ตัวอย่างในบทความนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายรีมาร์เก็ตติ้งที่ดีโดยทั่วไป
บทความนี้ประกอบด้วยผู้ใช้ที่ออกจาก Funnel
ตัวอย่าง Funnel
หน้าหมวดหมู่ > หน้าผลิตภัณฑ์ > หน้ารถเข็น > หน้าชำระเงิน
ดึงดูดผู้ใช้ให้กลับมาในที่ที่พวกเขาออกจาก Conversion Funnel อีกครั้ง
สร้างกลุ่มเป้าหมายแยกต่างหากสำหรับ Funnel ในแต่ละขั้นตอนโดยการรวมผู้ใช้ที่ออกจาก Funnel ที่ขั้นตอนนั้นๆ และยกเว้นผู้ใช้ที่ออกจาก Funnel ที่ขั้นตอนหลังจากนั้น
ตัวอย่างเช่น หากต้องการสร้างกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ใช้ที่ออกจาก Funnel ที่หน้าผลิตภัณฑ์ ให้ทำดังนี้
- รวมผู้ใช้ที่ดูหน้าหมวดหมู่ (เช่น Apparel/Mens+T+Shirts) และหน้าผลิตภัณฑ์ (เช่น G+Logo+White+T-Shirt)
- ยกเว้นผู้ใช้ที่ดูหน้ารถเข็นและหน้าชำระเงิน
กลุ่มเป้าหมายนี้รวมผู้ใช้ที่แสดงความสนใจเสื้อยืดลายโลโก้ แต่ไม่ได้ซื้อ คุณรีมาร์เก็ตผู้ใช้เหล่านี้ได้ด้วยโฆษณาสำหรับเสื้อยืดนั้นโดยเฉพาะ (เครื่องช่วยเตือนเรื่องเสื้อ ส่วนลดค่าเสื้อ ฯลฯ) หรือด้วยโฆษณาที่มีสินค้าคล้ายกัน
ผู้ใช้ที่ละทิ้งรายการสินค้าในรถเข็นช็อปปิ้ง
ผู้ใช้ที่เพิ่มสินค้าลงในรถเข็นช็อปปิ้งแสดงว่ามีความตั้งใจที่จะซื้อไม่น้อย โดยอาจได้ลองเพิ่มสินค้าที่เหมือนหรือคล้ายๆ กันลงในรถเข็นของหลายๆ ไซต์เพื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย (เช่น สินค้าบวกค่าส่ง) หรืออาจพบสิ่งอื่นที่ดึงดูดความสนใจไปจากหน้าจอระหว่างที่ยังไม่ได้ทำการซื้อให้เสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากผู้ใช้เหล่านี้มาได้ไกลแล้วใน Conversion Funnel จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้ง ในแคมเปญดังกล่าว คุณอาจใช้สิ่งจูงใจเล็กๆ น้อยๆ ช่วยผลักดันให้เกิดการซื้อ เช่น การลดหรืองดเว้นค่าจัดส่ง หรือส่วนลดสำหรับสินค้าในรถเข็นของพวกเขา
สร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีผู้ใช้ซึ่งดูหน้ารถเข็น และยกเว้นผู้ใช้ที่ดูหน้าขอบคุณหรือการยืนยันคำสั่งซื้อ
คุณนำผู้ใช้ที่ถูกยกเว้นกลับเข้ามาในกลุ่มเป้าหมายได้หากพวกเขาเสร็จสิ้นการซื้อ 1 รายการแล้ว แต่ละทิ้งรถเข็นในระหว่างเซสชันที่เกิดขึ้นตามมา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเว้นผู้ใช้จากกลุ่มเป้าหมายโดยชั่วคราวหรือถาวร
ผู้ใช้ที่ค้นหาไซต์แต่ไม่ได้ทำให้เกิด Conversion
กำหนดค่ากลุ่มเป้าหมายให้รวมรายการที่ไม่มี Conversion (เช่น มีเป้าหมายที่สำเร็จ ธุรกรรม หรือรายได้เป็น 0) และมีการป้อนข้อความลงในช่องค้นหา (ในกรณีนี้ก็คือการมีสตริงในช่องค้นหา)
หากสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหาตรงกับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะตรงเผงหรือมีส่วนที่ตรงอยู่ คุณก็มีโอกาสที่จะใช้ความสนใจนั้นให้เป็นประโยชน์ คุณอาจติดตามเพื่อผลักดันให้เกิดการซื้อด้วยโฆษณาที่เน้นสินค้าที่ผู้ใช้ค้นหา หรือเน้นสินค้าใกล้เคียงที่อาจเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้
ผู้ใช้ที่ดูหน้าเว็บในไดเรกทอรี
หากต้องการระบุไดเรกทอรีหน้าเว็บ ให้ใช้ชื่อไดเรกทอรีนั้น เช่น /Men/ หรือ /Women/
หากผู้ใช้ดูหลายหน้าเว็บในไดเรกทอรีเดียวกันโดยไม่ได้ใช้เวลาเป็นพิเศษกับหน้าไหน แสดงว่าผู้ใช้อาจกำลังศึกษาผลิตภัณฑ์กลุ่มนั้นในภาพกว้างเพื่อดูว่าคุณมีสินค้าอะไรบ้าง หรือกำลังไล่ดูสินค้าแต่ไม่พบสิ่งที่สนใจจริงๆ คุณดึงความสนใจผู้ใช้เหล่านี้กลับมาได้ด้วยการย้ำเตือนโปรโมชันลดราคา ข้อเสนอส่วนลด หรือโฆษณาที่แสดงสินค้าใหม่ๆ
ผู้ใช้ที่ดูหน้าเว็บหนึ่งๆ
สมมติว่าแต่ละหน้ามีชื่อหน้าเฉพาะ คุณใช้ชื่อหน้าในเงื่อนไข
หากหน้าผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ มีผู้เข้าชมมาก แต่มีอัตรา Conversion ต่ำกว่าที่คุณคาดหมาย คุณอาจต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือให้ข้อมูลที่จูงใจผู้ใช้ยิ่งกว่าเดิม หรืออาจต้องลองสำรวจดูว่าราคาของคุณพอสู้กับคู่แข่งได้ไหม ตัวอย่างเช่น หากผลิตภัณฑ์นั้นเป็นตัวใหม่ในท้องตลาด คุณอาจต้องใช้ข้อความโฆษณาและรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพื่อบรรยายให้ผู้ใช้ที่ไม่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์มาก่อนเข้าใจได้ หากข้อมูลของผลิตภัณฑ์ไม่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้มากพอในตอนที่พวกเขาเห็นหน้าเว็บนั้นๆ เป็นครั้งแรก คุณก็อัปเดตข้อความโฆษณาและรายละเอียดผลิตภัณฑ์ แล้วทำการรีมาร์เก็ตติ้งต่อผู้ใช้เหล่านั้นด้วยโฆษณาที่มีข้อมูลใหม่ได้ หากคุณพบว่าราคาของตนเองสู้กับคู่แข่งไม่ได้ คุณก็กำหนดราคาใหม่ได้ แล้วทำแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งที่เน้นราคาใหม่ของผลิตภัณฑ์
ผู้ใช้ที่ทำให้เกิด Conversion
สร้างกลุ่มเป้าหมายนี้ขึ้นเพื่อระบุผู้ใช้ที่เคยทำให้เป้าหมายหรือธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์แล้ว สร้างตัวกรองเพื่อระบุผู้ใช้ที่มีเป้าหมายที่สำเร็จ ธุรกรรม หรือรายได้ที่มากกว่า 0
แม้ว่าผู้ใช้ที่ทำให้เกิด Conversion จะเป็นหมวดหมู่ที่กว้าง แต่ผู้ใช้เหล่านั้นก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิด Conversion เพิ่มเติม ธุรกิจที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการซึ่งผู้คนมักจะกลับมาซื้อซ้ำๆ (เช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง) พบว่าผู้ใช้ที่ทำ Conversion บ่อยในช่วงแรกๆ ของการเป็นลูกค้านั้น สุดท้ายแล้วก็เป็นผู้ใช้ที่มีมูลค่าสูงเมื่อดูจากภาพรวมตลอดช่วงที่เป็นลูกค้า ตัวอย่างเช่น หากคุณดึงดูดให้ผู้ใช้รายหนึ่งทำ Conversion ถึง 4 หรือ 5 ครั้งในเดือนแรกได้ ผู้ใช้นั้นจะใช้บริการธุรกิจคุณมากกว่าและมีช่วงเวลาการเป็นลูกค้าที่ยาวกว่าและมูลค่าสูงกว่า เมื่อเทียบกับผู้ใช้ที่ทำ Conversion 4 หรือ 5 ครั้งในปีแรก
การทำรีมาร์เก็ตติ้งต่อผู้ใช้คนใดก็ได้ที่เคยทำ Conversion เป็นการเหวี่ยงแหกว้างๆ และผลักดันความสนใจในปัจจุบันให้ดำเนินต่อไปหรือกระตุ้นความสนใจในอดีตให้เกิดขึ้นมาใหม่ หากต้องการเน้นทำรีมาร์เก็ตติ้งต่อผู้ใช้ที่ทำ Conversion บ่อยอยู่แล้ว ณ ปัจจุบัน คุณใช้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายต่อไปนี้ได้ ซึ่งเน้นผู้ใช้มูลค่าสูงและเข้าหาผู้ใช้เดิมโดยดูจากความใหม่ ความถี่ และมูลค่า Conversion
ผู้ใช้ที่มีมูลค่าสูง
ผู้ใช้ที่เกิด Conversion เมื่อเร็วๆ นี้ ที่เกิด Conversion บ่อย และที่สร้าง Conversion มูลค่าสูง เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้ง เนื่องจากพวกเขามีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการแล้ว และคุณต้องการดูแลให้พวกเขามีส่วนร่วมอยู่ตลอดโดยการเตือนความจำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งดูเมื่อเร็วๆ นี้แต่ยังไม่ได้ซื้อ โดยการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไปแล้ว หรือโดยการแนะนำสายผลิตภัณฑ์ใหม่
คุณใช้ชุดค่าผสมของตัวกรองพฤติกรรม วันที่ของเซสชันแรก และอีคอมเมิร์ซเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ ตัวอย่างนี้ใช้ตัวกรองพฤติกรรม วันที่ของเซสชันแรก และอีคอมเมิร์ซเพื่อระบุผู้ใช้ที่เข้าชมอย่างน้อย 3 ครั้ง ซื้ออย่างน้อย 1 ครั้งในเดือนนี้ ใช้จ่ายอย่างน้อย 1,500 บาท และผู้ที่ซื้อสินค้าในหมวดหมู่ "เสื้อผ้าชั้นนอก"
ตัวกรองพฤติกรรมจะระบุจำนวนขั้นต่ำของเซสชัน (3) และจำนวนขั้นต่ำของการทำธุรกรรม (1) ดังนี้
ตัวกรองวันที่ของเซสชันแรกจะระบุกรอบเวลาสำหรับการเริ่มต้นทำงานของเซสชัน (ในกรณีนี้คือวันแรกของเดือน นั่นคือ 1 ธันวาคม) ดังนี้
ตัวกรองอีคอมเมิร์ซจะระบุจำนวนรายได้ขั้นต่ำ (50) และหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ (outerwear) ดังนี้
การอ้างอิงจากเงื่อนไขที่ใช้กันทั่วไป
| กลุ่มเป้าหมาย | เงื่อนไข |
|---|---|
| ผู้ใช้ที่ใช้จ่ายสูงกว่า/ต่ำกว่า $N | (รายได้ < หรือ > N) |
| ผู้ใช้ที่มีอย่างน้อย N เซสชัน | จำนวนเซสชันมากกว่าหรือเท่ากับ N) |
| ผู้ใช้ที่มาจากโฆษณาก่อน แล้วจึงมาจากการค้นหา | (ขั้นที่ 1: สื่อ = CPC; ตามด้วย ขั้นที่ 2: สื่อ = การค้นหาทั่วไป) |
