ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานคือระดับในบัญชี Google Analytics ที่คุณเข้าถึงรายงานและเครื่องมือวิเคราะห์ได้
Analytics จะสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่มีตัวกรองขึ้น 1 รายการสำหรับแต่ละพร็อพเพอร์ตี้ในบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณสามารถสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้หลายรายการในพร็อพเพอร์ตี้หนึ่งๆ เองได้ ข้อมูลใดก็ตามที่คุณส่งไปยังพร็อพเพอร์ตี้ Analytics จะปรากฏในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับพร็อพเพอร์ตี้นั้นโดยอัตโนมัติ เช่น หากคุณรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ 2 แห่งแล้วส่งไปยังพร็อพเพอร์ตี้หนึ่ง ข้อมูลจากเว็บไซต์ทั้งสองจะปรากฏในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานทั้งหมดในพร็อพเพอร์ตี้นั้น ข้อมูลจากเว็บไซต์และแอปก็เช่นเดียวกัน หากคุณรวบรวมข้อมูลจากแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และจากเว็บไซต์ และหาก SDK กับโค้ดติดตามของคุณส่งข้อมูลไปยังพร็อพเพอร์ตี้หนึ่งในบัญชี Analytics ข้อมูลทั้งหมด (ทั้ง Hit ในเว็บไซต์และแอป) จะแสดงในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับพร็อพเพอร์ตี้นั้น
คุณสามารถใช้ตัวกรองในการปรับแต่งข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เพื่อดูเฉพาะข้อมูลชุดที่ต้องการในรายงานได้ เช่น คุณอาจมีข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้รายการหนึ่งที่กรองการเข้าชมภายในทั้งหมดออก และอีกรายการหนึ่งที่มีเฉพาะกิจกรรมจากไดเรกทอรีหรือโดเมนย่อยของเว็บไซต์ที่เจาะจงเท่านั้น หากส่งข้อมูลจากเว็บและแอปไปยังพร็อพเพอร์ตี้เดียวกัน คุณควรใช้ตัวกรองเพื่อยกเว้นไม่ให้แสดงข้อมูลจากเว็บหรือแอปในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ ระบบจะนำเครื่องมือการรายงานอื่นๆ ของ Analytics เช่น เป้าหมาย กลุ่ม และการแจ้งเตือนมาใช้กับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แต่ละรายการทั้งหมด คุณยังสามารถจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้ในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้บางรายการเพื่อให้ควบคุมการดูข้อมูลของบุคคลต่างๆ ได้อีกด้วย
ไม่ควรลบหรือเพิ่มตัวกรองลงในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เริ่มแรก หากคุณลบข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ใด มุมมองข้อมูลย้อนหลังก็จะหายไปด้วย เมื่อคุณเพิ่มตัวกรองลงในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ ข้อมูลที่คุณยกเว้นจะใช้งานไม่ได้ หากต้องการรักษาข้อมูลเริ่มแรกทั้งหมดของคุณเอาไว้และควบคุมมุมมองเฉพาะของข้อมูลนั้น ให้สร้างสำเนาของข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เริ่มแรกหรือสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้อื่นเพิ่มเติม แล้วปรับแต่งให้ตรงกับเป้าหมายการรายงาน
ความแตกต่างระหว่างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เว็บไซต์และข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แอป
ในขณะที่สร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ คุณสามารถเลือกได้ระหว่างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แอปและข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เว็บ ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 ประเภทนี้จะให้ข้อมูลการวิเคราะห์ที่เหมือนกันโดยมีข้อแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย
ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 ประเภทแสดงข้อมูลที่คุณส่งไปยังพร็อพเพอร์ตี้ได้โดยไม่คำนึงถึงวิธีการรวบรวม Hit เหล่านั้น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถดูข้อมูลเว็บในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แอปและข้อมูลแอปในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เว็บ
หากคุณรวบรวมและส่งข้อมูลเพียงประเภทเดียวไปยัง Google เราขอแนะนำให้ใช้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่จะให้ข้อมูลการวิเคราะห์ที่ดีที่สุด เช่น หากรวบรวมข้อมูลจากแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างเดียว ให้เลือกแอปเมื่อสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ และหากรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเดียว ก็ให้เลือกเว็บไซต์