Google ใช้การประมาณเพื่อคาดการณ์เหตุการณ์สำคัญทางออนไลน์ที่ไม่อาจสังเกตได้โดยตรง การประมาณช่วยในการระบุแหล่งที่มาได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องระบุตัวผู้ใช้ (เช่น เนื่องจากความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ข้อจำกัดทางเทคนิค หรือเมื่อผู้ใช้สลับใช้งานหลายอุปกรณ์) การรวมเหตุการณ์สำคัญโดยประมาณจะช่วยให้ Google นำเสนอการรายงานได้แม่นยํามากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการโฆษณา และปรับปรุงการเสนอราคาอัตโนมัติได้
เมื่อดูรายงาน Google Analytics โปรดทราบว่าข้อมูล Conversion ที่มีการระบุแหล่งที่มาของแต่ละแชแนลจะยังคงอัปเดตได้ต่อถึง 12 วันหลังจากบันทึก Conversion แล้ว (เนื่องจาก Analytics กําลังประมวลผลข้อมูลนั้นและนำไปใช้ฝึกโมเดล) ดังนั้น โปรดเลือกช่วงวันที่ก่อนหรือหลังสัปดาห์ก่อนหน้าเพื่อให้ข้อมูลแม่นยำมากขึ้น
วิธีการทํางานของเหตุการณ์สําคัญโดยประมาณ
โมเดลของ Google จะมองหาแนวโน้มระหว่างเหตุการณ์สำคัญที่สังเกตได้โดยตรงกับที่สังเกตไม่ได้ เช่น หากเหตุการณ์สำคัญที่มาจากเบราว์เซอร์หนึ่งคล้ายกับเหตุการณ์สำคัญที่ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาจากเบราว์เซอร์อื่น โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงจะคาดการณ์การระบุแหล่งที่มาในภาพรวม ระบบจะรวบรวมเหตุการณ์สําคัญจากการคาดการณ์นี้เพื่อให้มีทั้งเหตุการณ์สําคัญโดยประมาณและที่สังเกตได้
วิธีการประมาณเหตุการณ์สำคัญของ Google
ตรวจสอบความถูกต้องและแจ้งการเปลี่ยนแปลง
Holdback Validation (แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับแมชชีนเลิร์นนิง) จะช่วยให้โมเดลของ Google ทำงานอย่างถูกต้องแม่นยำ ระบบจะเปรียบเทียบเหตุการณ์สําคัญโดยประมาณกับเหตุการณ์สําคัญที่สังเกตได้ซึ่งมีการยกเว้น และจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อปรับแต่งโมเดล Google จะแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อข้อมูลของคุณ
หมั่นรายงานอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ
ระบบจะรวมเหตุการณ์สําคัญโดยประมาณเมื่อมั่นใจว่ามีคุณภาพเท่านั้น หากมีการเข้าชมไม่เพียงพอที่จะแจ้งแก่โมเดล ระบบจะไม่รายงานเหตุการณ์สำคัญโดยประมาณ (หรือหากเป็น Google Analytics จะระบุว่ามาจากแชแนล "โดยตรง") วิธีนี้ช่วยให้ Google ทดแทนความสามารถในการสังเกตที่สูญเสียไป ซึ่งในขณะเดียวกันก็เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการคาดการณ์ที่มากเกินไป
ปรับให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
ระบบจะนำอัลกอริทึมการประมาณของ Google ที่มีความทั่วไปมากขึ้นไปใช้แยกกันเพื่อให้สะท้อนถึงพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจงของธุรกิจและลูกค้า
ไม่ระบุตัวตนผู้ใช้เป็นรายบุคคล
Google ไม่อนุญาตให้ใช้รหัสลายนิ้วมือหรือการดำเนินการอื่นๆ ในการระบุตัวตนผู้ใช้เป็นรายบุคคล แต่ Google จะรวบรวมข้อมูลคร่าวๆ (เช่น อัตราเหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมา ประเภทอุปกรณ์ ช่วงเวลาของวัน สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์) เพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์สำคัญแทน
เหตุการณ์สําคัญโดยประมาณในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ได้เริ่มรวมเหตุการณ์สำคัญโดยประมาณจากแชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไปในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2021 ข้อมูลจากก่อนวันที่ดังกล่าวจะไม่ได้รับผลกระทบ
รายงานหลัก (เช่น รายงานเหตุการณ์ เหตุการณ์สำคัญ และการระบุแหล่งที่มา) และการสํารวจที่คุณสามารถเลือกมิติข้อมูลระดับเหตุการณ์จะรวมข้อมูลโดยประมาณไว้ด้วย รายงานเหล่านี้จะระบุแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญในแชแนลต่างๆ โดยอัตโนมัติ โดยจะพิจารณาจากข้อมูลที่สังเกตได้ (หากเป็นไปได้) ร่วมกับข้อมูลโดยประมาณ (ในกรณีที่จำเป็น)
ตัวอย่างการประมาณเหตุการณ์สำคัญ
- เบราว์เซอร์ที่ไม่อนุญาตให้วัดเหตุการณ์สําคัญด้วยคุกกี้ของบุคคลที่สามจะมีการประมาณเหตุการณ์สําคัญตามการเข้าชมของเว็บไซต์
- เบราว์เซอร์ที่จำกัดกรอบเวลาสำหรับคุกกี้ของบุคคลที่หนึ่งจะมีการประมาณเหตุการณ์สำคัญ (นอกกรอบเวลา)
- บางประเทศกำหนดว่ากิจกรรมโฆษณาที่จะใช้คุกกี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน เมื่อผู้ลงโฆษณาใช้โหมดความยินยอม ระบบจะประมาณเหตุการณ์สําคัญสําหรับผู้ใช้ที่ไม่ให้ความยินยอม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้โหมดความยินยอมต่อการสร้างแบบจำลอง
- นโยบายความโปร่งใสในการติดตามแอป (ATT) ของ Apple กําหนดให้นักพัฒนาแอปต้องได้รับสิทธิ์ในการใช้ข้อมูลบางอย่างจากแอปและเว็บไซต์อื่นๆ ทั้งนี้ Google จะไม่ใช้ข้อมูล (เช่น IDFA) ที่อยู่ภายใต้นโยบาย ATT ระบบจะประมาณเหตุการณ์สําคัญที่เกิดขึ้นโดยโฆษณาซึ่งมาจากการเข้าชมที่ได้รับผลกระทบจาก ATT
- เมื่อการโต้ตอบกับโฆษณาและเหตุการณ์สําคัญเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ระบบอาจทำการประมาณเหตุการณ์สําคัญ
- การประมาณเหตุการณ์สำคัญครอบคลุมทั้งเหตุการณ์ตามการคลิกและการดูอย่างมีส่วนร่วมบน YouTube เพื่อช่วยในการระบุแหล่งที่มาสําหรับเหตุการณ์สำคัญจากการดูอย่างมีส่วนร่วม
- Conversion ของ Google Ads ที่สร้างขึ้นโดยอิงตามเหตุการณ์สำคัญของ Google Analytics จะได้รับการประมาณด้วย