ข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Google Ads

Google แปลเนื้อหาในศูนย์ช่วยเหลือไว้หลายภาษา โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของนโยบาย อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันทางการที่เราบังคับใช้นโยบายคือเวอร์ชันภาษาอังกฤษ หากต้องการดูบทความนี้ในภาษาอื่น โปรดเลือกภาษาจากเมนูแบบเลื่อนลงท้ายหน้า

ข้อกำหนดและเงื่อนไขอาจแตกต่างไปตามสถานที่ตั้ง ผู้ลงโฆษณา Google สามารถค้นหาข้อกำหนดและเงื่อนไขของประเทศตนเองได้ด้วยเครื่องมือค้นหาข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Google Ads

สำหรับผู้ลงโฆษณาในอินเดีย

ตามข้อกำหนดของกฎข้อที่ 5 ของกฎระเบียบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียปี 2021 (หลักเกณฑ์สำหรับสื่อและจรรยาบรรณสื่อดิจิทัล) (กฎระเบียบด้านสื่อและสื่อดิจิทัลปี 2021) Google จำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบว่า ผู้เผยแพร่ข่าวและเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันอาจต้องส่งรายละเอียดบัญชีของตนใน Google Ads ให้แก่กระทรวงสารสนเทศและการกระจายเสียงแห่งรัฐบาลอินเดีย ตามกฎข้อที่ 18 ของกฎระเบียบด้านสื่อและสื่อดิจิทัล นอกเหนือจากข้อกำหนดในการให้บริการที่เกี่ยวข้อง

สำหรับผู้ลงโฆษณาในออสเตรเลีย

ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2023 ข้อกำหนดของ Google Advertising Program ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าในออสเตรเลียได้มีการเปลี่ยนแปลง สำเนาของข้อกำหนดที่ปรับปรุงแล้วมีดังนี้

ข้อกำหนดเกี่ยวกับโปรแกรมโฆษณา

ข้อกำหนดเกี่ยวกับโปรแกรมโฆษณา ("ข้อกำหนด") นี้ทำขึ้นโดย Google Australia Pty Ltd ("Google") และบุคคลที่ใช้ข้อกำหนดเหล่านี้หรือที่ยอมรับข้อกำหนดเหล่านี้ทางอิเล็กทรอนิกส์ ("ลูกค้า") ข้อกำหนดเหล่านี้ใช้ควบคุมการมีส่วนร่วมของลูกค้าในโปรแกรมและบริการต่างๆ ด้านการโฆษณาของ Google (1) ที่เข้าถึงได้ผ่านบัญชีที่มอบให้กับลูกค้าตามข้อกำหนดเหล่านี้ หรือ (2) ที่รวมไว้ผ่านการอ้างถึงข้อกำหนดเหล่านี้ (เรียกรวมกันว่า "โปรแกรม") โปรดอ่านข้อกำหนดเหล่านี้อย่างละเอียด

1 โปรแกรม ลูกค้าอนุญาตให้ Google และแอฟฟิลิเอตสามารถจัดวางสื่อโฆษณาของลูกค้า ป้อนข้อมูลและเทคโนโลยี (เรียกรวมกันว่า "โฆษณา" หรือ "ครีเอทีฟโฆษณา") ลงในเนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์และบริการ (เรียกแยกกันว่า "ผลิตภัณฑ์และบริการ") ที่ Google หรือแอฟฟิลิเอตจัดหามาในนามของ Google หรือบุคคลที่สาม ("พาร์ทเนอร์") ในกรณีที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในสิ่งต่อไปนี้ (1) โฆษณา (2) การดูแลการแสดงโฆษณาหรือการตัดสินใจกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (เช่น คีย์เวิร์ด) ("เป้าหมาย") (3) ปลายทางที่โฆษณานำผู้ชมไป (เช่น หน้า Landing Page, แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่) พร้อมทั้ง URL ที่เกี่ยวข้อง จุดอ้างอิง และปลายทางการเปลี่ยนเส้นทาง ("ปลายทาง") และ (4) บริการและผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาอยู่ในปลายทาง (เรียกรวมกันว่า "บริการ") โปรแกรมนี้เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่ลูกค้าให้อนุญาตแก่ Google และแอฟฟิลิเอตเพื่อใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการจัดรูปแบบโฆษณา Google และแอฟฟิลิเอตยังอาจจัดหาฟีเจอร์ทางเลือกบางอย่างของโปรแกรมแก่ลูกค้า เพื่อช่วยลูกค้าในการเลือกหรือการสร้างเป้าหมาย โฆษณา หรือปลายทาง ลูกค้าไม่จำเป็นต้องให้อนุญาตการใช้ฟีเจอร์ทางเลือกเหล่านี้ และในกรณีที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าสามารถเลือกใช้หรือไม่ใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าเลือกใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ ลูกค้าก็จะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวสำหรับเป้าหมาย โฆษณา และปลายทางเหล่านั้น Google และแอฟฟิลิเอตสามารถดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลเพื่อปฏิเสธหรือนำเป้าหมาย โฆษณา หรือปลายทางออกได้ทุกเมื่อ (1) หากโฆษณา เป้าหมาย หรือปลายทางที่เกี่ยวข้องละเมิด หรือ Google มีเหตุให้เห็นได้อย่างสมเหตุสมผลว่าละเมิดนโยบายหรือข้อกำหนดเหล่านี้ (2) มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (3) เมื่อจำเป็นหรือเรียกขอโดยพาร์ทเนอร์ (4) เมื่อ Google มีเหตุให้เห็นได้อย่างสมเหตุสมผลว่าโฆษณา เป้าหมาย หรือปลายทางที่เกี่ยวข้องอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ บุคคลที่สาม หรือ Google หรือ (5) เพื่อปกป้องประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ Google Google และแอฟฟิลิเอตพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยี ฟีเจอร์ และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และสามารถแก้ไขหรือยกเลิกโปรแกมได้ทุกเมื่อ หากลูกค้าไม่ยินยอมตามการแก้ไขใดๆ ก็สามารถสิ้นสุดข้อกำหนดเหล่านี้ได้ตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่ 12 ลูกค้ารับทราบว่า Google และแอฟฟิลิเอตสามารถเข้าร่วมการประมูลของโปรแกรมเพื่อสนับสนุนบริการและผลิตภัณฑ์ของ Google เองได้ บางฟีเจอร์ของโปรแกรมถูกระบุไว้ว่าเป็น "เบต้า" หรือยังไม่ได้รับการรองรับหรือเป็นความลับ (เรียกรวมกันว่า "ฟีเจอร์รุ่นเบต้า") ลูกค้าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์รุ่นเบต้า หรือข้อกำหนด หรือการมีอยู่ของฟีเจอร์รุ่นเบต้าที่ยังไม่เป็นสาธารณะใดๆ

2 นโยบาย ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการใช้งานโปรแแกรม (เช่น การเข้าถึงและใช้งานบัญชีของโปรแกรม รวมทั้งการป้องกันดูแลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน) ("การใช้งาน") การใช้งานโปรแกรมนี้จะต้องเป็นไปตามนโยบายของ Google ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถดูได้ที่ google.com/ads/policies และนโยบายอื่นใดทั้งหมดที่ Google กำหนดไว้สำหรับลูกค้า ตลอดจนนโยบายพาร์ทเนอร์และนโยบายความยินยอมของผู้ใช้ EU ของ Google ที่ privacy.google.com/businesses/userconsentpolicy ในขอบเขตที่เป็นไปได้ (ตามแต่ละกรณี ซึ่งจะปรับปรุงแก้ไขเป็นครั้งคราว จะเรียกว่า "นโยบาย") นอกจากนี้ ลูกค้ายังอนุญาต Google ให้ปรับเปลี่ยนโฆษณาได้ตามที่กำหนดไว้ในนโยบายอีกด้วย ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมนี้ Google จะปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google ซึ่งดูได้ที่ google.com/policies/privacy (ตามการแก้ไขเป็นครั้งคราว) เท่าที่การใช้งานโปรแกรมเป็นไปตามขอบเขต Google และลูกค้าตกลงตามแต่กรณีสำหรับ (1) ข้อกำหนดของ Google Ads ด้านการคุ้มครองข้อมูลระหว่างผู้ควบคุมข้อมูล ซึ่งดูได้ที่ privacy.google.com/businesses/controllerterms หรือ (2) ข้อกำหนดการประมวลผลข้อมูลโฆษณาใน Google ซึ่งดูได้ที่ privacy.google.com/businesses/processorterms (เรียกรวมกันว่า "ข้อกำหนดข้อมูล EU") Google จะไม่แก้ไขข้อกำหนดข้อมูล EU เว้นแต่จะอนุญาตไว้อย่างชัดแจ้งในข้อกำหนดข้อมูล EU ลูกค้าจะไม่และจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามใดๆ (1) สร้างการแสดงผล การค้นหา การคลิก หรือ Conversion ไม่ว่าจะเป็นแบบอัตโนมัติ ที่เป็นการฉ้อโกง หรือไม่ถูกต้อง (2) ปกปิด Conversion ของโปรแกรมในกรณีที่ต้องเปิดเผย (3) ใช้วิธีการหรือรูปแบบอัตโนมัติใดๆ เพื่อคัดลอกเนื้อหาหรือดึงข้อมูล เพื่อการเข้าถึง ค้นหา หรือรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาของ Google จากผลิตภัณฑ์และบริการใดก็ตาม เว้นแต่จะอนุญาตไว้อย่างชัดแจ้งแล้วโดย Google หรือ (4) พยายามแทรกแซงการดำเนินการของโปรแกรม ลูกค้าจะต้องติดต่อ Google โดยตรงเท่านั้นหากมีปัญหาใดเกี่ยวกับการโฆษณาในผลิตภัณฑ์และบริการของพาร์ทเนอร์ตามข้อกำหนดเหล่านี้

3 การแสดงโฆษณา (ก) ลูกค้าจะไม่จัดหาโฆษณาที่มีหรือเชื่อมต่อกับมัลแวร์ สปายแวร์ ซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ หรือโค้ดที่เป็นอันตรายอื่นใด หรือจงใจละเมิดหรือหลบเลี่ยงมาตรการความปลอดภัยของโปรแกรมนี้ (ข) ลูกค้าสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์โฆษณาเพื่อวัตถุประสงค์เพียงประการเดียวคือการแสดงหรือติดตามโฆษณาภายใต้โปรแกรมนี้ที่อนุญาตให้มีการแสดงโฆษณาของบุคคลที่สาม และเซิร์ฟเวอร์โฆษณาดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจาก Google ให้เข้าร่วมในโปรแกรมนี้แล้วเท่านั้น Google จะใช้แท็กเซิร์ฟเวอร์โฆษณาของลูกค้าเพื่อให้ทำงานได้ (ค) สำหรับการแสดงโฆษณา Display แบบออนไลน์ที่เรียกเก็บเงินตาม CPM หรืออิงตาม vCPM ("โฆษณา Display") หากจำนวนการแสดงผล ("IC") ที่เกี่ยวข้องของ Google สำหรับโปรแกรมนั้นสูงกว่า IC เซิร์ฟเวอร์โฆษณาบุคคลที่สาม ("3PAS") ของลูกค้ามากกว่า 10% ในช่วงใบแจ้งหนี้นั้น ลูกค้าจะพยายามเจรจาเรื่องการปรับยอดระหว่าง Google กับ 3PAS หากไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติของความขัดแย้งดังกล่าวได้ ลูกค้าจะต้องอ้างสิทธิ์ภายใน 60 วันนับจากวันส่งใบแจ้งหนี้ ("ระยะเวลาการอ้างสิทธิ์") หาก Google ดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลแล้วพิจารณาว่าการอ้างสิทธิ์ถูกต้อง ตามส่วนที่ 9 (ข) Google จะออกเครดิตโฆษณาให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะมีมูลค่าเท่ากับ (90% ของ IC ของ Google ลบด้วย IC ของ 3PAS) คูณด้วย CPM หรือ vCPM เฉลี่ยของแคมเปญตามรายงานของ Google ตามแต่กรณี ในระหว่างช่วงใบแจ้งหนี้ดังกล่าว ลูกค้าจะต้องใช้เครดิตโฆษณาที่ออกให้นั้นภายใน 60 วันนับจากวันที่ออก ("วันหมดอายุเครดิต") และ Google สามารถระงับการอนุญาตของลูกค้าเพื่อใช้งานผู้ให้บริการ 3PAS รายดังกล่าวได้ รวมทั้งสามารถระงับผลบังคับใช้ของข้อกำหนดเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งตามส่วนนี้ของผู้ให้บริการ 3PAS รายดังกล่าว เมตริกจาก 3PAS ที่เป็นเจ้าของแท็กเซิร์ฟเวอร์โฆษณาที่ส่งให้แก่ Google จะถูกนำมาใช้เพื่อคำนวณการยุติความขัดแย้งในกรณีข้างต้น Google อาจกำหนดให้ 3PAS ส่งรายงานความขัดแย้งมาให้ Google โดยตรง ลูกค้าจะไม่ได้รับเครดิตในกรณีที่ความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นจากการที่ 3PAS ไม่สามารถแสดงโฆษณาได้

4 การทดสอบ ลูกค้าอนุญาตให้ Google และแอฟฟิลิเอตทำการทดสอบเป็นระยะๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานโปรแกรมของลูกค้า ซึ่งรวมถึงการกำหนดรูปแบบโฆษณา เป้าหมาย ปลายทาง คุณภาพ ลำดับ ประสิทธิภาพ ราคา และการปรับการเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูล ทั้งนี้ เพื่อรับรองว่าผลการทดสอบจะใช้เวลาเหมาะสมและสมบูรณ์ และเป็นไปตามส่วนที่ 9 (ข) ลูกค้าอนุญาตให้ Google ทำการทดสอบดังกล่าวได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ลูกค้า

5 การยกเลิกโฆษณา เว้นแต่นโยบาย อินเทอร์เฟซผู้ใช้ของโปรแกรม หรือข้อตกลงที่อ้างถึงข้อกำหนดเหล่านี้ ("IO") จะระบุไว้เป็นอื่น คู่สัญญาแต่ละฝ่ายสามารถยกเลิกโฆษณาใดๆ เมื่อใดก็ได้ก่อนการประมูลหรือการจัดตำแหน่งโฆษณาที่เกิดก่อนหน้า แต่หากลูกค้ายกเลิกโฆษณาชิ้นใดหลังจากวันที่ตกลงกันที่ Google ระบุไว้ (เช่น ในกรณีของแคมเปญแบบจอง) ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าธรรมเนียมการยกเลิกตามที่ Google แจ้งลูกค้าไว้ก่อนถึงวันที่สัญญาผูกมัด (ยกเว้นว่าลูกค้าได้ยกเลิกโฆษณา และสิ้นสุดข้อกำหนดเหล่านี้โดยสุจริตเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญในโปรแกรมที่เกี่ยวข้องหรือข้อกำหนดเหล่านี้) และโฆษณาดังกล่าวก็อาจยังถูกเผยแพร่อีกด้วย Google หรือแอฟฟิลิเอตสามารถดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลเพื่อยกเลิกโฆษณาตามส่วนที่ 5 ดังนี้ (1) หากโฆษณาที่เกี่ยวข้องละเมิด หรือ Google มีเหตุให้เห็นได้อย่างสมเหตุสมผลว่าละเมิดนโยบายหรือข้อกำหนดเหล่านี้ (2) มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (3) เมื่อจำเป็นหรือเรียกขอโดยพาร์ทเนอร์ (4) เมื่อ Google มีเหตุให้เห็นได้อย่างสมเหตุสมผลว่าโฆษณาที่เกี่ยวข้องอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ บุคคลที่สาม หรือ Google หรือ (5) เพื่อปกป้องประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ Google โดยทั่วไปแล้ว เมื่อมีการยกเลิกโฆษณา โฆษณานั้นจะหยุดแสดงภายใน 8 ชั่วโมงทำการ หรือตามที่แจ้งไว้ในนโยบายหรือ IO และลูกค้ายังต้องมีภาระหน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่เกิดจากการแสดงโฆษณาดังกล่าว (เช่น ค่าธรรมเนียมตาม Conversion) ลูกค้าจะต้องยกเลิกโฆษณา (1) ทางออนไลน์ผ่านบัญชีของลูกค้าหากมีฟังก์ชันดังกล่าว (2) หากไม่มีฟังก์ชันดังกล่าว ให้แจ้ง Google ทางอีเมลโดยติดต่อกับตัวแทนฝ่ายดูแลลูกค้า หรือ (3) หากไม่มีฟังก์ชันและลูกค้าไม่มีตัวแทนฝ่ายดูแลลูกค้า ให้แจ้ง Google ทางอีเมลที่ ads-support@google.com (เรียกรวมกันว่า "กระบวนการยกเลิกโฆษณา") ลูกค้ายังต้องมีภาระหน้าที่ชำระเงินใดๆ สำหรับโฆษณาที่ยังไม่ได้ส่ง หรือที่ลูกค้าส่งเข้ามาแล้วหลังจากวันที่ครบกำหนดที่ Google กำหนด Google จะไม่มีภาระผูกพันตาม IO ที่ลูกค้ากำหนด

6 การรับประกัน สิทธิ และภาระหน้าที่ ลูกค้าขอรับประกันว่า (ก) ลูกค้าถือสิทธิและมอบสิทธิแก่ Google, แอฟฟิลิเอต และพาร์ทเนอร์ของ Google ในด้านโฆษณา ปลายทาง และเป้าหมายเพื่อให้ Google, แอฟฟิลิเอต และพาร์ทเนอร์ของ Google ดำเนินการโปรแกรมของ Google (รวมถึงในกรณีข้อมูลฟีด หลังจากลูกค้าเลิกใช้โปรแกรมแล้ว) และ (ข) ข้อมูลและการให้สิทธิ์ทั้งหมดที่ได้รับจากลูกค้าเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์ ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน ลูกค้าอนุญาตให้ Google และแอฟฟิลิเอตรับและวิเคราะห์โดยอัตโนมัติ รวมถึงสร้างข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ใช้ทดสอบเพื่อเข้าถึงปลายทางตามวัตถุประสงค์ของโปรแกรม การให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลขโทรศัพท์อื่นแก่ Google ที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมนี้ถือว่าลูกค้ารับอนุญาตให้ Google, แอฟฟิลิเอต และตัวแทนโทรศัพท์ติดต่อหรือส่ง SMS (ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียมในการส่งข้อความและการใช้อินเทอร์เน็ตตามมาตรฐาน) ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้ให้ไว้ ซึ่งรวมถึงระบบการกดหมายเลขโทรศัพท์โดยอัตโนมัติด้วย ตามวัตถุประสงค์ของโปรแกรม อย่างไรก็ตาม Google จะไม่วางใจกับการอนุญาตนี้เพื่อใช้การโทรศัพท์อัตโนมัติหรือส่ง SMS สำหรับวัตถุประสงค์ทางการตลาด นอกจากนี้ ลูกค้ายังอนุญาตให้ Google, แอฟฟิลิเอต และตัวแทนส่งอีเมลไปยังลูกค้าตามวัตถุประสงค์ของโปรแกรมอีกด้วย ลูกค้าขอรับประกันว่าได้รับอนุญาตเพื่อดำเนินการในนามบุคคลที่สามแต่ละราย (หากมี) และมีผลผูกพันตามข้อกำหนดเหล่านี้ โดยลูกค้าจะลงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดเหล่านี้ ("ผู้ลงโฆษณา") และการอ้างอิงถึงลูกค้าในข้อกำหนดเหล่านี้จะยังนำไปใช้กับผู้ลงโฆษณาตามที่เกี่ยวข้องอีกด้วย หากมีเหตุผลใดที่ทำให้ลูกค้าไม่ได้กำหนดให้ผู้ลงโฆษณาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ ลูกค้าจะมีความรับผิดในการดำเนินการตามภาระหน้าที่ที่ผู้ลงโฆษณาต้องมีตามข้อกำหนดเหล่านี้ในกรณีที่ผู้ลงโฆษณามีผลผูกพัน หากลูกค้าใช้โปรแกรมนี้เพื่อโฆษณาในนามของตนเอง การใช้งานเช่นนี้ถือว่าลูกค้ามีฐานะเป็นทั้งลูกค้าและผู้ลงโฆษณา ลูกค้าจะให้ข้อมูลการรายงานแก่ผู้ลงโฆษณาไม่น้อยไปกว่าเป็นประจำทุกเดือน โดยรายงานดังกล่าวจะต้องเปิดเผยยอดเงินทั้งหมดที่ชำระให้แก่ Google รวมทั้งประสิทธิภาพ (โดยระบุต้นทุนขั้นต่ำ จำนวนคลิก และจำนวนการแสดงผลของผู้ใช้ในบัญชีของผู้ลงโฆษณารายนั้น) โดยประกาศไว้ในสถานที่ที่เห็นได้ชัดเจน Google สามารถแชร์ข้อมูลเฉพาะของผู้ลงโฆษณาให้กับผู้ลงโฆษณา เมื่อมีการร้องขอจากผู้ลงโฆษณา

7 โฆษณาชดเชย สำหรับโฆษณา Display แบบจอง Google จะส่งมอบจำนวนรวมของโฆษณา Display ให้ตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ก่อนจบแคมเปญ หาก Google ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ได้ ตามส่วนที่ 9 (ข) ลูกค้าที่โต้แย้งเรื่องการชำระเงินที่ชำระให้กับ Google สำหรับโฆษณา Display นั้นจะต้องดำเนินการอ้างสิทธิ์ภายในระยะเวลาการอ้างสิทธิ์ หาก Google ดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลแล้วยืนยันว่าการอ้างสิทธิ์มีความถูกต้อง Google ก็จะไม่เรียกเก็บเงินค่าโฆษณา Display ที่ยังไม่ได้แสดง หรือหากลูกค้าชำระเงินไปแล้ว Google จะจัดหา (1) เครดิตโฆษณา ซึ่งจะต้องนำไปใช้ก่อนวันหมดอายุของเครดิตดังกล่าว (2) การจัดวางโฆษณา Display ให้ ณ ตำแหน่งที่เทียบเท่ากันภายใน 60 วันนับจากวันที่ Google ยืนยันความถูกต้องของการอ้างสิทธิ์นั้น หรือ (3) การต่ออายุแคมเปญดังกล่าวออกไป ภายใต้การพิจารณาตามที่เห็นสมควรของ Google และเป็นไปตามส่วนที่ 9 (ข) เมื่อดำเนินการได้ตามนโยบายของ Google เครดิตโฆษณาสามารถคืนให้ได้เมื่อลูกค้าปิดบัญชี Google ไม่สามารถรับประกันว่าโฆษณาแบบประมูลจะแสดง และดังนั้นจึงไม่มีโฆษณาชดเชยในกรณีที่เป็นโฆษณาแบบประมูล

8 การชำระเงิน ลูกค้าจะต้องชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามโปรแกรมนี้ โดยใช้วิธีการชำระเงินที่ Google อนุญาตสำหรับลูกค้า (ซึ่งจะมีการแก้ไขเป็นครั้งคราว) ภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์ตามที่ Google ระบุ (เช่น ตามที่ระบุไว้ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของโปรแกรม หรือ IO) การชำระเงินล่าช้าจะมีดอกเบี้ยในอัตรา 1.5% ต่อเดือน (หรืออัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด หากต่ำกว่านี้) ค่าบริการยังไม่รวมภาษี นอกจากนี้ ลูกค้าจะต้องชำระ (1) ภาษีทั้งหมดและค่าบริการจากภาครัฐบาลอื่นๆ (2) ค่าใช้จ่ายตามสมควรพร้อมด้วยค่าธรรมเนียมทางกฎหมายที่ Google ต้องเสียไปในการเรียกเก็บเงินที่ชำระล่าช้านี้ที่ไม่ได้มีการโต้แย้งโดยสุจริต ค่าธรรมเนียมจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเรียกเก็บเงินตามโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง (เช่น ตามจำนวนการคลิก จำนวนการแสดงผล หรือจำนวน Conversion) ค่าธรรมเนียมส่วนใดก็ตามที่ไม่ได้มีการโต้แย้งโดยสุจริตจะต้องชำระเต็มจำนวน คู่สัญญาไม่สามารถหักลบการชำระเงินใดๆ ที่ครบกำหนดชำระภายใต้ข้อกำหนดเหล่านี้ จากการชำระเงินอื่นใดที่จะดำเนินการภายใต้ข้อกำหนดเดียวกันได้ Google สามารถดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลเพื่อขยาย แก้ไข หรือเพิกถอนเครดิตในเวลาใดก็ตาม โดยพิจารณาตามที่เห็นสมควรแต่เพียงผู้เดียว Google ไม่มีภาระหน้าที่ในการแสดงโฆษณาให้เกินวงเงินเครดิต หาก Google ไม่ได้แสดงโฆษณาไปยังเป้าหมายหรือปลายทางที่เลือก กรณีนี้จะเป็นไปตามส่วนที่ 9 (ข) ที่ระบุว่าลูกค้าต้องอ้างสิทธิ์รับเครดิตโฆษณาภายในระยะเวลาการอ้างสิทธิ์ หลังจากนั้น Google จะออกเครดิตให้หลังจากตรวจสอบความถูกต้องของการอ้างสิทธิ์แล้ว และต้องนำไปใช้ก่อนวันหมดอายุเครดิต ลูกค้าเข้าใจแล้วว่าบุคคลที่สามสามารถสร้างจำนวนการแสดงผลหรือจำนวนคลิกให้โฆษณาของลูกค้าได้โดยมีวัตถุประสงค์ที่ผิดระเบียบหรือไม่เหมาะสม หากเกิดสิ่งนี้ขึ้น ตามส่วนที่ 9 (ข) ลูกค้าต้องอ้างสิทธิ์รับเครดิตโฆษณาภายในระยะเวลาการอ้างสิทธิ์ หลังจากนั้น Google จะออกเครดิตให้หลังจากตรวจสอบความถูกต้องของการอ้างสิทธิ์แล้ว และต้องนำไปใช้ก่อนวันหมดอายุเครดิต เมื่อดำเนินการได้ตามนโยบายของ Google เครดิตโฆษณาสามารถคืนให้ได้เมื่อลูกค้าปิดบัญชี ในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายกำหนดและเป็นไปตามส่วนที่ 9 (ข) ลูกค้าเพิกถอนการกล่าวการอ้างสิทธิ์รับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของโปรแกรม นอกเสียจากว่าได้ดำเนินการอ้างสิทธิ์ภายในช่วงการอ้างสิทธิ์

9 ข้อจำกัดความรับผิด (ก) ในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายกำหนดและเป็นไปตามข้อ 9 (ข) ด้านล่าง คู่สัญญาแต่ละฝ่าย ทั้งในนามของตนเองและแอฟฟิลิเอต จะไม่รวมการรับประกันโดยนัยทั้งหมด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสำหรับการไม่ละเมิด คุณภาพที่น่าพึงพอใจ คุณค่าความเป็นสินค้า หรือความเหมาะสมสำหรับจุดประสงค์ใดๆ ในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายกำหนดและเป็นไปตามข้อ 9 (ข) ด้านล่าง โปรแกรมและ Google แอฟฟิลิเอตของ Google รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการของพาร์ทเนอร์ได้ถูกจัดให้ "ตามลักษณะที่เป็น" โดยแอฟฟิลิเอตหรือพาร์ทเนอร์ของ Google จะให้การรับประกันหรือยืนยันใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมหรือผลลัพธ์ที่ได้จากโปรแกรมโดยอยู่ภายใต้การเลือกและความเสี่ยงของลูกค้าและผู้ลงโฆษณาเอง ไม่ใช่ของ Google (ข) กฎหมายบางอย่างของเขตอำนาจศาลที่ลูกค้าอาศัยอยู่ เช่น กฎหมายผู้บริโภคชาวออสเตรเลีย อาจมอบสิทธิและการชดเชย และอาจกล่าวโดยนัยถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อกำหนดเหล่านี้ที่ไม่สามารถยกเว้นได้ สิทธิ การชดเชย และข้อกำหนดที่กล่าวโดยนัยไม่สามารถยกเว้นจากข้อกำหนดเหล่านี้ได้ ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้ Google จำกัดการดำเนินการ ความรับผิดของ Google ภายใต้กฎหมายเหล่านั้นจะถูกจำกัดไว้ตามตัวเลือก เพื่อให้สามารถให้บริการต่างๆ ได้อีกครั้ง หรือการชำระเงินตามต้นทุนเพื่อให้บริการใช้งานได้อีกครั้ง หากสัญญาที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนดเหล่านี้เป็น "สัญญาสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก" ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายผู้บริโภคของออสเตรเลีย ลูกค้าสามารถเลือกที่จะปฏิบัติตามกระบวนการในการอ้างสิทธิ์รับเครดิตโฆษณาที่กำหนดไว้ในส่วนที่ 3, 7 หรือ 8 หรือให้ Google พิจารณาตามตัวเลือกของ Google ในการมอบบริการอันเป็นเหตุของอ้างสิทธิ์รับอีกครั้ง หรือชำระให้แก่ลูกค้าตามราคาในการรับบริการอันเป็นเหตุของอ้างสิทธิ์รับอีกครั้ง

10 ข้อจำกัดความรับผิด (ก) ไม่มีสิ่งใดในข้อตกลงฉบับนี้หรือ IO ฉบับใดที่จะยกเว้นหรือจำกัดขอบเขตความรับผิดของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายในเรื่องต่อไปนี้: (i) การเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บส่วนบุคคลที่เกิดจากความประมาทของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือลูกจ้าง ตัวแทน หรือพนักงานของฝ่ายดังกล่าว; (ii) การฉ้อโกงหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ; (iii) ข้อ 11 (การปกป้อง); (iv) การละเมิดข้อ 3 (ก), 6 (ค), 13(ง) โดยลูกค้าหรือประโยคสุดท้ายของข้อ 1, (v) การจ่ายเงินที่ค้างจ่ายตามสมควรและติดค้างอีกฝ่ายอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ตามปกติ; หรือ (vi) สิ่งใดก็ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าห้ามยกเว้นหรือจำกัดขอบเขตความรับผิด ในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายกำหนดแต่เป็นไปตามส่วนที่ 9 (ข) เสมอ: (ก) ไม่มีคู่สัญญาฝ่ายใดหรือแอฟฟิลิเอตของตนที่จะมีความรับผิดตามหรือที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดเหล่านี้ (ไม่ว่าจะเป็นการสัญญา ละเมิด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความประมาทหรือสิ่งอื่นใด) สำหรับสิ่งใดๆ ต่อไปนี้ (1) การสูญเสียผลกำไร (2) การสูญเสียเงินสะสมที่คาดการณ์ไว้ (3) การสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ (4) การสูญเสียหรือเกิดข้อขัดข้องเกี่ยวกับข้อมูล (5) การสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากการกล่าวอ้างของบุคคลที่สาม หรือ (6) การสูญเสียทางอ้อม แบบพิเศษ หรือเป็นผลของเหตุการณ์อื่น ซึ่งประสบโดยหรือเกิดขึ้นจากอีกฝ่ายหนึ่ง (ไม่ว่าการสูญเสียนั้นจะเกิดจากการไตร่ตรองของคู่สัญญาแล้วหรือไม่ในวันที่ลูกค้ายอมรับข้อกำหนดเหล่านี้) และ (ข) ตามส่วนที่ 10 (ก) ความรับผิดโดยรวมของแต่ละฝ่ายต่ออีกฝ่ายหนึ่งตามเหตุการณ์หรือชุดเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกันภายใต้หรือตามที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดเหล่านี้ จะถูกจำกัดอยู่ภายใต้จำนวนเงินที่สูงกว่า (1) จำนวนที่ลูกค้าจ่ายได้ที่ให้แก่ Google ภายใต้ข้อกำหนดในเวลา 3 เดือน ซึ่งนับจากเดือนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น (หรือเดือนแรกที่เกิดชุดเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกัน) และ (2) 25,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

11 การชดใช้ค่าเสียหาย ลูกค้าจะปกป้องและชดใช้ค่าเสียหายแก่ Google, พาร์ทเนอร์, ตัวแทน, แอฟฟิลิเอต และผู้อนุญาต (เรียกแยกกันว่า "บุคคลที่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย") ต่อความรับผิด ความเสียหาย การสูญเสีย ค่าเสียหาย ค่าธรรมเนียม (รวมถึงค่าธรรมเนียมด้านกฎหมาย) และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการกล่าวหาหรือการดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลที่สามที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับโฆษณา เป้าหมาย ปลายทาง บริการ การใช้งาน หรือการละเมิดข้อกำหนดเหล่านี้โดยลูกค้า เว้นแต่จะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายแต่ละรายตามการกล่าวอ้างหรือความรับผิดของบุคคลที่สามที่เกิดขึ้นจากผลโดยตรงของ (ก) ความประมาทหรือการประพฤติผิดของบุคคลที่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย หรือ (ข) การละเมิดข้อกำหนดของบุคคลที่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย ในส่วนนี้ พาร์ทเนอร์คือผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สามตามเจตนาที่ตั้งไว้

12 การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด Google สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญข้อตกลงนี้อย่างไม่เป็นรูปธรรมได้ทุกเมื่อ แต่ Google จะประกาศแจ้งล่วงหน้าอย่างสมเหตุสมผลถึงการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญข้อตกลง การเปลี่ยนแปลงใดๆ ข้อกำหนดจะโพสต์ไว้ที่ google.com/ads/terms และ Google จะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมอย่างสมเหตุสมผลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เป็นสาระสำคัญ การเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดจะไม่มีผลย้อนหลัง และจะมีผลบังคับใช้หลังจากแจ้งให้ทราบไม่น้อยกว่า 30 วัน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงจากสาเหตุทางกฎหมายนั้นจะมีผลทันทีที่แจ้งให้ทราบ คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถสิ้นสุดข้อกำหนดเหล่านี้ได้ตลอดเวลา โดยต้องแจ้งให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งทราบ แต่ (1) แคมเปญที่ไม่ถูกยกเลิกภายใต้ส่วนที่ 5 และแคมเปญใหม่อาจทำงานและได้รับการจองได้ และ (2) การใช้งานโปรแกรมอย่างต่อเนื่องในแต่ละกรณีจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Google สำหรับโปรแกรม ณ เวลานั้น (อ่านได้ที่ google.com/ads/terms) Google สามารถดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลเพื่อระงับสิทธิของลูกค้าในการเข้าร่วมโปรแกรมนี้เมื่อใดก็ได้ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการชำระเงิน การสงสัยว่าละเมิดหรือการละเมิดนโยบายหรือข้อกำหนดเหล่านี้ หรือด้วยเหตุผลทางกฎหมาย หรือเมื่อ Google เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจช่วยหลีกเลี่ยงการเป็นอันตรายหรือความรับผิดของผู้ใช้ บุคคลที่สาม หรือ Google ในทุกกรณี การแสดงแคมเปญใดๆ ของลูกค้าหลังจากที่ได้สิ้นสุดลงแล้วจะอยู่ภายใต้การพิจารณาตามที่เห็นสมควรอย่างสมเหตุสมผลโดย Google

13 การระงับข้อพิพาท ในกรณีที่มีการโต้แย้งซึ่งเกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดเหล่านี้ (เรียกแยกกันว่า "การโต้แย้ง") คู่สัญญาจะพยายามแก้ไขปัญหาการโต้แย้งนั้นโดยสุจริตภายใน 60 วันนับจากการแจ้งเตือนแบบเป็นลายลักษณ์อักษรเรื่องการโต้แย้งจากอีกฝ่าย ไม่มีส่วนใดในข้อกำหนดเหล่านี้ที่จะป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสวงหาความช่วยเหลือรายบุคคลหรือคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลใดๆ ที่มีเขตอำนาจ

14 เบ็ดเตล็ด (ก) การอ้างสิทธิ์ทั้งหมดที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดเหล่านี้หรือโปรแกรมนี้จะเป็นไปตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไม่รวมถึงกฎเรื่องการขัดแย้งกันของกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย เว้นแต่ว่ากฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียจะขัดกันหรือถูกหักล้างด้วยกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา (ข) เว้นแต่จะได้ระบุไว้ในส่วนที่ 13 การอ้างสิทธิ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดเหล่านี้หรือโปรแกรมจะดำเนินการฟ้องร้องเฉพาะที่ศาลระดับรัฐบาลกลางหรือระดับรัฐของเทศมณฑลซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น คู่สัญญายอมรับอำนาจการตัดสินของศาลดังกล่าว ตามที่กฎหมายท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกำหนดห้ามไม่ให้ข้อโต้แย้งบางอย่างมีการทำการตกลงกันในศาลแคลิฟอร์เนีย ลูกค้าจึงสามารถส่งข้อโต้แย้งเหล่านั้นในศาลท้องถิ่นของลูกค้าได้ ในทำนองเดียวกัน หากกฎหมายท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกำหนดห้ามไม่ให้ศาลท้องถิ่นของลูกค้าใช้กฎหมายแคลิฟอร์เนียเพื่อทำการตกลงข้อโต้แย้งเหล่านี้ ข้อโต้แย้งเหล่านี้จะอยู่ในบังคับของกฎหมายท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องของประเทศ รัฐ หรือสถานที่ประกอบธุรกิจอื่นๆ ของลูกค้า (ค) ข้อกำหนดเหล่านี้คือข้อตกลงทั้งหมดของคู่สัญญาเกี่ยวกับเรื่องของทั้ง 2 ฝ่าย และมีผลแทนข้อตกลงก่อนหน้าหรือที่มีอยู่แล้วในเรื่องเหล่านั้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อความรับผิดสำหรับคำกล่าวที่เป็นเท็จ ทำให้เข้าใจผิด หลอกลวงหรือการสื่อให้เข้าใจผิดที่มีมาก่อนหน้า (ง) ลูกค้าไม่อาจสร้างคําประกาศสาธารณะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากข้อกำหนดเหล่านี้ (เว้นแต่หากกฎหมายกำหนด) (จ) เอกสารแจ้งการสิ้นสุดสัญญาหรือการละเมิดทั้งหมด หรือภายใต้ส่วนที่ 13 นั้นจะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและส่งไปยังแผนกกฎหมายของอีกฝ่ายหนึ่ง (หรือในกรณีที่ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายมีแผนกกฎหมายหรือไม่ ให้ส่งไปยังที่ติดต่อหลักของอีกฝ่าย หรือที่อยู่อื่นใดที่ระบุไว้) อีเมลสำหรับส่งเอกสารแจ้งของแผนกกฎหมายของ Google ก็คือ legal-notices@google.com ส่วนเอกสารแจ้งอื่นทั้งหมดที่ส่งให้กับลูกค้าจะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและส่งถึงอีเมลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของลูกค้า ส่วนเอกสารแจ้งอื่นทั้งหมดให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรและจ่าหน้าถึงที่ติดต่อหลักของลูกค้าที่ Google หรือตามวิธีอื่นที่ Google มีให้ การแจ้งจะถือว่าได้ดำเนินการส่งให้แล้วเมื่อมีการรับ ตามที่ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรหรือแบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อกำหนดในการแจ้งเหล่านี้ไม่ใช้บังคับกับบริการด้านกฎหมายของกระบวนการซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ (ฉ) เว้นแต่จะมีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดเหล่านี้โดย Google ตามส่วนที่ 12 การปรับเปลี่ยนแก้ไขใดๆ นั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย และต้องมีการระบุอย่างชัดแจ้งว่าเป็นการแก้ไขข้อกำหนดเหล่านี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ถือว่าสละสิทธิ์ใดๆ หากไม่ได้ใช้ (หรือเลื่อนเวลาการใช้) สิทธิใดๆ ภายใต้ข้อกำหนดนี้ หากพบว่าไม่สามารถบังคับใช้บทบัญญัติในข้อกำหนดเหล่านี้ บทบัญญัตินั้นจะถูกแยกออกและระยะเวลาในการบังคับใช้ที่เหลืออยู่ของข้อกำหนดจะยังมีผลบังคับอย่างสมบูรณ์ (ช) ห้ามคู่สัญญาฝ่ายใดก็ตามให้สิทธิ์ส่วนใดส่วนหนึ่งของข้อกำหนดเหล่านี้แก่ผู้อื่น โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่สัญญาอีกฝ่าย ยกเว้นการให้สิทธิ์แก่ Affiliate แต่เฉพาะในกรณีที่ (I) ผู้รับสิทธิ์ได้ตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะผูกพันตามข้อกำหนดเหล่านี้ (II) ฝ่ายที่เป็นผู้ให้สิทธิ์ยังคงรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ภายใต้ข้อกำหนดเหล่านี้ หากผู้รับสิทธิ์ผิดนัดที่จะกระทำการดังกล่าว และ (III) ฝ่ายที่เป็นผู้ให้สิทธิ์ได้บอกกล่าวแก่คู่สัญญาอีกฝ่ายถึงการให้สิทธิ์ ความพยายามอื่นใดในการถ่ายโอนหรือให้สิทธิ์จะถือว่าเป็นโมฆะ (ซ) ยกเว้นตามที่แสดงไว้อย่างชัดเจนในหัวข้อ 11 จะไม่มีผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สามภายใต้ข้อกำหนดเหล่านี้ (ฌ) ข้อกำหนดเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดการเป็นเอเจนซี พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ หรือกิจการร่วมค้าใดๆ ระหว่างคู่สัญญา (ญ) ส่วนที่ 1 (ประโยคสุดท้ายเท่านั้น) และส่วนที่ 8 ถึง 14 จะมีผลต่อไปแม้จะมีการสิ้นสุดข้อกำหนด (ฎ) คู่สัญญาหรือบริษัทในเครือไม่ต้องรับผิดต่อความล้มเหลวหรือความล่าช้าในการปฏิบัติงานในขอบเขตที่เกิดจากสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมที่สมเหตุสมผล

9 พฤศจิกายน 2023

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
false
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
8345987723676290468
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false