บทความนี้มีไว้สําหรับผู้ที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์หรือแอปอีคอมเมิร์ซและกำลังพิจารณาตั้งค่าการวัดอีคอมเมิร์ซของ Google Analytics
ภาพรวม
เว็บไซต์หรือแอปอีคอมเมิร์ซคือร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่ลูกค้าทางออนไลน์ ซึ่งโดยปกติจะแสดงและอธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ และรับการชำระเงินและการคืนสินค้า
การวัดอีคอมเมิร์ซใน Google Analytics ช่วยให้คุณรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่ลูกค้าโต้ตอบกับร้านค้าอีคอมเมิร์ซได้ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องตั้งค่าเหตุการณ์อีคอมเมิร์ซในเว็บไซต์หรือแอปเพื่อเริ่มต้นใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดค่าเพิ่มเติม
เมื่อตั้งค่าแล้ว โดยปกติคุณจะเริ่มเห็นข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้ดู ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ และวิธีเลือกซื้อภายใน 24-48 ชั่วโมงนับจากเวลาที่ผู้ใช้เริ่มใช้เว็บไซต์หรือแอปที่ติดแท็ก
ประโยชน์
การวัดผลอีคอมเมิร์ซช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าชอบ ประสิทธิภาพของการตลาด รวมถึงวิธีปรับปรุงร้านค้าออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายและการมีส่วนร่วม ตัวอย่างเช่น การใช้เหตุการณ์อีคอมเมิร์ซจะช่วยให้คุณทราบว่าสีใดได้รับความนิยมสูงสุด มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยคือเท่าไร และโปรโมชันหนึ่งๆ ช่วยเพิ่มการซื้อหรือไม่
เมื่อรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์อีคอมเมิร์ซ นอกเหนือจากการใช้ข้อมูลในรายงานแล้ว คุณยังสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในกลุ่มเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์ผู้ใช้กลุ่มต่างๆ และส่งออกข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มโฆษณา เช่น Google Ads เพื่อให้แสดงโฆษณาที่อิงตามข้อมูลได้มากขึ้น
การตั้งค่าอีคอมเมิร์ซ
การตั้งค่าการวัดอีคอมเมิร์ซไม่ซับซ้อน โดยจะขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณสร้างเว็บไซต์หรือแอป
-
เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ (เช่น Shopify หรือ WooCommerce): เครื่องมือสร้างเว็บไซต์เป็นแอปพลิเคชันบนเว็บที่ใช้สร้างและออกแบบเว็บไซต์ด้วยเทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้าและตัวเลือกการปรับแต่งต่างๆ เครื่องมือนี้มักจะสร้างเหตุการณ์อีคอมเมิร์ซไว้ในโค้ดของเว็บไซต์ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปใช้สําหรับข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าได้ทันที หากต้องการความช่วยเหลือ โปรดดูเอกสารประกอบของเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่คุณใช้เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในโค้ดของเว็บไซต์ เช่น
-
เว็บไซต์หรือแอปบนมือถือที่สร้างเอง หรือฟังก์ชันการทำงานเสริมจากเครื่องมือสร้างเว็บไซต์: หากสร้างเว็บไซต์หรือแอปเองหรือต้องการฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซมากกว่าที่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีให้ คุณจะต้องตั้งค่าเหตุการณ์อีคอมเมิร์ซด้วยตนเอง โดยกําหนดผลิตภัณฑ์หรือบริการแต่ละรายการที่ขาย และตรวจสอบว่าเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ในตําแหน่งที่เหมาะสมและทริกเกอร์ในเว็บไซต์หรือแอปอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ เราได้สร้างแหล่งข้อมูลพร้อมตัวอย่างเหตุการณ์อีคอมเมิร์ซที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะต้องใช้ในการตั้งค่า รวมถึงวิธีการตั้งค่าในเว็บไซต์หรือแอปไว้ให้เพื่อช่วยคุณ
การรองรับมิติข้อมูลอีคอมเมิร์ซ
คุณรวบรวมข้อมูลอีคอมเมิร์ซในการรายงานของ Google Analytics ได้โดยตรง
- ความพร้อมใช้งานของมิติข้อมูล: คุณสามารถเลือกมิติข้อมูลอีคอมเมิร์ซเริ่มต้นและที่กําหนดเองในหมวดหมู่อีคอมเมิร์ซภายในเครื่องมือเลือกมิติข้อมูลสําหรับมิติข้อมูลรอง ตัวกรอง การเปรียบเทียบ และการปรับแต่ง ซึ่งช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลอีคอมเมิร์ซได้อย่างยืดหยุ่น
- ความเข้ากันได้:
- สําหรับตัวกรอง การเปรียบเทียบ และเครื่องมือเลือกการปรับแต่ง มิติข้อมูลอีคอมเมิร์ซที่เข้ากันไม่ได้จะแสดงอยู่ด้วย
- สําหรับมิติข้อมูลรอง มิติข้อมูลอีคอมเมิร์ซที่เข้ากันไม่ได้จะเป็นสีเทา
- ระบบจะปิดใช้การเปรียบเทียบที่มีอยู่ซึ่งใช้มิติข้อมูลระดับสินค้าเมื่อผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้รายงานที่มีแนวคิดที่เข้ากันไม่ได้
- การรองรับประเภทการจับคู่: คุณใช้การจับคู่ประเภทใดก็ได้ที่มีให้เมื่อกรองหรือทำการเปรียบเทียบและการปรับแต่งโดยใช้มิติข้อมูลอีคอมเมิร์ซ ตราบใดที่รายงานอยู่ในระดับสินค้าทั้งหมด