเองเป็นเปิดเพื่อกำหนดเงื่อนไขที่ระบุจุดติดต่อในเส้นทาง Conversion ตามลักษณะเฉพาะ เช่น ตำแหน่ง (แรก สุดท้าย ตรงกลาง สนับสนุน) และแคมเปญหรือประเภทแหล่งที่มาการเข้าชม (แคมเปญ คำหลัก และมิติข้อมูลอื่นๆ) หลังจากกำหนดจุดติดต่อที่คุณต้องการแล้ว คุณสามารถกำหนดได้ว่าจุดติดต่อเหล่านี้จะได้รับการกระจายเครดิต Conversion อย่างไรเมื่อเทียบกับจุดติดต่ออื่นๆ ดูตัวอย่างของกฎเครดิตที่กำหนดเองได้ในส่วนถัดไป
  8. คลิกปุ่มบันทึกและใช้เพื่อเริ่มใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่กำหนดเองของคุณ

โปรดทราบว่ากฎทั้งหมดนี้จะระบุการกระจายเครดิตในเชิงเปรียบเทียบเป็นจำนวนเท่า

ตัวอย่าง

ตัวอย่างเช่น รูปแบบเชิงเส้นจะแบ่งการให้เครดิตสำหรับการเกิด Conversion เท่าๆ กันแก่จุดติดต่อต่างๆ ดังนั้นในเส้นทาง Conversion ที่มีการโต้ตอบ 4 ครั้ง จุดติดต่อแต่ละจุดจะได้รับเครดิต 25% อย่างไรก็ตาม หากคุณกำหนดเครดิตเท่ากับ 2 ให้แก่แชแนลการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย และจุดติดต่อที่ 3 ในเส้นทางคือการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย เครดิตจะมีการกระจายดังนี้

1. การอ้างอิงได้รับ 20 เปอร์เซ็นต์ 2. เครือข่ายสังคมได้รับ 20 เปอร์เซ็นต์ 3. การค้นหาที่เสียค่าใช้จ่ายได้รับ 40 เปอร์เซ็นต์ 4. อีเมลได้รับ 20 เปอร์เซ็นต์

โปรดทราบว่าหากคุณสร้างกฎมากกว่า 1 กฎที่ใช้กับจุดติดต่อเดียวกัน จะมีการคูณน้ำหนักเครดิตของกฎที่ทับซ้อนกัน ในตัวอย่างข้างต้น หากมีการใช้กฎข้อที่ 2 ที่ระบุว่าการค้นหาที่มีชื่อแบรนด์จะได้รับเครดิตเป็น 0.1 เท่าของจุดติดต่อลูกค้าจุดอื่นๆ จุดติดต่อลูกค้าที่เป็นการค้นหาที่มีชื่อแบรนด์เหล่านั้นซึ่งตรงกับกฎที่กำหนดสำหรับการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่ายด้วย จะได้รับเครดิตมากกว่าจุดติดต่อลูกค้าอื่นๆ อยู่ 2 x 0.1 = 0.2 เท่า

ตัวอย่างของกฎเครดิตที่กำหนดเอง

เมื่อสร้างรูปแบบที่กำหนดเอง คุณจะต้องระบุกฎเครดิตที่กำหนดเอง ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของกฎที่คุณอาจต้องการใช้

หากคุณเห็นว่าจุดติดต่อโดยตรงเป็นลูกค้าที่ได้มาจากช่องทางการตลาดอื่นๆ อยู่แล้ว คุณก็อาจลองลดคุณค่าของแชแนลโดยตรงลง หากต้องการลดเครดิตที่ให้แก่การเข้าชมโดยตรงซึ่งเป็นจุดติดต่อสุดท้ายในเส้นทางเซสชันลงครึ่งหนึ่ง ให้สร้างกฎเครดิตที่กำหนดเองดังนี้

รวม - ตำแหน่งในเส้นทาง - ตรงทั้งหมด - สุดท้าย
และ
รวม - แหล่งที่มา - ตรงทั้งหมด - โดยตรง

เครดิต 0.5 เท่าของการโต้ตอบอื่นๆ ในเส้นทาง Conversion

หากคุณถือว่าเซสชันจากคำหลักทั่วไปมีคุณค่ามากกว่าเซสชันจากคำหลักของแบรนด์ คุณควรลดเครดิตที่ให้แก่แชแนลคำหลักของแบรนด์ เพื่อให้คุณค่าแก่แชแนลในช่องทางที่ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของคุณได้อย่างเหมาะสม หากต้องการลดเครดิตที่ให้แก่ข้อความค้นหาที่มีแบรนด์หรือข้อความค้นหาที่นำทางในตำแหน่งใดๆ ในเส้นทางลงครึ่งหนึ่ง ให้ระบุคำหลักหรือใช้นิพจน์ทั่วไปในการระบุ [คำที่เป็นชื่อแบรนด์]

รวม - คำหลัก - ที่มี [คำที่เป็นชื่อแบรนด์]

เครดิต 0.5 เท่าของการโต้ตอบอื่นๆ ในเส้นทาง Conversion

หากไม่ต้องการให้เครดิตแก่เซสชันในเส้นทางที่ทำให้เกิดการตีกลับเลย ให้ทำดังนี้

รวม - การเข้าชมที่ตีกลับ - ตรงทั้งหมด - ใช่

เครดิต 0 เท่าของการโต้ตอบอื่นๆ ในเส้นทาง Conversion

แชร์รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่กำหนดเอง

เมื่อคุณได้สร้างและบันทึกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่กำหนดเองแล้ว คุณสามารถแชร์รูปแบบนั้นกับผู้อื่นได้โดยตรงหรือจะแชร์ในแหล่งรวมโซลูชันก็ได้

ในการแชร์รูปแบบที่กำหนดเอง ให้เปิดเครื่องมือเปรียบเทียบแหล่งที่มา ในตัวเลือกรูปแบบแบบเลื่อนลง ให้ไปที่ส่วนรูปแบบที่กำหนดเอง แล้วคลิกที่ไอคอนแชร์ Click the share icon to share the Custom Model with others. ถัดจากรูปแบบที่กำหนดเองที่คุณต้องการแชร์ เลือกประเภทการแชร์เป็นแชร์ลิงก์เทมเพลตหรือแชร์ในแหล่งรวมโซลูชัน คลิกแชร์

ระบบจะเปิดเผยเฉพาะข้อมูลการกำหนดค่าเท่านั้น ข้อมูลของคุณจะยังคงเป็นความลับ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแชร์เนื้อหา รวมถึงวิธีแชร์รูปแบบที่กำหนดเองหลายแบบพร้อมกัน

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่เป็นค่าเริ่มต้น

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เลือกเส้นทางการเรียนรู้ของคุณเอง

โปรดไปที่ google.com/analytics/learn ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Google Analytics 4 เว็บไซต์ใหม่นี้มีทั้งวิดีโอ บทความ และขั้นตอนพร้อมคำแนะนำ รวมถึงลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Google Analytics เช่น Discord, บล็อก, ช่อง YouTube ตลอดจนที่เก็บ GitHub

เริ่มเรียนรู้วันนี้เลย

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
1571056414518245055
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
69256
false
false