สำคัญ
- ขั้นตอนเหล่านี้จะมีบางขั้นตอนที่ใช้ได้กับ Android 12 ขึ้นไปเท่านั้น ดูวิธีตรวจสอบเวอร์ชัน Android
- คุณจำเป็นต้องแตะหน้าจอในบางขั้นตอน
- ขั้นตอนเหล่านี้ใช้กับ Fitbit Ace LTE ได้ด้วย
- หากคุณมีแท็บเล็ตหรืออุปกรณ์ที่มีผู้ใช้มากกว่า 1 คน ผู้ใช้แต่ละคนจะตั้งค่าการเข้าถึงตำแหน่งที่ต่างกันได้
ทำความเข้าใจการตั้งค่าตำแหน่งที่มีในอุปกรณ์ของคุณ
สำคัญ: เมื่อการตั้งค่าตำแหน่งของอุปกรณ์ปิดอยู่ แอปและบริการจะไม่ได้รับตำแหน่งของอุปกรณ์ แต่คุณจะยังได้รับผลการค้นหาในพื้นที่และโฆษณาที่อิงตามที่อยู่ IP
Google มีบริการตามตำแหน่ง ซึ่งประกอบด้วยรายการต่อไปนี้
- ความแม่นยำของตำแหน่งสำหรับอุปกรณ์ (หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "บริการตำแหน่งของ Google"): หากต้องการตำแหน่งของอุปกรณ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น โปรดดูวิธีจัดการความแม่นยำของตำแหน่ง
- บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินสำหรับอุปกรณ์ Android: ดูวิธีจัดการบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินของ Android
- การแจ้งเตือนแผ่นดินไหวสำหรับอุปกรณ์ Android: หากต้องการรับข้อมูลอัปเดตบนอุปกรณ์เกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียง โปรดดูวิธีจัดการการแจ้งเตือนแผ่นดินไหว
- ใช้ตำแหน่งสำหรับเขตเวลาในอุปกรณ์: หากต้องการให้อัปเดตเขตเวลาตามตำแหน่ง โปรดดูวิธีจัดการตำแหน่งสำหรับเขตเวลา
- ไทม์ไลน์ของบัญชี Google: ไทม์ไลน์คือการตั้งค่าบัญชี Google ซึ่งสร้างแผนที่ส่วนบุคคลที่ช่วยให้คุณจดจำสถานที่ เส้นทาง และการเดินทางที่เคยไปได้ ดูวิธีเปิดไทม์ไลน์
- การแชร์ตำแหน่งของ Google Maps: หากต้องการให้ผู้อื่นทราบว่าอุปกรณ์ของคุณอยู่ที่ไหน โปรดดูวิธีแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ผ่าน Google Maps
- ตำแหน่งใน Search: หากต้องการรับผลการค้นหาที่มีประโยชน์ยิ่งขึ้นเมื่อค้นหาใน Google โปรดดูวิธีจัดการสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งสำหรับเว็บไซต์และแอป
- การสแกนหา Wi-Fi และการสแกนหาบลูทูธ: หากต้องการช่วยให้แอปได้รับข้อมูลตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้น โปรดดูวิธีสแกนหาเครือข่ายหรืออุปกรณ์บลูทูธ
- สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้เคียง: หากต้องการอนุญาตให้อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้เคียงเชื่อมต่อ โปรดดูวิธีเปิดสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้เคียง
- SOS ดาวเทียม: หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีเครือข่ายมือถือหรือ Wi-Fi อุปกรณ์ Pixel สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านดาวเทียมเพื่อรับความช่วยเหลือได้ ดูวิธีรับความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่าน SOS ดาวเทียม
เคล็ดลับ: แอปต่างๆ มีการตั้งค่าสิทธิ์ของตนเอง ดูวิธีจัดการสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป
เปิดหรือปิดตำแหน่งของอุปกรณ์
- เปิดการตั้งค่า
- แตะตำแหน่ง
- เปิดหรือปิดใช้ตำแหน่ง
เคล็ดลับ: หากต้องการเพิ่มปุ่มเปิด/ปิดตำแหน่ง ลงในเมนูการตั้งค่าด่วน ให้ทำดังนี้
- ปัดลงจากด้านบนของหน้าจอ
- แตะแก้ไข
- ลากตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
- แอปที่มีสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งจะสามารถเข้าถึงตำแหน่งของอุปกรณ์เพื่อให้ข้อมูล บริการ หรือโฆษณาที่อิงตามตำแหน่งได้ ดูวิธีจัดการสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป
- หากความแม่นยำของตำแหน่ง (หรือที่เรียกว่า "บริการตำแหน่งของ Google") เปิดอยู่ การตั้งค่านี้จะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่งและบริการตามตำแหน่งได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับความแม่นยำของตำแหน่ง
- คุณจะได้รับผลการค้นหาที่อิงตามตำแหน่งของอุปกรณ์ หากสิทธิ์ของแอปและเบราว์เซอร์อนุญาต ดูวิธีจัดการตำแหน่งของคุณเมื่อค้นหาใน Google
- คุณจะหาตำแหน่งของอุปกรณ์ได้หากทำหาย ดูข้อมูลเกี่ยวกับบริการหาอุปกรณ์ของฉัน
- คุณจะแชร์ตำแหน่งของอุปกรณ์กับผู้อื่นได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแชร์ตำแหน่งด้วย Google Maps และวิธีส่งตำแหน่งของคุณในกรณีฉุกเฉิน
- คุณจะได้รับการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวสำหรับเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนแผ่นดินไหว
- หากคุณเปิดใช้ตำแหน่งสำหรับเขตเวลา อุปกรณ์จะใช้ตำแหน่งเพื่อระบุเขตเวลาได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งสำหรับเขตเวลา
- หากเปิดประวัติตําแหน่งไว้ ระบบจะบันทึกตําแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ไว้ในอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ของ Google เป็นประจํา แม้ไม่ได้ใช้งานแอปของ Google อยู่ คุณตรวจสอบประวัติตําแหน่งหรือเปลี่ยนแปลงระยะเวลาที่เก็บประวัติไว้ได้ทุกเมื่อโดยไปที่ activity.google.com หรือไทม์ไลน์ ดูข้อมูลเกี่ยวกับประวัติตำแหน่ง
- จะไม่มีการแชร์ตำแหน่งของอุปกรณ์กับแอปใดๆ ฟีเจอร์ที่ใช้ตำแหน่งอาจทำงานไม่ถูกต้อง
- ความแม่นยำของตำแหน่งจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่งหรือบริการตามตำแหน่ง ดูข้อมูลเกี่ยวกับความแม่นยำของตำแหน่ง
- คุณจะได้รับผลการค้นหาและโฆษณาที่อิงตามข้อมูล เช่น ที่อยู่ IP ดูวิธีจัดการตำแหน่งของคุณเมื่อค้นหาใน Google
- คุณอาจไม่เห็นตำแหน่งของอุปกรณ์หากทำหาย ดูข้อมูลเกี่ยวกับบริการหาอุปกรณ์ของฉัน
- คุณจะแชร์ตำแหน่งของอุปกรณ์กับผู้อื่นผ่าน Google Maps ไม่ได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแชร์ตำแหน่งด้วย Google Maps
- บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินหรือผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือจะยังส่งตำแหน่งของอุปกรณ์ไปยังหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินได้โดยอัตโนมัติเมื่อคุณโทรหรือส่งข้อความหาหมายเลขฉุกเฉิน ดูข้อมูลเกี่ยวกับบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
- คุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวสำหรับเหตุแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียง ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนแผ่นดินไหว
- อุปกรณ์จะใช้ตำแหน่งเพื่อระบุเขตเวลาไม่ได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งสำหรับเขตเวลา
- แม้ว่าคุณจะเปิดประวัติตำแหน่งไว้ ระบบก็จะไม่บันทึกสถานที่ที่คุณนำอุปกรณ์ไปด้วย ดูข้อมูลเกี่ยวกับประวัติตำแหน่ง
- แอปที่มีสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้เคียงจะยังคงระบุตำแหน่งซึ่งสัมพันธ์กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้เคียง
ช่วยให้อุปกรณ์ได้รับตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น (ความแม่นยำของตำแหน่ง หรือที่เรียกว่า "บริการตำแหน่งของ Google")
อุปกรณ์ Android ที่มีบริการ Google Play จะมีบริการความแม่นยำของตำแหน่งเพื่อปรับปรุงตำแหน่งของอุปกรณ์ โดยจะใช้ข้อมูลจากสัญญาณไร้สาย เช่น จุดเข้าใช้งาน Wi-Fi, เสาเครือข่ายมือถือ และ GPS ตลอดจนข้อมูลเซ็นเซอร์ของอุปกรณ์ เช่น ตัวตรวจวัดความเร่งและเครื่องวัดการหมุน เพื่อให้อุปกรณ์สามารถประมาณตำแหน่งของอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ GPS อาจไม่พร้อมใช้งานหรือสัญญาณถูกบดบัง เช่น ภายในอาคารหรือใกล้อาคารขนาดใหญ่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ Google Play
เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งเปิดอยู่ Google จะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเซ็นเซอร์และสัญญาณไร้สายใกล้คุณเป็นระยะเพื่อร่วมให้ข้อมูลตำแหน่งของสัญญาณไร้สายจากมวลชน โดยใช้ตัวระบุแบบหมุนเวียนชั่วคราวที่กำหนดให้แบบสุ่มซึ่งไม่เชื่อมโยงกับบุคคลหรือบัญชีใดบัญชีหนึ่ง ตัวระบุเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติเป็นประจำ มาตรการเหล่านี้จะป้องกันไม่ให้มีการระบุตัวตนคุณจากข้อมูลที่เก็บรวบรวม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลความแม่นยำของตำแหน่ง
เคล็ดลับ: บริการความแม่นยำของตำแหน่งมีให้ใช้งานบน Fitbit Ace LTE ด้วยเช่นกัน
เปิดหรือปิดความแม่นยำของตำแหน่งของอุปกรณ์
Android 12 ขึ้นไปและ Fitbit Ace LTE
- เปิดการตั้งค่า
- แตะตำแหน่ง บริการตำแหน่ง ความแม่นยำของตำแหน่ง
- เปิดหรือปิดปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง
Android 11 และต่ำกว่า
- เปิดการตั้งค่า
- แตะตำแหน่ง ขั้นสูง ความแม่นยำของตำแหน่ง
- เปิดหรือปิดปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง
เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งเปิดอยู่ อุปกรณ์จะใช้แหล่งที่มาต่อไปนี้เพื่อรับตำแหน่งที่แม่นยำที่สุด ซึ่งอาจรวมถึงระดับความสูงหรือชั้น
- สัญญาณไร้สาย (เช่น GPS, Wi-Fi หรือเครือข่ายมือถือ)
- เซ็นเซอร์ (เช่น ตัวตรวจวัดความเร่ง บารอมิเตอร์ หรือเครื่องวัดการหมุน)
แหล่งที่มานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งหากคุณใช้อุปกรณ์ภายในอาคารหรือเมื่อดาวเทียม GPS ถูกบังสัญญาณ เนื่องจากในสถานการณ์เหล่านั้น อุปกรณ์จำเป็นต้องใช้สัญญาณเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถประมาณตำแหน่งได้ แอปและบริการที่มีสิทธิ์ที่เหมาะสมจะใช้ตำแหน่งนี้เพื่อให้บริการฟีเจอร์ที่อิงตามตำแหน่งแก่คุณได้
เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งปิดอยู่ ระบบจะใช้เฉพาะ GPS และเซ็นเซอร์ของอุปกรณ์ เช่น ตัวตรวจวัดความเร่ง บารอมิเตอร์ และเครื่องวัดการหมุน ในการระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความพร้อมใช้งานและความแม่นยำของตำแหน่งสำหรับแอปและบริการต่างๆ เช่น Google Maps และการหาอุปกรณ์ที่สูญหาย
เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งปิดอยู่ บริการความแม่นยำของตำแหน่งจะไม่เก็บรวบรวมสัญญาณไร้สายและข้อมูลเซ็นเซอร์ อย่างไรก็ตาม บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินหรือผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือจะยังส่งตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ได้รับการปรับปรุงโดยการตั้งค่าความแม่นยำของตำแหน่งไปยังหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินได้โดยอัตโนมัติเมื่อคุณโทรหรือส่งข้อความหาหมายเลขฉุกเฉิน
เคล็ดลับ: Google จะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลตำแหน่งหรือความแม่นยำของตำแหน่งในสถานการณ์ดังกล่าว ดูข้อมูลเกี่ยวกับบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินสำคัญ: สำหรับ Android 12 ขึ้นไป คุณจะจัดการสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งที่แน่นอนของแต่ละแอปแยกกันได้ การจัดการสิทธิ์ดังกล่าวแตกต่างจากความแม่นยำของตำแหน่ง ซึ่งเป็นการตั้งค่าตำแหน่งสำหรับอุปกรณ์ที่อนุญาตให้ใช้แหล่งที่มาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่แม่นยำที่สุด เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งเปิดอยู่ คุณจะให้แค่สิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งโดยประมาณแก่แอปได้ หากไม่ต้องการให้แอปเข้าถึงตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ หากความแม่นยำของตำแหน่งปิดอยู่ แอปอาจไม่ได้รับตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ ดูวิธีเลือกแอปที่ใช้ตำแหน่งของอุปกรณ์ Android
ตั้งค่าการสแกนหา Wi-Fi และบลูทูธ
หากต้องการช่วยให้แอปได้รับข้อมูลตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้น คุณอาจให้อุปกรณ์สแกนหาจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi หรืออุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียง
Android 12 ขึ้นไป
- เปิดการตั้งค่า
- แตะตำแหน่ง บริการตำแหน่ง
- เปิดหรือปิดการสแกนหา Wi-Fi หรือการสแกนหาบลูทูธ
Android 11 และต่ำกว่า
- เปิดการตั้งค่า
- แตะตำแหน่ง การสแกนหา Wi-Fi หรือการสแกนหาบลูทูธ
- เปิดหรือปิดการสแกนหา Wi-Fi หรือการสแกนหาบลูทูธ
หากคุณใช้ Android เวอร์ชันเก่า
เลือกการตั้งค่าตำแหน่ง (Android 9.0)
วิธีเปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่ง
- เปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์
- แตะความปลอดภัยและตำแหน่ง ตำแหน่ง
- หากมีโปรไฟล์งาน ให้แตะขั้นสูง
แล้วเลือกตัวเลือกดังนี้
- เปิดหรือปิดตำแหน่ง: แตะตำแหน่ง
- สแกนหาเครือข่ายใกล้เคียง: แตะขั้นสูง การสแกน เปิดหรือปิดการสแกนหา Wi-Fi หรือการสแกนหาบลูทูธ
- เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน: แตะขั้นสูง บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินของ Google เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
- เปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์
- แตะความปลอดภัยและตำแหน่ง ตำแหน่ง
- หากไม่เห็น "ความปลอดภัยและตำแหน่ง" ให้แตะตำแหน่ง
- แตะโหมด
- เลือกโหมดใดโหมดหนึ่งต่อไปนี้
- ความแม่นยำสูง: ใช้ GPS, Wi-Fi, เครือข่ายมือถือ และเซ็นเซอร์เพื่อรับตำแหน่งความแม่นยำสูงสุด โดยจะใช้บริการตำแหน่งของ Google ช่วยประมาณตำแหน่งของอุปกรณ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- ประหยัดแบตเตอรี่: ใช้แหล่งที่มาที่ใช้แบตเตอรี่น้อย เช่น Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ โดยจะใช้บริการตำแหน่งของ Google ช่วยประมาณตำแหน่งของอุปกรณ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- อุปกรณ์เท่านั้น: ใช้ GPS และเซ็นเซอร์ โดยจะไม่ใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้ประมาณตำแหน่งของอุปกรณ์ได้ช้ากว่าและใช้แบตเตอรี่มากกว่า
คุณควบคุมได้ว่าจะให้อุปกรณ์ใช้ข้อมูลตำแหน่งประเภทใดได้บ้าง
- เปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์
- ในส่วน "ส่วนตัว" ให้แตะการเข้าถึงตำแหน่ง
- ที่ด้านบนของหน้าจอ ให้เปิดหรือปิดการเข้าถึงตำแหน่งของฉัน
- เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งเปิดอยู่ ให้เลือกตัวเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือทั้ง 2 อย่าง
- ดาวเทียม GPS: ให้อุปกรณ์ประมาณตำแหน่งของอุปกรณ์จากสัญญาณดาวเทียม ในลักษณะเดียวกับอุปกรณ์ GPS
- ตำแหน่งตาม Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ: ให้อุปกรณ์ใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อช่วยให้ประมาณตำแหน่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้หรือไม่ใช้ระบบ GPS
- เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งปิดอยู่:
อุปกรณ์จะค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนหรือแชร์ตำแหน่งกับแอปต่างๆ ไม่ได้
- เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งเปิดอยู่ ให้เลือกตัวเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือทั้ง 2 อย่าง