[UA] มิติข้อมูลและเมตริก

ทำความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานในรายงานของคุณ
บทความนี้เกี่ยวข้องกับมิติข้อมูลและเมตริกใน Universal Analytics ดูแหล่งข้อมูลต่อไปนี้สำหรับข้อมูลที่คล้ายกันที่เกี่ยวข้องกับ Google Analytics 4

ภาพรวม

รายงานทุกรายงานใน Analytics ประกอบด้วยมิติข้อมูลและเมตริก

มิติข้อมูลคือลักษณะของข้อมูล ตัวอย่างเช่น มิติข้อมูลเมืองบ่งบอกถึงเมืองที่เป็นต้นทางของเซสชันหนึ่งๆ เช่น "ปารีส" หรือ "กรุงเทพ" ส่วนมิติข้อมูลหน้าจะระบุ URL ของหน้าที่มีการดู

เมตริกคือการวัดเชิงปริมาณ เมตริกเซสชันคือจำนวนเซสชันทั้งหมด เมตริกหน้า/เซสชันคือจำนวนหน้าเว็บที่ดูโดยเฉลี่ยต่อเซสชัน

ตารางในรายงานส่วนใหญ่ของ Analytics จะจัดค่ามิติข้อมูลเป็นแถว และเมตริกเป็นคอลัมน์ ตัวอย่างเช่น ตารางนี้แสดงมิติข้อมูล 1 รายการ (เมือง) และเมตริก 2 รายการ (เซสชัน และหน้า/เซสชัน)

มิติข้อมูล เมตริก เมตริก
เมือง เซสชัน หน้า/เซสชัน
ซานฟรานซิสโก 5,000 3.74
เบอร์ลิน 4,000 4.55
 

ในรายงาน Analytics ส่วนใหญ่ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงมิติข้อมูลและ/หรือเพิ่มมิติข้อมูลรองได้ ตัวอย่างเช่น การเพิ่มเบราว์เซอร์เป็นมิติข้อมูลรองในตารางด้านบนจะส่งผลดังนี้

มิติข้อมูล มิติข้อมูล เมตริก เมตริก
เมือง เบราว์เซอร์ เซสชัน หน้า/เซสชัน
ซานฟรานซิสโก Chrome 3,000 3.5
ซานฟรานซิสโก Firefox 2,000 4.1
เบอร์ลิน Chrome 2,000 5.5
เบอร์ลิน Safari 1,000 2.5
เบอร์ลิน Firefox 1,000 4.7

ชุดค่าผสมมิติข้อมูล-เมตริกที่ถูกต้อง

เมตริกบางรายการอาจไม่สามารถรวมกับมิติข้อมูลบางรายการได้ มิติข้อมูลและเมตริกแต่ละรายการต่างก็มีขอบเขต ซึ่งอาจเป็นระดับผู้ใช้ ระดับเซสชัน หรือระดับ Hit ในกรณีส่วนใหญ่ คุณควรรวมมิติข้อมูลและเมตริกที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เซสชันเป็นเมตริกที่ใช้ข้อมูลเซสชัน ดังนั้น เมตริกนี้จึงสามารถใช้กับมิติข้อมูลระดับเซสชันเท่านั้น เช่น แหล่งที่มา หรือเมือง คุณไม่ควรรวมเซสชันกับมิติข้อมูลระดับ Hit เช่น หน้า เพราะจะไม่สมเหตุสมผล

คุณสามารถดูรายการคู่มิติข้อมูล-เมตริกที่ใช้ได้ในการอ้างอิงมิติข้อมูลและเมตริก

วิธีคำนวณเมตริก

ใน Analytics มีการคำนวณเมตริกผู้ใช้แบบพื้นฐาน 2 วิธี ได้แก่

  • แบบยอดรวมทั้งหมด
    แสดงเมตริกเป็นสถิติโดยสรุปของทั้งเว็บไซต์ เช่น อัตราตีกลับหรือยอดการดูหน้าเว็บทั้งหมด
  • แบบเชื่อมโยงกับมิติข้อมูลการรายงานตั้งแต่ 1 รายการขึ้นไป
    ประเมินค่าเมตริกตามมิติข้อมูลที่เลือก

แผนภาพต่อไปนี้แสดงการคำนวณทั้ง 2 ประเภทในตัวอย่างง่ายๆ ทางด้านซ้าย ระบบจะคำนวณข้อมูลผู้ใช้เป็นเมตริกภาพรวม ขณะที่ทางด้านขวา ข้อมูลเดียวกันนั้นจะได้รับการคำนวณผ่านมิติข้อมูลผู้ใช้ใหม่

ในตัวอย่างรายงานภาพรวม เวลาบนเว็บไซต์จะคำนวณจากส่วนต่างของเวลานับจากเซสชันแรกของผู้ใช้แต่ละรายจนกระทั่งออกจากเว็บไซต์ โดยนำผลรวมจาก 3 เซสชันมาหาระยะเวลาเฉลี่ย ตัวเลขนี้ได้มาจากการคำนวณอย่างง่ายๆ โดยการรวบรวมข้อมูลเวลาบันทึกในระดับคำขอ

ในตัวอย่างรายงานผู้ใช้ใหม่เทียบกับผู้ใช้ที่กลับมา ค่าเฉลี่ยไม่ได้คำนวณจากเซสชันทั้งหมด แต่คำนวณผ่านมิติข้อมูลประเภทผู้ใช้ เมื่อใช้เมตริกเวลาบนเว็บไซต์ร่วมกับมิติข้อมูล คุณจะสามารถวิเคราะห์เมตริกนี้ผ่านข้อมูลผู้ใช้ที่กลับมาเทียบกับผู้ใช้ใหม่ โดยปรับแต่งการคำนวณตามมิติข้อมูลที่ร้องขอ การใช้มิติข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้ที่ไม่มีในรายงานภาพรวม เห็นได้ชัดว่าผู้ใช้ใหม่ใช้เวลาบนเว็บไซต์มากกว่าผู้ใช้ที่กลับมา

การคำนวณเมตริกอาจเปลี่ยนแปลงไปหากมีการเชื่อมโยงมิติข้อมูลซ้อนกันมากกว่าหนึ่งรายการกับเมตริกหนึ่งๆ ทั้งนี้คุณสามารถใช้มิติข้อมูลหลายรายการพร้อมกันได้ ทั้งในรายงานที่จัดรูปแบบล่วงหน้าและรายงานที่กำหนดเอง ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณใช้ทั้งมิติข้อมูลประเภทผู้ใช้และมิติข้อมูลภาษาเพื่อวิเคราะห์เวลาบนเว็บไซต์ของคุณ ในกรณีนี้ การคำนวณสำหรับผู้ใช้ใหม่เทียบกับผู้ใช้ที่กลับมาจะยังคงเดิม แต่เมื่อคุณเจาะลึกรายละเอียดเพิ่มเติมของผู้ใช้ใหม่โดยใช้มิติข้อมูลภาษา การคำนวณจะได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมตามมิติข้อมูลที่เพิ่มเข้ามา ดังนั้นสำหรับตัวอย่างนี้ การแจกแจงผู้ใช้ของคุณอาจมีลักษณะดังต่อไปนี้ โดยเรียงลำดับตามระยะเวลาบนเว็บไซต์สูงสุด

ประเภทของผู้ใช้ ภาษา เวลาเฉลี่ยบนไซต์
ทุกประเภท ทุกภาษา 3:25
ที่กลับมา ทุกภาษา 5:03
  ฟินแลนด์ 29:49
  เวียดนาม 20:44
  อินโดนีเซีย 16:55
ใหม่ ทุกภาษา 2:09
  มาเลย์ 17:38
  อังกฤษ (สหราชอาณาจักร) 16:56
  ภาษาจีน (ดั้งเดิม) 16:20

ตัวเลขเหล่านี้อ้างอิงตามรายงานจริงของ Analytics ในกรณีนี้ คุณสามารถบอกได้ว่าผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้ที่กลับมาอยู่บนไซต์นานที่สุด และเมื่อใช้มิติข้อมูลเพิ่มเติม คุณก็จะทราบว่าผู้ใช้ในภาษาใดที่ใช้เวลาบนไซต์นานที่สุด

รูปแบบการระบุแหล่งที่มา

เนื่องจาก Analytics พยายามจะตอบคำถามที่หลากหลายเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้ จึงใช้การคำนวณหรือรูปแบบการระบุแหล่งที่มาหลายประเภทกว่าจะได้มาเป็นข้อมูลที่คุณเห็นในรายงาน ให้คิดเสียว่ารายงาน Analytics แต่ละอันเป็นเหมือนคำตอบสำหรับคำถามด้านการวิเคราะห์ผู้ใช้ที่เฉพาะเจาะจง บ่อยครั้งที่คำถามเหล่านี้จัดอยู่ในหมวดหมู่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น

  • เนื้อหา: ผู้ใช้เปิดดูหน้าเว็บหนึ่งๆ เป็นจำนวนกี่ครั้ง
  • เป้าหมาย: URL ของหน้าเว็บใดที่มีส่วนทำให้ได้รับอัตรา Conversion เป้าหมายสูงสุด
  • อีคอมเมิร์ซ: หน้าเว็บหนึ่งๆ มีส่วนสร้างมูลค่าเท่าใดในการทำธุรกรรม
  • การค้นหาภายใน: คำค้นหาภายในคำใดที่มีส่วนทำให้เกิดการทำธุรกรรม

Analytics จะใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาโดยเฉพาะสำหรับแต่ละหมวดหมู่สำคัญเหล่านี้ตลอดจนรายงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากรูปแบบการระบุแหล่งที่มาแต่ละอันจะคำนวณเฉพาะชุดของเมตริกที่รู้จัก ดังนั้นคุณจึงอาจสังเกตเห็นว่าบางเมตริก เช่น จำนวนหน้าที่มีการเปิด ปรากฏเฉพาะในบางรายงานเท่านั้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่ใช้สำหรับรายงานนั้น

รายงาน Analytics ใช้การระบุแหล่งที่มา 3 รูปแบบ ได้แก่

การระบุแหล่งที่มาต่อคำขอ

การระบุแหล่งที่มารูปแบบนี้จะแสดงมูลค่ารวมสำหรับเมตริกเดียวหรือสำหรับคู่เมตริก/มิติข้อมูล ถือเป็นรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่ง่ายที่สุดและพบบ่อยที่สุดใน Analytics เพราะใช้การระบุค่าจากคำขอ GIF ของผู้ใช้แต่ละรายการ ทำให้ในคำขอหนึ่งๆ คุณสามารถดูมิติข้อมูลและ/หรือเมตริกเฉพาะที่ต้องการได้

ค่ามิติข้อมูลส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานได้ที่ระดับคำขอและยังคงอยู่ถาวรผ่านทางคำขอ HTTP/GET เองหรือในคำขอ GIF สำหรับทุกหน้าเว็บหรือทุกคำขอที่ส่งเข้ามายังไซต์ของคุณ มิติข้อมูลทั่วไปบางส่วนที่สามารถใช้ได้ในระดับคำขอ ได้แก่

  • URI หน้าเว็บ—ใช้ได้กับทุกคำขอที่ส่งมายังไซต์ของคุณ โดยจะบอกเส้นทางของหน้าเว็บที่มีการเข้าใช้อยู่
  • แคมเปญ—ถ้าผู้ใช้เข้ามาผ่านทางแคมเปญ แคมเปญนั้นจะยังคงใช้ได้อย่างถาวรกับคำขอทั้งหมดที่ตามมา จนกว่าตัวแคมเปญจะมีการเปลี่ยนแปลง
  • user agent—ทุกคำขอจากผู้ใช้จะมีข้อมูลเบราว์เซอร์ของผู้ใช้นั้นๆ ส่งเข้ามาผ่านคำขอ HTTP/GET จากเบราว์เซอร์และจัดเก็บไว้ในไฟล์บันทึกโดยตรง

การระบุแหล่งที่มามูลค่าหน้าเว็บ

การระบุแหล่งมาประเภทนี้มีจุดประสงค์เพื่อตอบคำถามที่ว่า "หน้าเว็บของฉันมีประโยชน์ต่อมูลค่าเป้าหมายหรือรายได้มากน้อยเพียงใด" เราจะใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มานี้ในการดูมูลค่าหน้าเว็บสำหรับหน้าเว็บเดียวหรือชุดของหน้าเว็บก็ได้ ภาพประกอบต่อไปนี้แสดงถึงลำดับการดูหน้าเว็บของผู้ใช้ซึ่งสัมพันธ์กับเป้าหมายและการซื้อ เช่นเดียวกับที่อาจเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ

คำอธิบาย: P1 ถึง P4 หมายถึงหน้าต่างๆ ถุงช็อปปิ้งหมายถึงหน้าใบเสร็จรับเงิน และรูปธงหมายถึงเป้าหมาย
 

เราอาจเรียกรูปแบบการระบุแหล่งที่มานี้ว่ารูปแบบ "มองการณ์ไกล" เพราะจะระบุมูลค่าให้กับหน้าเว็บโดยการพิจารณาเป้าหมายและ/หรือการซื้อที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ใช้เข้าชมหน้าเว็บดังกล่าวแล้ว ตารางต่อไปนี้จะแสดงมูลค่าที่ได้รับการระบุแหล่งที่มาให้กับแต่ละหน้าเว็บในลำดับนี้

หน้า รายได้/มูลค่าเป้าหมาย
P1 1,650 บาท + เป้าหมาย 1
P2 1,650 บาท + เป้าหมาย 1
P3 1,050 บาท + เป้าหมาย 1
P4 0 บาท

รูปแบบการระบุแหล่งที่มานี้ไม่ได้ใช้ในรายงานเป้าหมายหรืออีคอมเมิร์ซ เนื่องจากรายงานดังกล่าวไม่ได้แสดง URI หน้าเว็บหรือชื่อที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมอีคอมเมิร์ซ

การระบุแหล่งที่มาการค้นหาเว็บไซต์

รูปแบบการระบุแหล่งที่มานี้ทำให้รายงานการค้นหาเว็บไซต์สามารถแสดงอัตรา Conversion เป้าหมายและมูลค่าเป้าหมายต่อข้อความค้นหาหนึ่งๆ ได้

รูปแบบการระบุแหล่งที่มานี้ทำงานแตกต่างจากการระบุแหล่งที่มามูลค่าหน้าเว็บ เนื่องจากมูลค่าเป้าหมายจะระบุแหล่งที่มาให้กับข้อความค้นหาที่ใกล้ที่สุดที่นำไปสู่ Conversion แต่ไม่นับหลังจากนั้น แผนภาพต่อไปนี้แสดงลำดับของการค้นหาไซต์ภายในพร้อมทั้งจำนวนหน้าเว็บที่เปิดดูและจำนวนการซื้อสินค้า

คำอธิบาย: P1 ถึง P4 หมายถึงหน้าต่างๆ ถุงช็อปปิ้งหมายถึงหน้าใบเสร็จรับเงิน ไอคอนค้นหาหมายถึงการค้นหาสำหรับคำว่า "รองเท้า" และ "ดอกไม้" รูปธงหมายถึงเป้าหมาย
 

เมื่อใช้รูปแบบนี้ ข้อความค้นหาจะได้รับการระบุแหล่งที่มาให้กับเป้าหมาย 1 และมีการทำธุรกรรมดังนี้

  • รองเท้า—600 บาท
  • ดอกไม้—750 บาท

ในรูปแบบนี้ การทำธุรกรรมหรือเป้าหมายจะได้รับการระบุแหล่งที่มาให้กับข้อความค้นหาที่อยู่ก่อนเป้าหมายหรือการทำธุรกรรมดังกล่าวในลำดับที่ใกล้ที่สุด

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เลือกเส้นทางการเรียนรู้ของคุณเอง

โปรดไปที่ google.com/analytics/learn ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Google Analytics 4 เว็บไซต์ใหม่นี้มีทั้งวิดีโอ บทความ และขั้นตอนพร้อมคำแนะนำ รวมถึงลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Google Analytics เช่น Discord, บล็อก, ช่อง YouTube ตลอดจนที่เก็บ GitHub

เริ่มเรียนรู้วันนี้เลย

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
1322565269809626097
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
69256
false
false
false