ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อให้ยังคงลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google หรือบริการ Gmail ได้ในกรณีต่อไปนี้
- ลืมรหัสผ่าน
- โทรศัพท์สูญหาย
- มีกิจกรรมที่น่าสงสัยในบัญชี
ทำไมข้อมูลการกู้คืนและข้อมูลสำรองจึงมีความสำคัญ
บัญชีมีเนื้อหาที่สำคัญสำหรับคุณอย่างเช่นอีเมล เอกสาร รูปภาพ และการซื้อจาก Play หากไม่มีข้อมูลการกู้คืนและข้อมูลสำรองที่เป็นปัจจุบัน คุณอาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในบัญชีได้ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาเหล่านั้นได้เสมอ
ขั้นตอนที่ 1: เพิ่มหรืออัปเดตข้อมูลการกู้คืน
ข้อมูลการกู้คืนเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่รับรองได้ว่าคุณจะลงชื่อเข้าใช้ได้ หากมีปัญหา เราจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อช่วยคุณให้กลับเข้าสู่ระบบ และจะใช้เพื่อแจ้งคุณเกี่ยวกับกิจกรรมที่น่าสงสัยในบัญชีด้วย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเพิ่มข้อมูลการกู้คืน
ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่าวิธีลงชื่อเข้าใช้เพิ่มเติม
คุณเพิ่มวิธีลงชื่อเข้าใช้และยืนยันว่าคุณเป็นเจ้าของบัญชีได้
คุณยังลงชื่อเข้าใช้ด้วยโทรศัพท์แทนรหัสผ่านได้ด้วย หากลืมรหัสผ่าน ก็ยังลงชื่อเข้าใช้ด้วยวิธีอื่นได้
เก็บรหัสสำรองไว้
รหัสสำรองจะช่วยให้คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีได้หากโทรศัพท์สูญหายหรือชำรุด คุณจะดาวน์โหลดรหัสสำรองลงในอุปกรณ์หรือจะพิมพ์แล้วเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก็ได้
รับรหัสจากแอป
คุณรับรหัสเพื่อลงชื่อเข้าใช้ได้แม้ว่าจะรับข้อความไม่ได้ก็ตาม ดูวิธีการติดตั้งแอป Google Authenticator เพื่อรับรหัสในโทรศัพท์
เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้จากที่ใหม่ Google อาจขอให้ทำตามขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่าเป็นคุณ ทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อเตรียมพร้อมเมื่อเดินทาง
1. อัปเดตข้อมูลการกู้คืน
ตรวจสอบว่าหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการกู้คืนและอีเมลสำรองยังใช้ได้อยู่ เพราะเราจะช่วยคุณกลับเข้าสู่บัญชีหากคุณลงชื่อเข้าใช้ไม่ได้
2. พกโทรศัพท์สำหรับการกู้คืน
โทรศัพท์สำหรับการกู้คืนช่วยพิสูจน์ได้ว่าคุณเป็นเจ้าของบัญชี และจะต้องมีเน็ตมือถือหรือ Wi-Fi จึงจะใช้ได้
ก่อนที่จะออกเดินทาง ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีในโทรศัพท์สำหรับการกู้คืน และพกโทรศัพท์เครื่องนี้ติดตัวไว้ขณะเดินทาง
3. เพิ่มวิธีลงชื่อเข้าใช้
คุณเพิ่มวิธีลงชื่อเข้าใช้ได้หากการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนเปิดอยู่
ขั้นตอนที่ 3: ทำให้บัญชีปลอดภัยยิ่งขึ้น
ใช้เคล็ดลับด้านล่างเพื่อช่วยให้มั่นใจว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่จะลงชื่อเข้าใช้บัญชีได้
ตรวจสอบความปลอดภัยของบัญชี
ตรวจสอบความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยและกิจกรรม
ช่วยปกป้องข้อมูลและบัญชี
อาชญากรอาจใช้อีเมล ข้อความ และการโทรศัพท์เพื่อแอบอ้างว่าเป็นสถาบัน สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน
อย่าตอบคำขอที่น่าสงสัย
- อย่าให้รหัสผ่านเด็ดขาด Google จะไม่ขอรหัสผ่านในอีเมล ข้อความ หรือทางโทรศัพท์
- อย่าตอบอีเมล ข้อความ ข้อความโต้ตอบแบบทันที หน้าเว็บ หรือโทรศัพท์ที่น่าสงสัยที่ขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงิน
- อย่าคลิกลิงก์ในอีเมล ข้อความ หน้าเว็บ หรือป๊อปอัปจากเว็บไซต์หรือผู้ส่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
เคล็ดลับ: ใน Gmail คุณชี้ไปที่ลิงก์เพื่อดูที่อยู่และตรวจสอบว่าเป็นที่อยู่ที่คุณคาดหวังได้
ระบุอีเมลและการตั้งค่าที่น่าสงสัย
- ตรวจสอบว่าข้อความ Gmail ปลอมหรือไม่
- ดูว่าที่อยู่อีเมลและชื่อผู้ส่งตรงกันไหม
- ตรวจสอบการตั้งค่า Gmail เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครดูอีเมลของคุณได้
- หากคุณได้รับอีเมลที่น่าสงสัยใน Gmail ให้รายงานเพื่อช่วยเราหยุดอีเมลที่คล้ายกันในอนาคต
อาชญากรใช้เว็บไซต์ปลอมและ Wi-Fi สาธารณะเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว
ตรวจสอบที่อยู่ของเว็บไซต์
อาชญากรสามารถสร้างเว็บไซต์ปลอมที่มีลักษณะเหมือนกับเว็บไซต์จริง โปรดใช้ความระมัดระวังหากคุณคลิกลิงก์จากข้อความ อีเมล หรือเว็บไซต์ที่คุณไม่เชื่อถือ
ก่อนที่จะป้อนข้อมูลส่วนตัวในเว็บไซต์ โปรดตรวจสอบดังนี้
- ที่อยู่ในแถบที่อยู่ถูกต้อง
- ที่อยู่ขึ้นต้นด้วย "https" ไม่ใช่ "http" เพราะ "s" หมายความว่าเว็บไซต์ปลอดภัยจากการสอดแนมมากกว่า แต่ก็อาจไม่ปลอดภัยเต็มร้อย
อย่าป้อนข้อมูลส่วนตัวเมื่อใช้ Wi-Fi สาธารณะ
อาชญากรดูข้อมูลที่คุณส่งขณะใช้ Wi-Fi สาธารณะได้ อย่าป้อนข้อมูลที่ละเอียดอ่อนต่อไปนี้หากคุณใช้ Wi-Fi สาธารณะ
- รหัสผ่าน
- หมายเลขบัญชีธนาคาร
- หมายเลขประกันสังคม
เลือกรหัสผ่าน Wi-Fi ในบ้านให้รัดกุม
อุปกรณ์บางรุ่นอาจมาพร้อมกับรหัสผ่านเพื่อให้ติดตั้งได้ง่ายซึ่งอาชญากรอาจรู้ได้
หากคุณตั้งค่า Wi-Fi ที่บ้าน ให้ทำตามวิธีการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือผู้ผลิตเราเตอร์เพื่อตั้งรหัสผ่านของตัวเอง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างรหัสผ่านที่รัดกุม
อาชญากรจะมองหาวิธีเข้าถึงบัญชีของคุณแบบง่ายๆ เช่น รหัสผ่านที่ไม่รัดกุม รหัสผ่านที่ใช้ร่วมกันหลายบัญชี หรืออุปกรณ์ที่ปลดล็อก ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อให้ควบคุมบัญชีได้ดียิ่งขึ้น
ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมสำหรับแต่ละบัญชี
- อย่าใช้รหัสผ่านซ้ำกับบัญชีอื่น เพราะหากอาชญากรรู้รหัสผ่านเดียว ก็จะใช้รหัสผ่านนี้เพื่อเข้าสู่บัญชีอื่นไม่ได้
- ใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัวที่คนอื่นอาจรู้หรือหาได้
- หลีกเลี่ยงการใช้คำ วลี และรูปแบบแป้นพิมพ์ทั่วไป
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างรหัสผ่านที่รัดกุม
เคล็ดลับ: คุณใช้เบราว์เซอร์อย่างเช่น Chrome เพื่อช่วยจัดการรหัสผ่านของบัญชีต่างๆ ได้
ตั้งค่าการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน
ทำให้อาชญากรเข้าถึงบัญชีของคุณได้ยากขึ้น ในการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยสิ่งที่คุณรู้ (รหัสผ่าน) และสิ่งที่คุณมี (รหัสในโทรศัพท์)
- ทำตามขั้นตอนเพื่อตั้งค่าการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน
- เก็บรหัสสำรองไว้ในที่ปลอดภัยในกรณีที่ใช้โทรศัพท์ไม่ได้
อย่าให้สิทธิ์แอปที่คุณไม่เชื่อถือ
แอปบางแอปเชื่อถือไม่ได้หรือไม่ปลอดภัย โปรดทำดังต่อไปนี้เพื่อรักษาบัญชีให้ปลอดภัยมากขึ้น
- อย่าให้แอปใช้บัญชีจนกว่าคุณจะมั่นใจว่ามาจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ปิดการเข้าถึงของแอปที่มีความปลอดภัยน้อย ซึ่งไม่ได้ให้คุณลงชื่อเข้าใช้อย่างปลอดภัย
ท่องเว็บแบบส่วนตัวและออกจากระบบในคอมพิวเตอร์สาธารณะ
หากคุณใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อไม่ให้มีการบันทึกกิจกรรมและบัญชีของคุณ
- เปิดหน้าต่างส่วนตัวใน Chrome ในคอมพิวเตอร์สาธารณะ
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชีในหน้าต่างนั้น
- เมื่อเสร็จแล้ว ให้ปิดหน้าต่างแบบส่วนตัวทั้งหมด
หมายเหตุ: หากคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ในหน้าต่างส่วนตัว ส่วนควบคุมกิจกรรมจะมีผล ระบบจะบันทึกกิจกรรมไว้ในบัญชีตามปกติ
ใช้การล็อกหน้าจอ
โทรศัพท์ของคุณอาจมีข้อมูลส่วนตัวหรือทำให้เข้าใช้บัญชีได้ง่าย คุณจึงควรเพิ่มการล็อกหน้าจอเผื่อไว้ในกรณีที่โทรศัพท์สูญหายหรือถูกขโมย
หากเข้าใช้บัญชีไม่ได้
ทำตามขั้นตอนเพื่อกู้คืนบัญชี
หากมีปัญหา ให้ลองอีกครั้งโดยใช้เคล็ดลับในการกู้คืนบัญชี