[GA4] นําเข้าข้อมูลค่าใช้จ่าย

อย่าอัปโหลดไฟล์ที่มีคีย์ซ้ำกัน เพราะอาจส่งผลให้ข้อมูลการรายงานไม่สอดคล้องกัน

เครื่องมือนำเข้าข้อมูลต้นทุนช่วยให้คุณวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแคมเปญจากการลงทุนในการโฆษณาออนไลน์และการตลาดทั้งหมดของคุณ

วิธีการทำงานของเครื่องมือนำเข้าข้อมูลต้นทุน

เครื่องมือนําเข้าข้อมูลต้นทุนช่วยให้คุณนําเข้าข้อมูลที่สร้างโดยแคมเปญที่ไม่ใช่ของ Google เช่น แคมเปญการทำการตลาดทางอีเมลและการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียได้ Analytics จะผนวกข้อมูลดังกล่าวเข้ากับข้อมูลรายได้และข้อมูล Conversion เพื่อคำนวณเมตริกต่างๆ เช่น ต้นทุนต่อคลิก/Conversion ที่ไม่ใช่ของ Google และผลตอบแทนจากค่าโฆษณาที่ไม่ใช่ของ Google สำหรับแคมเปญ แหล่งที่มา และสื่อแต่ละรายการ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบข้อมูลประสิทธิภาพระหว่างแผนการโฆษณาทั้งหมดที่ใช้อยู่ คุณจะเห็นข้อมูลนี้ได้ในรายงานการได้ผู้ใช้ใหม่และค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ของ Google

เนื่องจากค่าใช้จ่ายจริงของโฆษณามีการเปลี่ยนแปลงเมื่อแคมเปญทํางาน คุณจึงสามารถอัปโหลดข้อมูลของแคมเปญรหัสเดียวกันเป็นระยะๆ เพื่อให้ Analytics ใช้ค่าล่าสุดในการรายงานและการสํารวจ 

บทบาทของ URL ของแคมเปญที่กำหนดเอง

กุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ROI สำหรับแคมเปญที่เสียค่าใช้จ่ายก็คือการเพิ่มพารามิเตอร์แคมเปญที่กำหนดเองให้กับ URL ปลายทางทั้งหมดในระบบโฆษณาที่ไม่ใช่ Google ที่คุณใช้อยู่ วิธีนี้ช่วยให้คุณผูกข้อมูลค่าใช้จ่ายจากแหล่งภายนอกกับข้อมูลเซสชันใน Analytics ได้

ตัวอย่างของพารามิเตอร์แคมเปญที่กําหนดเอง

ร้านขายสัตว์เลี้ยงจัดโปรโมชันลดราคาช่วงหน้าร้อน โดยได้ติดแท็ก URL ปลายทางในโฆษณาด้วยพารามิเตอร์การติดตามแคมเปญ (utm_id, utm_campaign, utm_source, utm_medium) URL ที่ได้ควรจะออกมาในลักษณะนี้

http://www.examplepetstore.com?utm_id=123_1a2b3c_abc&utm_campaign=Summer%2BSale&utm_source=ad%2Bnetwork&utm_medium=cpc&utm_term=cpc_keyword&utm_content=hero

เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาที่มี URL นี้ ระบบก็จะเชื่อมโยงการเข้าชมเว็บไซต์ดังกล่าวกับแคมเปญลดราคาช่วงหน้าร้อนนั้นได้ Analytics จะตั้งค่าต่อไปนี้สำหรับเซสชันดังกล่าว

ชื่อมิติข้อมูลใน Analytics พารามิเตอร์แคมเปญที่กําหนดเอง ค่าที่ตั้งไว้ใน Analytics
รหัสแคมเปญ utm_id 123_1a2b3c_abc
แคมเปญ utm_campaign ลดราคาช่วงฤดูร้อน
แหล่งที่มา utm_source ad network
สื่อ utm_medium cpc

 

สําหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 คุณต้องระบุรหัสแคมเปญ (utm_id), แคมเปญ (utm_campaign), แหล่งที่มา (utm_source) และสื่อ (utm_medium)

คุณจะใส่พารามิเตอร์อื่นแบบที่เคยใช้กันในพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics ไว้ใน URL ด้วยก็ได้ เช่น คำของแคมเปญ (utm_term) และเนื้อหาของแคมเปญ (utm_content) หากต้องการ แต่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นและพารามิเตอร์เหล่านี้ก็ไม่สามารถใส่ไว้ในไฟล์นําเข้าได้

วิธีนี้ทำให้ Analytics มีพารามิเตอร์การติดตามแคมเปญที่เชื่อมโยงกับเซสชัน และสามารถรวมข้อมูล Analytics กับแหล่งข้อมูลค่าใช้จ่ายภายนอกได้

สร้างไฟล์ CSV

สร้างไฟล์ CSV ของมิติข้อมูลและเมตริกค่าใช้จ่าย (ดูเทมเพลตด้านล่าง)

อัปโหลดข้อมูล

โปรดดูขั้นตอนการอัปโหลดทั่วไปในหัวข้อเกี่ยวกับการนําเข้าข้อมูล

เมื่อสร้างแหล่งข้อมูล ให้เลือกข้อมูลค่าใช้จ่าย

เมื่อจับคู่ช่อง Analytics กับช่องที่นําเข้า คุณจะเห็นข้อมูลดังต่อไปนี้

ในคอลัมน์แรก คุณจะเห็น

  • ช่อง Analytics (ในกรณีนี้คือ รหัสแคมเปญ แหล่งที่มาของแคมเปญ สื่อของแคมเปญ ชื่อแคมเปญ วันที่) ที่จะผนวกข้อมูล เรียกอีกอย่างว่าคีย์ของสคีมา
  • มิติข้อมูลและเมตริกแคมเปญที่ตรงกับช่องใน CSV (เช่น ต้นทุนรายวัน จํานวนคลิกรายวัน ฯลฯ)

รหัสแคมเปญ แหล่งที่มาของแคมเปญ สื่อของแคมเปญ และชื่อแคมเปญตรงกับพารามิเตอร์แคมเปญที่กําหนดเอง utm_id, utm_source, utm_medium และ utm_campaign ซึ่งใช้ใน URL ปลายทาง

ในคอลัมน์ที่ 2 ให้คุณเลือกช่องที่ตรงกันใน CSV ดังนี้

หลังจากที่อัปโหลดข้อมูลแล้ว ระบบอาจใช้เวลาสูงสุด 24 ชั่วโมงเพื่อให้ Analytics แสดงข้อมูลในรายงาน กลุ่มเป้าหมาย และการสํารวจ ผู้ใช้ต้องมีส่วนร่วมกับแคมเปญหลังจากที่คุณอัปโหลดข้อมูล เพื่อให้เมตริกและพร็อพเพอร์ตี้แคมเปญเหล่านั้นเชื่อมโยงกับกิจกรรมของผู้ใช้

คุณเขียนทับค่าเมตริกและมิติข้อมูลได้โดยการอัปโหลดค่าใหม่

เนื่องจากเครื่องมือนําเข้าข้อมูลต้นทุนใช้การรวมเวลาในการรายงาน/สืบค้น และไม่แก้ไขข้อมูลที่ได้รับการประมวลผลแล้ว คุณจึงเพียงแค่ลบแหล่งข้อมูลค่าใช้จ่ายจากบริการอัปโหลดข้อมูลเพื่อนําข้อมูลค่าใช้จ่ายออกจากรายงาน Analytics 

รายละเอียดแหล่งข้อมูล

คำอธิบาย

  • ขอบเขต: ขอบเขตเป็นตัวกําหนดว่าเหตุการณ์ใดจะเชื่อมโยงกับค่ามิติข้อมูลที่นำเข้า ขอบเขตมี 4 ระดับ ได้แก่ Hit, เซสชัน, ผู้ใช้ และผลิตภัณฑ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอบเขต
  • สคีมา: แสดงรายการมิติข้อมูลและเมตริกที่รวมกันเป็นโครงสร้างของข้อมูลที่นำเข้า ส่วนหัวของไฟล์ที่คุณอัปโหลดต้องตรงกับสคีมาที่คุณกำหนดสำหรับแหล่งข้อมูลนั้น

มิติข้อมูลและเมตริกที่แสดงสําหรับสคีมานั้นใช้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและอาจยังไม่สมบูรณ์ ส่วนมิติข้อมูลและเมตริกจริงที่พร้อมใช้งานจะปรากฏในอินเทอร์เฟซผู้ใช้เมื่อคุณสร้างแหล่งข้อมูล

ขอบเขต ข้อมูลนี้ไม่มีขอบเขตเนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีการรวบรวมรายวันและสรุปเหตุการณ์จำนวนมากจากเซสชันและผู้ใช้ต่างๆ ในแต่ละวัน
สคีมา

ต้องมีมิติข้อมูลต่อไปนี้

  • รหัสแคมเปญ (utm_id)
  • แหล่งที่มา (utm_source)
  • สื่อ (utm_medium)
  • ชื่อแคมเปญ (utm_campaign)
  • วันที่ (ISO 8601: ปปปป-ดด-วว)

ต้องมีเมตริกต่อไปนี้อย่างน้อย 1 รายการ

  • การคลิก (ค่ารายวัน) (ไม่บังคับ)
  • ค่าใช้จ่าย (ค่ารายวันในรูปแบบ 0,000.00) (ไม่บังคับ แต่แนะนำ)
  • การแสดงผล (ค่ารายวัน) (ไม่บังคับ)

เทมเพลต

โปรดดูเทมเพลต CSV ตัวอย่างเกี่ยวกับข้อมูลค่าใช้จ่าย เพื่อใช้เป็นแนวทางหากต้องการสร้างไฟล์อัปโหลดด้วยตัวเอง

utm_id utm_campaign utm_source utm_medium วันที่ จำนวนการแสดงผล จำนวนคลิก ค่าใช้จ่าย
bing_123abc Summer_fun bing cpc 2020-12-01 12242371 367271 36727.10
facebook_456def Fall_delight facebook cpc 2020-12-01 3429267 34292 8573.00
twitter_789ghi Winder_wonderland twitter cpc 2020-12-01 9732461 194649 29197.35

 

 

การนําเข้าข้อมูลค่าใช้จ่ายจากแพลตฟอร์มอื่น

ส่วนต่อไปนี้จะอธิบายหลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับการส่งออกข้อมูลค่าใช้จ่ายของแคมเปญจากแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น Facebook, Twitter, Microsoft) รวมถึงให้ลิงก์ไปยังเอกสารประกอบของแต่ละแพลตฟอร์ม

เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ได้ให้ข้อมูลโดยใช้รูปแบบเดียวกับ Analytics คุณจึงต้องเป็นผู้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่ส่งออกจากแพลตฟอร์มเหล่านี้และนําเข้าไปยัง Analytics เป็นไปตามรูปแบบที่ Analytics คาดไว้ (เช่น รหัส แหล่งที่มา สื่อ วันที่)

ตรวจสอบว่าข้อมูลที่ส่งออกตรงกับ (แต่ไม่เกิน) มิติข้อมูลและเมตริกที่จําเป็น แนะนํา และไม่บังคับต่อไปนี้

  • รหัส [จําเป็น]
  • แหล่งที่มา [จําเป็น]
  • สื่อ [จําเป็น]
  • วันที่ [จําเป็น]
  • ชื่อ [ไม่บังคับ แต่แนะนํา]
  • ค่าใช้จ่าย (ไม่บังคับ แต่แนะนำ)
  • จำนวนคลิก (ไม่บังคับ)
  • จำนวนการแสดงผล (ไม่บังคับ)

การรวบรวมรหัสแคมเปญ

ผู้ให้บริการหลายราย (รวมถึงผู้ให้บริการที่มีชื่ออยู่ด้านล่างนี้) มีกลไกในการใส่รหัสแคมเปญ ชื่อ แหล่งที่มา และสื่อภายในเป้าหมายการคลิกของโฆษณาที่แตกต่างกัน (ลิงก์ที่นําไปยังเว็บไซต์ของคุณเมื่อผู้ใช้ปลายทางคลิก) เราขอแนะนําให้ใช้ฟีเจอร์การป้อนข้อมูลอัตโนมัติของผู้ให้บริการหากมีให้ใช้งาน แต่หากไม่มี คุณอาจต้องระบุ URL แบบเต็มให้ผู้ให้บริการทราบโดยตรง

Facebook

ใช้ตัวจัดการโฆษณาของ Facebook เพื่อส่งออกข้อมูล

  1. คลิกไอคอนส่งออกและนําเข้าในตัวจัดการโฆษณา
  2. เลือกตัวเลือกเพื่อปรับแต่งการส่งออกให้รวมมิติข้อมูลและเมตริกที่ระบุไว้ด้านบน

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ความแตกต่างระหว่างชื่อช่องในตัวจัดการโฆษณากับชื่อคอลัมน์ในสเปรดชีตการนำเข้า/ส่งออก

แอป Android ใน Firebase

ใช้เหตุการณ์ campaign_details เพื่อรวบรวมข้อมูลแบบเดียวกับที่รวบรวมด้วย utm_id สำหรับแคมเปญเว็บ

ใช้ FirebaseAnalytics.Param.CP1 (พารามิเตอร์ที่กําหนดเอง) เพื่อรวบรวมข้อมูล

แอป iOS ใน Firebase

ใช้ค่าคงที่ AnalyticsParameterCampaign เพื่อรวบรวมข้อมูลแบบเดียวกับที่รวบรวมด้วย utm_id สำหรับแคมเปญเว็บ

LinkedIn

ใช้ Campaign Manager เพื่อส่งออกข้อมูลแคมเปญ

  1. เลือก Report Type เป็น Campaign performance เพื่อเลือกมุมมองคอลัมน์ที่จะใช้กับการส่งออก CSV
  2. เลือกเฉพาะมิติข้อมูลและเมตริกที่ระบุไว้ด้านบน (ไม่เช่นนั้นจะนําเข้าไม่สําเร็จ)

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Microsoft

คุณใช้รายงาน Microsoft Advertising เพื่อส่งออกไฟล์ CSV ของข้อมูลได้

  1. กําหนดค่ารายงานแคมเปญที่มีมิติข้อมูลและเมตริกที่ระบุไว้ด้านบน
  2. ใช้ตัวเลือกดาวน์โหลดเพื่อส่งออกข้อมูล

นอกจากนี้คุณยังใช้ Microsoft Advertising Editor เพื่อส่งออกข้อมูลของแคมเปญได้ด้วย

Twitter

ใช้ตัวเลือกExportในส่วนด้านบนขวาของหน้าแดชบอร์ดแคมเปญเพื่อส่งออกไฟล์ CSV ของข้อมูลแคมเปญ

Twitter ไม่รองรับค่าแหล่งที่มาและสื่อ แต่คุณทำฮาร์ดโค้ดแหล่งที่มาเป็น "twitter" ได้ และค่าที่ระบุสําหรับสื่อต้องแสดงถึงสื่อแต่ละประเภทที่คุณใช้กับรหัสแคมเปญแต่ละรายการ

Verizon

ใช้ไฟล์กลุ่มของ Native Ad Platform เพื่อดาวน์โหลดและแก้ไขข้อมูลแคมเปญจากบัญชีผู้ลงโฆษณา

การดาวน์โหลดเริ่มต้นจะมีมิติข้อมูลอื่นซึ่งนําเข้าไปยัง Analytics ไม่ได้ ดังนั้นก่อนที่จะนําเข้า คุณจึงต้องนำคอลัมน์เหล่านั้นออกและรวมแถวตามที่จําเป็นเพื่อให้ไฟล์ CSV มีเฉพาะมิติข้อมูลและเมตริกที่ระบุไว้ด้านบน (ไม่เช่นนั้นจะนําเข้าไม่สําเร็จ)

ขีดจำกัดของเครื่องมือนำเข้าข้อมูลต้นทุน

เครื่องมือนำเข้าข้อมูลต้นทุนใช้การรวมเวลาในการรายงาน/สืบค้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเชื่อมโยงข้อมูลค่าใช้จ่ายที่นำเข้ามากับเหตุการณ์ที่ Analytics ประมวลผลแล้วได้

คุณมีแหล่งข้อมูลได้เพียงแห่งเดียวเมื่อนําเข้าข้อมูลค่าใช้จ่าย

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
10965160468481627256
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
69256
false
false