เรากำลังรวมวิธีให้คำจำกัดความของ Conversion เพื่อมอบประสบการณ์การวัดและรายงาน Conversion ใน Google Ads และ Analytics ที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์สําคัญที่ทําเครื่องหมายเป็น Conversion ใน Analytics จะได้รับการวัดที่แตกต่างจากวิธีวัด Conversion ของ Google Ads จึงทําให้เกิดความคลาดเคลื่อนระหว่าง Google Ads กับ Analytics
นับจากนี้ไป เหตุการณ์ที่วัดการดำเนินการที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจของคุณจะเรียกว่า "เหตุการณ์สำคัญ" และคุณสามารถใช้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจากเหตุการณ์สำคัญเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ในเว็บไซต์และแอปได้
ตอนนี้ "Conversion" หมายถึงการกระทำสำคัญที่คุณต้องการนำไปใช้วัดประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์การเสนอราคาของคุณ ซึ่งการปรับคำจำกัดความของ "Conversion" ให้สอดคล้องกันทั้งใน Google Ads และ Analytics ทำให้ดูเมตริกประสิทธิภาพตาม Conversion ที่สอดคล้องกันทั้งในรายงาน Google Ads และ Analytics ได้เป็นครั้งแรก
ดูวิดีโอ: วิดีโอนี้อธิบายการอัปเดต Conversion ใน Google Analytics รวมถึงบริบทเบื้องหลังบางส่วนและคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง อ่านข้อความถอดเสียงของวิดีโอที่แปลแล้ว
สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา
เหตุการณ์สำคัญ
เหตุการณ์สำคัญคือเหตุการณ์ซึ่งวัดการดำเนินการที่มีความสําคัญอย่างยิ่งต่อความสําเร็จของธุรกิจ เมื่อมีผู้ทำให้เกิดเหตุการณ์ด้วยการดำเนินการดังกล่าว ระบบจะบันทึกเหตุการณ์สำคัญไว้ใน Google Analytics และแสดงในรายงาน Google Analytics
เหตุการณ์ใดก็ตามที่คุณรวบรวมสามารถเป็นเหตุการณ์สำคัญได้ หากต้องการวัดเหตุการณ์สำคัญ ให้สร้างหรือระบุเหตุการณ์ที่วัดการกระทํา แล้วทําเครื่องหมายเหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญ หลังจากทําเครื่องหมายแล้ว คุณจะดูจํานวนผู้ใช้ที่ดําเนินการและประเมินประสิทธิภาพทางการตลาดในช่องทางทั้งหมดที่ทำให้ผู้ใช้ดําเนินการนั้นได้
ขั้นตอนต่อไปนี้แสดงวิธีทําเครื่องหมายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์สำคัญ กล่าวโดยย่อคือ หากเหตุการณ์มีความสําคัญต่อความสําเร็จของธุรกิจ คุณสามารถทําเครื่องหมายเหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญใน Analytics ได้
เหตุการณ์ → เหตุการณ์สําคัญ
ตัวอย่าง
สิ่งที่ควรทราบเมื่อผู้ใช้เลื่อนหน้าการสร้างลูกค้าเป้าหมายในเว็บไซต์ถึง 90% เมื่อผู้ใช้เลื่อนดูหน้าเว็บ 90% คุณจะทราบว่าผู้ใช้อ่านหน้าเว็บและดูแบบฟอร์มลงชื่อสมัครใช้แล้ว ในตัวอย่างนี้ คุณระบุเหตุการณ์ "scroll" ในหน้าเหตุการณ์สําคัญในส่วนผู้ดูแลระบบได้ จากนั้นทําเครื่องหมายเป็นเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับรายงานเชิงพฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นConversion
A conversion is created in Google Ads from a Google Analytics key event and provides a consistent way of measuring important actions in both Google Analytics and Google Ads. A conversion helps you improve your marketing strategy by providing consistent conversion counts across platforms so you can understand and optimize your ad campaigns. Unlike key events, conversions are eligible for bidding and reporting in Google Ads.
To create a conversion, identify an key event that measures the important interaction and then in Google Ads, create a new conversion that's based on the Google Analytics key event. After you create the conversion in Google Ads, the conversion data is shared between Google Ads and Google Analytics so you're viewing the same data across platforms.
The following flow shows how to create a Google Ads conversion from a Google Analytics key event. In short, if an event is important to your business's success, you can mark the event as a key event in Analytics. Then, if the key event is important for optimizing ad campaigns and measuring their performance, create a conversion in Google Ads from the Analytics key event.
Event → Key Event → Conversion
Example
In addition to marking the 'scroll' event as a key event, you want to mark the 'generate_lead' event as a key event. While you could use the 'scroll' event to inform your Google Ads strategy, you may want to use the 'generate_lead' event instead because the 'generate_lead' event will inform you of when users complete the sign-up form on the lead-generation page, not just when they scroll through the form.
After you mark the 'generate_lead' event as a key event, you can create a Google Ads conversion based on the Google Analytics key event to optimize your marketing strategy. When you create the Google Ads conversion, a conversion is also created in Google Analytics and shared between the two platforms.
สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้
คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ กับการตั้งค่าที่มีอยู่เดิม ระบบจะสร้างและรายงานเหตุการณ์สําคัญในลักษณะเดียวกับ Conversion เดิมใน Google Analytics ซึ่งช่วยให้คุณเน้นเหตุการณ์ที่สําคัญต่อธุรกิจต่อไปได้ และเมื่อต้องการระบุว่าเหตุการณ์หนึ่งๆ มีความสําคัญต่อธุรกิจ ตอนนี้คุณทําเครื่องหมายเหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญได้แล้ว
หากก่อนหน้านี้คุณส่งออก Conversion เดิมจาก Google Analytics ไปยัง Google Ads เพื่อการเสนอราคา คุณก็ไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนแปลง Conversion ที่มีอยู่ซึ่งส่งออกไปยัง Google Ads และไม่จําเป็นต้องอัปเดตการตั้งค่าการเสนอราคาแต่อย่างใด
นับจากนี้ไป หากคุณมีบัญชี Google Ads ที่ลิงก์อยู่ Conversion ของ Google Ads ที่สร้างจากเหตุการณ์สำคัญของ Analytics จะปรากฏเป็น Conversion ในส่วนการโฆษณาใน Google Analytics
หากต้องการสร้าง Conversion ใหม่ของ Google Ads ในอนาคต ตอนนี้คุณต้องสร้าง Conversion โดยอิงตามเหตุการณ์สำคัญของ Google Analytics ภายใน Google Ads
คุณยังคงเข้าถึงข้อมูลประวัติ Conversion ในฐานะข้อมูลเหตุการณ์สำคัญได้ต่อไป จึงทำให้ดูการเปรียบเทียบกับปีก่อนต่อได้ อย่างไรก็ตาม Conversion ของ Google Ads ที่แชร์กับ Google Analytics ไม่มีข้อมูลย้อนหลังที่เชื่อมโยงอยู่
คำถามที่พบบ่อย
เหตุใด Conversion จึงเปลี่ยนชื่อเป็นเหตุการณ์สําคัญ
เราได้ปรับวิธีให้คำจำกัดความคำว่า "Conversion" ระหว่าง Google Ads กับ Analytics ให้สอดคล้องกันเพื่อให้วัดประสิทธิภาพของแคมเปญ Google Ads ในทั้ง 2 แพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น ตอนนี้ การอัปเดตนี้จะช่วยให้คุณดูเมตริกประสิทธิภาพของ Google Ads เดียวกันได้ไม่ว่าจะดูรายงานใน Google Ads หรือ Google Analytics
นอกจากนี้แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้ยังนําความสามารถในการรายงานขั้นสูงมาสู่ Google Analytics 4 ด้วย คุณจึงวัดประสิทธิภาพของ Google Ads ภายใน Google Analytics ได้โดยตรง
สุดท้าย เราเริ่มใช้คำว่า "เหตุการณ์สำคัญ" เพื่อให้คุณปรับปรุงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของผู้ใช้ต่อไปได้โดยอิงตามการดำเนินการที่สำคัญต่อธุรกิจของคุณมากที่สุด
เหตุการณ์สําคัญและ Conversion ใช้การตั้งค่าการระบุแหล่งที่มาเดียวกันหรือไม่
คุณดูการตั้งค่าการระบุแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญ (เดิมเรียกว่า Conversion) ได้ในหน้าการตั้งค่าการระบุแหล่งที่มาในส่วนผู้ดูแลระบบ จากที่นี่ คุณจะเปลี่ยนรูปแบบการระบุแหล่งที่มาของการรายงานและกรอบเวลามองย้อนกลับของเหตุการณ์สำคัญได้
- รูปแบบการระบุแหล่งที่มาของการรายงานจะส่งผลต่อวิธีให้เครดิตเหตุการณ์สำคัญในรายงานด้านพฤติกรรมและรายงานประสิทธิภาพ
- กรอบเวลามองย้อนกลับของเหตุการณ์สำคัญจะเป็นตัวกำหนดระยะเวลาย้อนกลับที่การโต้ตอบมีสิทธิ์ได้รับเครดิตการระบุแหล่งที่มา
การอัปเดตนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนวิธีรายงาน Conversion ใน Google Analytics ได้ในส่วนแชแนลที่สามารถรับเครดิตของหน้าการตั้งค่าการระบุแหล่งที่มา จากที่นี่ คุณเลือกได้ว่าจะให้รวม Conversion จากแหล่งที่มาแบบมีค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไปไว้ในรายงาน Google Analytics หรือไม่ หรือต้องการดูเฉพาะ Conversion จาก Google Ads ในรายงาน Google Analytics
คุณสร้าง Conversion ของ Google Ads จากเหตุการณ์สําคัญของ Google Analytics อย่างไร
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้องการเสนอราคาตามข้อมูล Conversion เดิม คุณสามารถนําเข้า Conversion เดิมไปยัง Google Ads เพื่อใช้ในการรายงานและการเสนอราคาใน Google Ads
นับจากนี้ไป คุณสามารถสร้าง Conversion ของ Google Ads โดยอิงตามเหตุการณ์สําคัญของ Google Analytics ในบัญชี Google Ads สําหรับเหตุการณ์สำคัญแต่ละรายการ คุณจะสร้าง Conversion ที่เกิดในเว็บและ Conversion ของแอปได้อย่างละ 1 รายการในบัญชี Google Ads ที่ลิงก์แต่ละบัญชี
ตัวอย่างเช่น หากคุณทําเครื่องหมายเหตุการณ์ "generate_lead" เป็นเหตุการณ์สําคัญ และตัดสินใจที่จะสร้าง Conversion ที่เกิดในเว็บและ Conversion ของแอปในบัญชี Google Ads ที่ลิงก์ 4 บัญชี คุณจะสร้าง Conversion 8 รายการในบัญชีที่ลิงก์ 4 บัญชีโดยอิงตามเหตุการณ์สำคัญ "generate_lead" ได้