เลือกแอปที่จะให้ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ Android ได้

คุณอนุญาตให้แอปใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้คุณหรือให้ข้อมูลแก่คุณได้ เช่น แอปอาจใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อแสดงสภาพการจราจรสำหรับการเดินทาง หรือค้นหาร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง

สำคัญ: ขั้นตอนเหล่านี้จะมีบางขั้นตอนที่ใช้ได้เฉพาะกับ Android 11 ขึ้นไป ดูวิธีตรวจสอบเวอร์ชัน Android

หาแอปที่ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์

  1. เลื่อนลงจากด้านบนของหน้าจอ 
  2. แตะ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ค้างไว้ หากไม่พบ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ให้ทำดังนี้
    1. แตะ "แก้ไข" แก้ไข หรือ "การตั้งค่า" การตั้งค่า จากนั้นลาก "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
  3. แตะสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป
  4. หาแอปที่ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์คุณได้ในส่วน "อนุญาตตลอด" "อนุญาตขณะใช้งานอยู่เท่านั้น" และ "ไม่อนุญาต"
  5. หากต้องการเปลี่ยนสิทธิ์ของแอป ให้แตะแอปแล้วเลือกสิทธิ์การเข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป ดูข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์ของแอป
เคล็ดลับ: หากขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้ผล โปรดขอความช่วยเหลือจากผู้ผลิตอุปกรณ์

ห้ามไม่ให้แอปใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์

คุณควบคุมแอปรวมทั้งเวลาที่แอปจะเข้าถึงและใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ เช่น คุณอาจให้ Google Maps ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อแสดงเส้นทางการขับขี่แก่คุณ แต่ไม่แชร์ตำแหน่งดังกล่าวกับเกมหรือแอปโซเชียลมีเดีย

  1. หาไอคอนแอปที่ต้องการในหน้าจอหลักของโทรศัพท์
  2. แตะไอคอนแอปค้างไว้
  3. แตะ "ข้อมูลแอป" ข้อมูล
  4. แตะสิทธิ์ จากนั้น ตำแหน่ง
  5. เลือกตัวเลือกต่อไปนี้
    • ตลอดเวลา: แอปจะใช้ตำแหน่งได้ทุกเมื่อ
    • ขณะใช้แอปอยู่เท่านั้น: แอปจะใช้ตำแหน่งได้ก็ต่อเมื่อคุณใช้แอปดังกล่าวอยู่เท่านั้น
    • ถามทุกครั้ง: แอปจะขอใช้ตำแหน่งทุกครั้งที่คุณเปิดแอป แอปจะใช้การตั้งค่านี้จนกว่าคุณจะปิดแอป
    • ปฏิเสธ: แอปจะใช้ตำแหน่งไม่ได้ แม้แต่ตอนที่คุณกำลังใช้แอปอยู่ก็ตาม 
  6. หากอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่ง คุณจะเปิดหรือปิดใช้ตำแหน่งที่แน่นอนได้ด้วย

เคล็ดลับ: หากต้องการห้ามไม่ให้แอปทั้งหมดใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ ดูวิธีปิดการตั้งค่าตำแหน่ง

ดูว่าแอปใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์อย่างไรได้บ้าง

สำคัญ: หากแอปมีสิทธิ์ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ แอปอาจใช้ตำแหน่งโดยประมาณของโทรศัพท์ ตำแหน่งที่แม่นยำ หรือทั้ง 2 อย่าง

  1. หาไอคอนแอปที่ต้องการในหน้าจอหลักของโทรศัพท์
  2. แตะไอคอนแอปค้างไว้
  3. แตะ "ข้อมูลแอป" ข้อมูล
  4. แตะสิทธิ์ จากนั้น เพิ่มเติม เพิ่มเติม จากนั้น สิทธิ์ทั้งหมด
  5. ในส่วน "ตำแหน่ง" คุณจะดูประเภทตำแหน่งที่แอปขอได้ หากไม่เห็น "ตำแหน่ง" แสดงว่าแอปนี้ไม่ได้ขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งของโทรศัพท์

ประเภทของตำแหน่งที่แอปขอได้มีดังต่อไปนี้

  • ตำแหน่งโดยประมาณ: แอปจะบอกได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในพื้นที่ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร
  • ตำแหน่งที่แน่นอน: แอปจะบอกตำแหน่งที่แน่นอนของโทรศัพท์ได้
  • ในเบื้องหน้า: แอปจะใช้ตำแหน่งได้ก็ต่อเมื่อแอปนั้นเปิดอยู่ในหน้าจอหรือคุณขอให้แอปทําบางอย่างเท่านั้น
  • ในเบื้องหลัง: แอปจะใช้ข้อมูลตำแหน่งได้ทุกเมื่อ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้แอปนั้นอยู่

เหตุใดแอปจึงขอให้คุณเปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่ง

  • "เปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่งไหม": แอปต้องการให้เปิดตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อที่จะทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • "ปรับปรุงความถูกต้องของตำแหน่งไหม": หากเปิดตำแหน่งให้แอปแล้ว แอปอาจขอให้คุณเปิดการตั้งค่าหรือเซ็นเซอร์เพิ่มเติมเพื่อให้หาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น
  • การเชื่อมต่อ Wi-Fi: แอปอาจขอให้คุณเปิด Wi-Fi หรือยอมให้โทรศัพท์มองหาเครือข่าย Wi-Fi การสแกนหา Wi-Fi ช่วยให้หาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
  • บริการตำแหน่งของ Google: ให้แอปหาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น ดูวิธีที่ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ช่วยปรับปรุงข้อมูลตำแหน่งของคุณ ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google เรียกอีกอย่างว่า "บริการตำแหน่งของ Google"

เปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่งอื่นๆ

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม
เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
false
true
true
70975
false