คู่มือผู้ลงโฆษณาเกี่ยวกับการทำงานกับบุคคลที่สาม

Google แปลเนื้อหาในศูนย์ช่วยเหลือไว้หลายภาษา โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของนโยบาย อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันทางการที่เราบังคับใช้นโยบายคือเวอร์ชันภาษาอังกฤษ หากต้องการดูบทความนี้ในภาษาอื่น โปรดเลือกภาษาจากเมนูแบบเลื่อนลงท้ายหน้า

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการโฆษณาออนไลน์ของ Google

การโฆษณากับ Google ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ได้ทันทีในขณะที่ลูกค้าค้นหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการประเภทของคุณ คุณเลือกจ่ายค่าบริการสำหรับการคลิก การแสดงผล หรือ Conversion ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของแคมเปญที่ใช้งาน

เมื่อโฆษณาทำงานแล้ว เราจะแสดงข้อมูลประสิทธิภาพเพื่อให้พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามติดตามผลได้ว่าสิ่งใดทำงานได้ดีและสิ่งใดใช้ไม่ได้ผล ผลิตภัณฑ์การโฆษณาของ Google Ads เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงจึงช่วยให้คุณเข้าใจอย่างชัดเจนเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนด้านการโฆษณา และช่วยให้พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดได้

นอกจากใน Google Search แล้ว คุณยังแสดงโฆษณาในเครือข่ายเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ของ Google (ที่ที่คุณอาจเคยเห็นข้อความ "โฆษณาโดย Google") รวมถึง YouTube ได้อีกด้วย ในเครือข่ายนี้ คุณใช้ประโยชน์จากรูปแบบโฆษณาอื่นๆ เช่น โฆษณาแบบรูปภาพ และโฆษณาวิดีโอได้

Google และพาร์ทเนอร์บุคคลที่สาม

เราเชื่อว่าการโฆษณาของ Google ช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ อย่างไรก็ตาม คุณอาจไม่มีเวลาหรือทรัพยากรมากพอที่จะทุ่มเทให้กับการสร้างและดูแลบัญชีให้ประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ หรืออาจต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

นั่นคือหน้าที่ของพาร์ทเนอร์บุคคลที่สามของเรา พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามมีอยู่หลายประเภท ตั้งแต่เอเจนซีโฆษณาขนาดใหญ่ที่สุดและผู้เผยแพร่โฆษณาบนสมุดหน้าเหลือง ไปจนถึงที่ปรึกษาเว็บที่ทำงานคนเดียว เราได้พัฒนาโปรแกรม Partners ขึ้นมาเพื่อช่วยคุณเลือกพาร์ทเนอร์บุคคลที่สาม พาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วมซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของหนี่งในโปรแกรม Partners จะแสดงป้ายโปรแกรมดังกล่าวบนเว็บไซต์ของตนได้ ป้าย 2 ป้ายที่คุณอาจจะเห็นคือ Google Partners และ Premier Partners

หากต้องการยืนยันว่าบริษัทได้รับการรับรองจากโปรแกรม Partners ให้คลิกที่ป้ายบนเว็บไซต์ และหากบริษัทได้รับการรับรอง ระบบจะนำคุณไปที่หน้าโปรไฟล์บน Google

วิธีทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์บุคคลที่สาม

พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามจะช่วยคุณและธุรกิจของคุณประหยัดทั้งแรงและเวลาไปได้มาก เราขอแนะนำให้คุณคอยรับทราบข้อมูล เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และรับรู้ข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับแคมเปญโฆษณาของคุณอยู่เสมอ และปล่อยให้พาร์ทเนอร์ของคุณจัดการงานต่างๆ ที่ใช้เวลานาน ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามมักจะคิดค่าบริการเพิ่มเติมจากต้นทุนในการโฆษณาของคุณ โปรดทราบว่า เป้าหมายของพาร์ทเนอร์เหล่านั้นคือการให้บริการที่มีประโยชน์ เช่น ดูแลจัดการแคมเปญ ส่งรายงานให้คุณ ตอบคำถามหรือเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ เราเชื่อว่าคุณต้องการทราบต้นทุนทั้งหมดของการโฆษณา รวมถึงค่าธรรมเนียมใดๆ ที่พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามเรียกเก็บ คุณคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ด้วยเงินจำนวนนี้ได้ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อให้รู้เท่าทัน

  1. เลือกพาร์ทเนอร์เพียงหนึ่งราย คุณอาจต้องการแบ่งงบประมาณออกเป็นส่วนๆ เพื่อใช้กับบุคคลที่สามหลายราย แล้วดูว่ารายใดก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณทำเช่นนั้นได้ แต่เราขอแนะนำให้ลองทดสอบทีละราย Google ไม่แสดงโฆษณาเกิน 1 รายการต่อธุรกิจในหน้าผลการค้นหา คุณจึงทดสอบบุคคลที่สามหลายรายพร้อมกันได้ยาก
  2. หาความรู้ให้ตัวคุณเอง การทำความเข้าใจเรื่องการโฆษณาขั้นสูงอาจใช้เวลานาน แต่การเรียนรู้พื้นฐานการโฆษณา Google ใช้เวลาสั้นกว่านั้น โปรดอ่านหัวข้อ "ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการโฆษณา" ด้านล่าง หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Google Ads การทำความเข้าใจเรื่องโปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้ตัดสินใจเรื่องพาร์ทเนอร์บุคคลที่สามได้ดียิ่งขึ้น
  3. เชื่อในประสบการณ์ หากทำงานกับบริษัทที่ดูแลจัดการบัญชีการโฆษณาของ Google หลายร้อยบัญชี คุณน่าจะมีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์โฆษณาของ Google ประสบการณ์ที่ผ่านมาอาจช่วยให้คุณทราบว่าธุรกิจบางประเภทเคยมีต้นทุนการโฆษณาออนไลน์สูงกว่านี้ หรือคีย์เวิร์ดหรือโฆษณาบางรายการอาจไม่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
  4. ประเมินประสิทธิภาพของคุณ หากไม่เน้นไปที่การสร้างแบรนด์ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการโฆษณาคือผลตอบแทนจากการลงทุน (เช่น จำนวนลูกค้าใหม่ที่มาหา) คุณจึงควรใช้เวลาในการวัดสิ่งที่คุณได้ลงทุนไปและผลลัพธ์ที่คุณได้รับจากการลงทุนนั้นในแต่ละเดือน

สิ่งที่ควรระวัง

เราเชื่อว่าคุณต้องการได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมจากการโฆษณากับ Google โปรดแจ้งให้เราทราบหากคุณไม่ประทับใจ คุณควรลองปรึกษาพาร์ทเนอร์บุคคลที่สามก่อนเพื่อพยายามแก้ไขปัญหาใดๆ ก่อนที่จะติดต่อเรา พาร์ทเนอร์หลายรายได้รับความไว้วางใจจากเราเนื่องจากได้ช่วยรักษาผลประโยชน์แทนผู้ลงโฆษณาของตนเป็นอย่างดี แต่บางรายก็ไม่เป็นเช่นนั้น ต่อไปนี้เป็นกิจกรรมบางอย่างที่ควรระวังและแจ้งให้เราทราบ

  • การไม่เปิดเผยข้อมูลต้นทุนและประสิทธิภาพของแคมเปญการโฆษณาอย่างน้อยคุณก็มีสิทธิ์ที่จะทราบจำนวนการคลิก การแสดงผล และต้นทุนจากการโฆษณา Google
  • รับประกันตำแหน่งโฆษณา ทั้งในช่องทางการโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงหรือในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามต้องไม่รับประกันอันดับโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงในหน้าผลการค้นหาของ Google.com เราจะตัดสินอันดับโฆษณาจากการประมูลและเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกตามการค้นหาใหม่ทุกครั้ง พาร์ทเนอร์บางรายอาจเรียกเก็บเงินเฉพาะเวลาที่ได้ตำแหน่งโฆษณาที่ต้องการ แต่เราถือว่าพาร์ทเนอร์ที่รับประกันตำแหน่งที่แน่นอน (เช่น รับประกันว่าโฆษณาของคุณจะอยู่อันดับบนสุดทุกครั้งที่ผู้ใช้ค้นด้วยคีย์เวิร์ดของคุณ) นั้นนำเสนอการทำงานของโฆษณา Google ในทางที่ผิด
  • ข้อกำหนดในการสร้างบัญชี เอเจนซีบุคคลที่สามจะต้องสร้างบัญชีโฆษณาแยกต่างหากให้คุณเพื่อเป็นตัวแทนอย่างถูกต้อง
  • อ้างว่าเป็น Google โปรดถามชื่อบุคคลผู้นั้นและขอให้ส่งอีเมลถึงคุณโดยใช้ที่อยู่อีเมล @google.com (ไม่ใช่ @gmail.com)
  • การล่วงละเมิดหรือกลั่นแกล้งเพื่อให้ลงชื่อสมัครใช้ พาร์ทเนอร์บุคคลที่สามนำธุรกิจของคุณออกจากผลการค้นหาทั่วไปบน Google.com ไม่ได้
  • อ้างว่าการโฆษณาบน Google จะมีผลต่อการจัดอันดับทั่วไป การโฆษณาบน Google ไม่มีผลกระทบต่อการจัดอันดับทั่วไปในผลการค้นหา ทั้งสองสิ่งนี้แยกจากกันโดยสิ้นเชิง
  • ตั้งราคาหลอกลวง เอเจนซีอาจไม่ใช้งบประมาณการโฆษณาอย่างถูกต้องตามที่ตกลงกับคุณ โปรดตรวจสอบว่าคุณได้รับสำเนาอย่างเป็นทางการของข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร

รายงานการละเมิดนโยบายบุคคลที่สาม

หากคิดว่าพาร์ทเนอร์บุคคลที่สามละเมิดนโยบายนี้ โปรดแจ้งให้เราทราบผ่านรายงานการละเมิดนโยบายบุคคลที่สาม เมื่อได้รับการติดต่อเกี่ยวกับบุคคลที่สาม แม้ว่าเราจะไม่ได้ตอบกลับหาคุณเป็นการส่วนตัว แต่เราจะตรวจสอบความคิดเห็นที่แจ้งมา และจะดำเนินการตามความเหมาะสมหากจำเป็น

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการโฆษณา

  • อันดับเฉลี่ย อันดับเฉลี่ยที่โฆษณาปรากฏขึ้นเมื่อมีการเรียกให้แสดง โดยทั่วไป อันดับเฉลี่ย 1-8 หมายความว่าโฆษณานั้นปรากฏในหน้าแรกของผลการค้นหา
  • จำนวนคลิก จำนวนครั้งที่ผู้ใช้คลิกโฆษณาของคุณ
  • อัตราการคลิกผ่าน (CTR) จำนวนการคลิกที่โฆษณาของคุณได้รับหารด้วยจำนวนการแสดงผล แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ CTR ที่ดีช่วยปรับปรุงอันดับเฉลี่ยของคุณได้
  • Conversion กิจกรรมที่เกิดจากการโฆษณาของคุณ เช่น การโทร โอกาสในการขาย หรือการขาย ซึ่งมักจะเป็นเครื่องวัดความสำเร็จที่ดีสำหรับการโฆษณาของคุณ
  • ต้นทุน จำนวนเงินทั้งหมดที่คุณใช้จ่ายกับการโฆษณา Google
  • การแสดงผล จำนวนครั้งที่มีการแสดงโฆษณาของคุณ
  • คีย์เวิร์ด คำหรือวลีที่คุณเลือกสำหรับ Google Ads เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำเหล่านั้นใน Google โฆษณาของคุณอาจปรากฏข้างหรือเหนือผลการค้นหานั้น

หากมีคำถามเกี่ยวกับบัญชีการโฆษณา Google แล้วต้องการความช่วยเหลือ โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Google Ads

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก