คุณอนุญาตให้แอปใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้คุณหรือให้ข้อมูลแก่คุณได้ เช่น แอปอาจใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อแสดงสภาพการจราจรสำหรับการเดินทาง หรือค้นหาร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง
สำคัญ: ขั้นตอนเหล่านี้จะมีบางขั้นตอนที่ใช้ได้เฉพาะกับ Android 11 ขึ้นไป ดูวิธีตรวจสอบเวอร์ชัน Android
หาแอปที่ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์
- เลื่อนลงจากด้านบนของหน้าจอ
- แตะ "ตำแหน่ง"
ค้างไว้ หากไม่พบ "ตำแหน่ง"
ให้ทำดังนี้
- แตะ "แก้ไข"
หรือ "การตั้งค่า"
จากนั้นลาก "ตำแหน่ง"
ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
- แตะ "แก้ไข"
- แตะสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป
- หาแอปที่ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์คุณได้ในส่วน "อนุญาตตลอด" "อนุญาตขณะใช้งานอยู่เท่านั้น" และ "ไม่อนุญาต"
- หากต้องการเปลี่ยนสิทธิ์ของแอป ให้แตะแอปแล้วเลือกสิทธิ์การเข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป ดูข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์ของแอป
เคล็ดลับ: หากขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้ผล โปรดขอความช่วยเหลือจากผู้ผลิตอุปกรณ์
ห้ามไม่ให้แอปใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์
คุณควบคุมแอปรวมทั้งเวลาที่แอปจะเข้าถึงและใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ เช่น คุณอาจให้ Google Maps ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อแสดงเส้นทางการขับขี่แก่คุณ แต่ไม่แชร์ตำแหน่งดังกล่าวกับเกมหรือแอปโซเชียลมีเดีย
- หาไอคอนแอปที่ต้องการในหน้าจอหลักของโทรศัพท์
- แตะไอคอนแอปค้างไว้
- แตะ "ข้อมูลแอป"
- แตะสิทธิ์
ตำแหน่ง
- เลือกตัวเลือกต่อไปนี้
- ตลอดเวลา: แอปจะใช้ตำแหน่งได้ทุกเมื่อ
- ขณะใช้แอปอยู่เท่านั้น: แอปจะใช้ตำแหน่งได้ก็ต่อเมื่อคุณใช้แอปดังกล่าวอยู่เท่านั้น
- ถามทุกครั้ง: แอปจะขอใช้ตำแหน่งทุกครั้งที่คุณเปิดแอป แอปจะใช้การตั้งค่านี้จนกว่าคุณจะปิดแอป
- ปฏิเสธ: แอปจะใช้ตำแหน่งไม่ได้ แม้แต่ตอนที่คุณกำลังใช้แอปอยู่ก็ตาม
- หากอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่ง คุณจะเปิดหรือปิดใช้ตำแหน่งที่แน่นอนได้ด้วย
เคล็ดลับ: หากต้องการห้ามไม่ให้แอปทั้งหมดใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ ดูวิธีปิดการตั้งค่าตำแหน่ง
ดูว่าแอปใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์อย่างไรได้บ้าง
สำคัญ: หากแอปมีสิทธิ์ใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ แอปอาจใช้ตำแหน่งโดยประมาณของโทรศัพท์ ตำแหน่งที่แม่นยำ หรือทั้ง 2 อย่าง
- หาไอคอนแอปที่ต้องการในหน้าจอหลักของโทรศัพท์
- แตะไอคอนแอปค้างไว้
- แตะ "ข้อมูลแอป"
- แตะสิทธิ์
เพิ่มเติม
สิทธิ์ทั้งหมด
- ในส่วน "ตำแหน่ง" คุณจะดูประเภทตำแหน่งที่แอปขอได้ หากไม่เห็น "ตำแหน่ง" แสดงว่าแอปนี้ไม่ได้ขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งของโทรศัพท์
ประเภทของตำแหน่งที่แอปขอได้มีดังต่อไปนี้
- ตำแหน่งโดยประมาณ: แอปจะบอกได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในพื้นที่ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร
- ตำแหน่งที่แน่นอน: แอปจะบอกตำแหน่งที่แน่นอนของโทรศัพท์ได้
- ในเบื้องหน้า: แอปจะใช้ตำแหน่งได้ก็ต่อเมื่อแอปนั้นเปิดอยู่ในหน้าจอหรือคุณขอให้แอปทําบางอย่างเท่านั้น
- ในเบื้องหลัง: แอปจะใช้ข้อมูลตำแหน่งได้ทุกเมื่อ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้แอปนั้นอยู่
เหตุใดแอปจึงขอให้คุณเปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่ง
- "เปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่งไหม": แอปต้องการให้เปิดตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อที่จะทำงานได้อย่างถูกต้อง
- "ปรับปรุงความถูกต้องของตำแหน่งไหม": หากเปิดตำแหน่งให้แอปแล้ว แอปอาจขอให้คุณเปิดการตั้งค่าหรือเซ็นเซอร์เพิ่มเติมเพื่อให้หาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi: แอปอาจขอให้คุณเปิด Wi-Fi หรือยอมให้โทรศัพท์มองหาเครือข่าย Wi-Fi การสแกนหา Wi-Fi ช่วยให้หาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- บริการตำแหน่งของ Google: ให้แอปหาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น ดูวิธีที่ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ช่วยปรับปรุงข้อมูลตำแหน่งของคุณ ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google เรียกอีกอย่างว่า "บริการตำแหน่งของ Google"
เปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่งอื่นๆ
- รับข้อมูลที่อิงตามตำแหน่งของโทรศัพท์:
ดูวิธีเปิดตำแหน่ง - ช่วยให้แอปได้รับข้อมูลตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้น:
ดูวิธีเปิดการสแกนหาเครือข่ายหรืออุปกรณ์ใกล้เคียงสำหรับโทรศัพท์ - จดจำสถานที่ที่คุณไปและจัดการรายการสถานที่ที่คุณเคยไป:
ดูวิธีเปิดประวัติตำแหน่งของบัญชี Google - ช่วยให้ Google Maps ได้รับตำแหน่งของโทรศัพท์:
ดูวิธีปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่งใน Google Maps