[GA4] รายงานการเปรียบเทียบรูปแบบ

วิเคราะห์การแปลงเครดิต Conversion ภายใต้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน

ใช้รายงานการเปรียบเทียบรูปแบบ เพื่อเปรียบเทียบว่ารูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่แตกต่างกันจะส่งผลอย่างไรต่อการประเมินราคาของช่องทางการตลาด

บทความนี้ประกอบด้วย

รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่มีอยู่

รูปแบบการระบุแหล่งที่มา คือกฎหรือชุดของกฎที่กำหนดว่าจะให้เครดิตสำหรับการขายและ Conversion แก่ทัชพอยต์ในเส้นทาง Conversion อย่างไร ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่มีอยู่

วิธีใช้รายงาน

การเข้าถึงรายงาน

  1. ใน Google Analytics ให้คลิกการโฆษณาทางด้านซ้าย
  2. ไปที่การระบุแหล่งที่มา > การเปรียบเทียบรูปแบบ

เลือกช่วงวันที่และเหตุการณ์ Conversion

เริ่มต้นด้วยการเลือกช่วงวันที่จากเมนูแบบเลื่อนลงของเครื่องมือเลือกวันที่ทางด้านขวาบน จากนั้นเลือกเหตุการณ์ Conversion อย่างน้อย 1 รายการจากเมนูแบบเลื่อนลงที่ด้านซ้ายบนของรายงาน ซึ่งระบบจะเลือกเหตุการณ์ Conversion ทั้งหมดและรวมเข้าไว้ด้วยกันในรายงานโดยค่าเริ่มต้น

หมายเหตุ: รายงานการระบุแหล่งที่มาประกอบด้วยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2021 เป็นต้นไป

เพิ่มตัวกรอง (ไม่บังคับ)

รายงานจะแสดงข้อมูลจากผู้ใช้ทั้งหมด หากต้องการดูข้อมูลของกลุ่มผู้ใช้เฉพาะ ให้คลิกเพิ่มตัวกรองที่ด้านซ้ายบน

ตัวอย่าง

คุณอาจใช้ตัวกรองดังต่อไปนี้

  1. กรองแคมเปญหนึ่งๆ เพื่อดูว่ารูปแบบการระบุแหล่งที่มาให้คุณค่าแก่ทัชพอยต์ของแคมเปญนั้นๆ ได้อย่างไร โดยให้สร้างตัวกรองรวม จากนั้นเลือกแคมเปญผู้ใช้ในส่วนการได้ผู้ใช้ใหม่ แล้วเลือกชื่อแคมเปญเป็นค่ามิติข้อมูล
  2. กรองภูมิภาคเพื่อทำความเข้าใจว่ารูปแบบการระบุแหล่งที่มาให้คุณค่าแก่ทัชพอยต์อย่างไร เมื่อพิจารณาจากแคมเปญต่างๆ ที่คุณมีในแต่ละภูมิภาค โดยให้สร้างตัวกรองรวม จากนั้นเลือกภูมิภาคในส่วนผู้ใช้ แล้วเลือกค่ามิติข้อมูลที่ต้องการ
  3. กรองหมวดหมู่อุปกรณ์เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานบนอุปกรณ์ต่างๆ โดยให้สร้างตัวกรองรวม จากนั้นเลือกหมวดหมู่อุปกรณ์ในส่วนอุปกรณ์ แล้วเลือกเดสก์ท็อป อุปกรณ์เคลื่อนที่ และแท็บเล็ตเป็นค่ามิติข้อมูล

เลือกมิติข้อมูลที่จะรายงาน

ตารางข้อมูลจะแสดงข้อมูลที่แบ่งย่อยตามมิติข้อมูลกลุ่มแชแนลเริ่มต้น ใช้เมนูแบบเลื่อนลงเพื่อดูข้อมูลตามมิติข้อมูลแหล่งที่มา/สื่อ แหล่งที่มา สื่อ หรือแคมเปญ  

เลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาเพื่อเปรียบเทียบ

ใช้เมนูแบบเลื่อนลงในคอลัมน์รูปแบบการระบุแหล่งที่มา (ไม่ใช่แบบโดยตรง) เพื่อเลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่จะเปรียบเทียบ

ปรับแต่งรายงาน

คลิกแก้ไขการเปรียบเทียบ  เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่แสดงในรายงาน ในแผงปรับแต่งรายงาน คุณสามารถเพิ่มตัวกรองหรือเปลี่ยนเวลาในการรายงานได้

ตัวกรอง

รายงานจะแสดงข้อมูลจากผู้ใช้ทุกคน คลิกชื่อตัวกรองเพื่อแก้ไขหรือเพิ่มตัวกรอง

เวลาในการรายงาน

ค่าเริ่มต้นคือเวลาที่เกิด Conversion

  • เวลาที่เกิด Conversion: แสดงเครดิตที่มีการระบุแหล่งที่มาสำหรับทุกทัชพอยต์ที่เกิดขึ้นในกรอบเวลามองย้อนกลับก่อนที่จะเกิด Conversion ในช่วงเวลาที่ระบุ โปรดทราบว่าทัชพอยต์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาที่ระบุ
  • เวลาในการโต้ตอบ: แสดงเครดิตที่มีการระบุแหล่งที่มาสำหรับทุกทัชพอยต์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบุ โปรดทราบว่า Conversion อาจเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาที่ระบุ

แชร์ ดาวน์โหลด หรือส่งออกรายงาน

คลิกแชร์รายงานนี้  ที่ด้านขวาบนเพื่อแชร์ ดาวน์โหลด หรือส่งออกข้อมูลที่แสดงในตารางในปัจจุบัน

ทำความเข้าใจข้อมูล

ตารางข้อมูลจะแสดงข้อมูลที่แบ่งย่อยตามมิติข้อมูลกลุ่มแชแนลเริ่มต้น โดยจะแสดง 2 เมตริกที่คํานวณตามรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่เลือกสําหรับแต่ละแชแนล ได้แก่

  • Conversion: จํานวน Conversion ที่ระบุว่ามาจากมิติข้อมูลที่เลือก
  • รายได้: จํานวนรายได้ที่ระบุว่ามาจากมิติข้อมูลที่เลือก

เมตริกรายได้ในรายงานใช้วิธีการคํานวณเดียวกับที่ใช้สําหรับเมตริกรายได้จากการซื้อ

คอลัมน์ % การเปลี่ยนแปลงจะแสดงเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ Conversion และรายได้เมื่อใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน

หากต้องการค้นหาแชแนลหรือแคมเปญที่มีการตีมูลค่าต่ำเกินไปเมื่อใช้รูปแบบคลิกสุดท้าย ให้คุณเริ่มต้นด้วยการเปรียบเทียบสิ่งต่อไปนี้

  • เปรียบเทียบรูปแบบ "คลิกสุดท้ายข้ามแชแนล" กับรูปแบบ "คลิกแรกข้ามแชแนล" เพื่อระบุแคมเปญที่ถูกประเมินค่าไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงที่ช่วยเรียกลูกค้าให้เข้าสู่เส้นทาง Conversion การทำเช่นนี้มีประโยชน์สำหรับกรณีที่คุณต้องการดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ จำนวนมากขึ้นให้มาที่เว็บไซต์หรือแอป
  • เปรียบเทียบรูปแบบ "คลิกสุดท้ายข้ามแชแนล" กับรูปแบบ "เชิงเส้นข้ามแชแนล" เพื่อระบุแคมเปญที่ถูกประเมินค่าไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงที่ช่วยสนับสนุนลูกค้าตลอดเส้นทาง Conversion การทำเช่นนี้มีประโยชน์ในกรณีที่คุณต้องการติดตามลูกค้าตลอดกระบวนการซื้อ

มิติข้อมูลที่ระบุแหล่งที่มาไม่ได้

ในบางกรณี Analytics จะไม่สามารถแสดงค่ามิติข้อมูลได้เนื่องจากค่าขาดหายไปหรือไม่พร้อมใช้งาน ดังนั้นรายงานอาจแสดงค่าต่อไปนี้อย่างน้อย 1 ค่า เพื่อให้ข้อมูลเครดิตรายได้และ Conversion ที่ได้รับทั้งหมดมีความถูกต้องแม่นยำ

ค่า คำจำกัดความ
(not set) (not set) เป็นชื่อตัวยึดตำแหน่งที่ Analytics ใช้เมื่อไม่ได้รับข้อมูลสำหรับมิติข้อมูลที่คุณเลือกไว้ ตัวอย่างเช่น URL ที่ติดแท็กด้วยตนเองอาจไม่มีพารามิเตอร์ เช่น แคมเปญ แหล่งที่มา หรือสื่อ
Unassigned

Unassigned คือค่าที่ Analytics ใช้เมื่อไม่มีกฎแชแนล อื่นๆ ที่ตรงกับข้อมูลเหตุการณ์ 

Direct

Direct คือค่าที่ Analytics ใช้เมื่อไม่มีข้อมูลเส้นทางที่ให้เครดิตกับ Conversion ตัวอย่างเช่น การนําเข้าข้อมูล

Unattributable ไม่สามารถให้เครดิตสําหรับมิติข้อมูลที่คุณเลือก   
(Other) (Other) คือค่าที่ Analytics ใช้กับแถวรวมเนื่องจากขีดจํากัดเกี่ยวกับจํานวนรวมของค่าเฉพาะสำหรับมิติข้อมูลหนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม
เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลงชื่อเข้าใช้เพื่อดูตัวเลือกการสนับสนุนเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาของคุณอย่างรวดเร็ว

false
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
false
true
true
69256