จัดการการตั้งค่าตำแหน่งของอุปกรณ์ Android

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ชื่อการตั้งค่าประวัติตำแหน่งจะเปลี่ยนเป็นไทม์ไลน์ หากเปิดประวัติตำแหน่งในบัญชี คุณอาจเห็นไทม์ไลน์ในการตั้งค่าบัญชีและแอป
เมื่อเปิดตำแหน่งในการตั้งค่า คุณจะใช้การบริการตามสถานที่อย่างการรับผลการค้นหาในพื้นที่ได้ดีขึ้น เช่น การคาดการณ์สำหรับการเดินทางและร้านอาหารใกล้เคียงโดยอิงตามตำแหน่งของโทรศัพท์

สำคัญ

ทำความเข้าใจการตั้งค่าตำแหน่งที่มีในโทรศัพท์ของคุณ

สำคัญ: หากปิดตำแหน่งในโทรศัพท์ แอปและบริการจะไม่ได้รับตำแหน่งของโทรศัพท์ แต่คุณจะยังได้รับผลการค้นหาในพื้นที่และโฆษณาที่อิงตามที่อยู่ IP

Google มีรายการของการบริการตามสถานที่ ซึ่งรวมถึง

เคล็ดลับ: แอปต่างๆ มีการตั้งค่าของตนเอง ดูวิธีจัดการการตั้งค่าตำแหน่งของแอป

เปิดหรือปิดตำแหน่งของโทรศัพท์

  1. ปัดลงจากด้านบนของหน้าจอ
  2. แตะ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ค้างไว้
    • หากไม่พบ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ให้ทำดังนี้
      1. แตะ "แก้ไข" แก้ไข หรือ "การตั้งค่า" การตั้งค่า
      2. ลาก "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน

 

เมื่อตำแหน่งเปิดอยู่
เมื่อตำแหน่งปิดอยู่

ช่วยให้โทรศัพท์ได้รับตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น (บริการตำแหน่งของ Google หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google")

เปิดหรือปิดความแม่นยำของตำแหน่งของโทรศัพท์

Android 12 ขึ้นไป

  1. ปัดลงจากด้านบนของหน้าจอ
  2. แตะ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ค้างไว้
    • หากไม่พบ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ให้ทำดังนี้
      1. แตะ "แก้ไข" แก้ไข หรือ "การตั้งค่า" การตั้งค่า
      2. ลาก "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
  3. แตะบริการตำแหน่ง จากนั้น ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google
  4. เปิดหรือปิดปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง

Android 11 และต่ำกว่า

  1. ปัดลงจากด้านบนของหน้าจอ 
  2. แตะ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ค้างไว้
    • หากไม่พบ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ให้ทำดังนี้
      1. แตะ "แก้ไข" แก้ไข หรือ "การตั้งค่า" การตั้งค่า
      2. ลาก "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
  3. แตะขั้นสูง จากนั้น ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google 
  4. เปิดหรือปิดปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง
เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งของ Google เปิดอยู่

เมื่อคุณเปิดความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ไว้ โทรศัพท์จะใช้แหล่งที่มาต่อไปนี้เพื่อรับตำแหน่งที่แม่นยำที่สุด

  • GPS
  • Wi-Fi
  • เครือข่ายมือถือ
  • เซ็นเซอร์ (เช่น ตัวตรวจวัดความเร่ง)

Google อาจรวบรวมข้อมูลตำแหน่งเป็นระยะๆ และใช้ข้อมูลนี้แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่งและบริการตามสถานที่

เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ปิดอยู่

เมื่อปิดความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ไว้ โทรศัพท์จะใช้ GPS และเซ็นเซอร์ เช่น ตัวตรวจวัดความเร่ง เพื่อระบุตำแหน่ง GPS อาจทำงานช้าและมีความแม่นยำน้อยกว่าแหล่งที่มาอื่นๆ

เมื่อความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ปิดอยู่ บริการนี้ก็จะไม่ใช้หรือรวบรวม GPS, Wi-Fi, เครือข่าย และข้อมูลเซ็นเซอร์

สำหรับ Android 12 ขึ้นไป คุณจะจัดการสิทธิ์ของแอปแต่ละรายการเพื่อเข้าถึงตำแหน่งที่แน่นอนได้ การให้สิทธิ์ดังกล่าวแตกต่างจากความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ซึ่งเป็นการตั้งค่าตำแหน่งสำหรับอุปกรณ์ที่อนุญาตให้โทรศัพท์ใช้แหล่งที่มาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่แม่นยำที่สุด  ถึงจะเปิดความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ไว้ แต่คุณให้แค่สิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งโดยประมาณแก่แอปได้ หากไม่ต้องการให้แอปเข้าถึงตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์  หากความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ปิดอยู่ แอปอาจไม่ได้รับตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ ดูวิธีจัดการสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป

ตั้งค่าการสแกนหา Wi-Fi และบลูทูธ

หากต้องการช่วยให้แอปได้รับข้อมูลตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้น คุณอาจให้โทรศัพท์สแกนหาจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi หรืออุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียง

Android 12 ขึ้นไป

  1. ปัดลงจากด้านบนของหน้าจอ
  2. แตะ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ค้างไว้
    • หากไม่พบ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ให้ทำดังนี้
      1. แตะ "แก้ไข" แก้ไข หรือ "การตั้งค่า" การตั้งค่า
      2. ลาก "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
  3. แตะบริการตำแหน่ง
  4. เปิดหรือปิดการสแกนหา Wi-Fi และการสแกนหาบลูทูธ

Android 11 และต่ำกว่า

  1. ปัดลงจากด้านบนของหน้าจอ 
  2. แตะ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ค้างไว้
    • หากไม่พบ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ให้ทำดังนี้
      1. แตะ "แก้ไข" แก้ไข หรือ "การตั้งค่า" การตั้งค่า 
      2. ลาก "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
  3. แตะการสแกนหา Wi-Fi และการสแกนหาบลูทูธ 
  4. เปิดหรือปิดการสแกนหา Wi-Fi และการสแกนหาบลูทูธ

ส่งตำแหน่งของคุณในกรณีฉุกเฉิน

ระบบจะส่งตำแหน่งของโทรศัพท์เมื่อมีการโทรหาหรือส่ง SMS ถึงหมายเลขฉุกเฉิน เช่น เมื่อโทรหา 911 ในสหรัฐอเมริกาหรือ 112 ในยุโรป เพื่อช่วยให้หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินพบคุณได้อย่างรวดเร็ว

หากบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน (ELS) ของ Android ใช้ได้ในประเทศหรือภูมิภาคและเครือข่ายมือถือของคุณ และหากไม่ได้ปิด ELS ไว้ โทรศัพท์จะส่งตำแหน่งไปยังหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติผ่าน ELS หากปิด ELS ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออาจยังส่งตำแหน่งของอุปกรณ์ได้ระหว่างที่โทรหรือส่ง SMS หาหมายเลขฉุกเฉิน

เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินของ Android

คุณเปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินพร้อมใช้งานในอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่มีการสนับสนุนบริการ Google Play

Android 12 ขึ้นไป

  1. หากต้องการเปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์ ให้ปัดลง 2 ครั้งจากด้านบนของหน้าจอ
  2. แตะการตั้งค่า การตั้งค่า จากนั้น ความปลอดภัยและเหตุฉุกเฉิน
  3. เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน

Android 11 และต่ำกว่า

  1. ปัดลงจากด้านบนของหน้าจอ
  2. แตะ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ค้างไว้
    • หากไม่พบ "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ให้ทำดังนี้
      1. แตะ "แก้ไข" แก้ไข หรือ "การตั้งค่า" การตั้งค่า
      2. ลาก "ตำแหน่ง" ตำแหน่ง ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
  3. แตะขั้นสูง จากนั้น บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
  4. เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
 

วิธีการทำงานของบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน

ELS จะเปิดใช้งานก็ต่อเมื่อคุณโทรหรือส่ง SMS หาหมายเลขฉุกเฉินในท้องถิ่น

ในระหว่างการโทรฉุกเฉิน ELS อาจใช้ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google และข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ทราบตำแหน่งที่แม่นยำที่สุดของอุปกรณ์ โดย ELS อาจเปิดการตั้งค่า Wi-Fi ของอุปกรณ์หากปิดอยู่

โทรศัพท์จะส่งตำแหน่งไปยังพาร์ทเนอร์กรณีฉุกเฉินที่ได้รับอนุญาตเพื่อให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินค้นหาคุณได้ ตำแหน่งของคุณจะส่งจากโทรศัพท์ไปยังพาร์ทเนอร์กรณีฉุกเฉินโดยตรง

หลังจากโทรหรือส่งข้อความฉุกเฉินเสร็จเรียบร้อยในขณะที่ ELS ทำงานอยู่ โทรศัพท์อาจส่งข้อมูลการใช้งานที่ลบการระบุตัวตนแล้วและข้อมูลวิเคราะห์ต่างๆ ให้ Google เพื่อวิเคราะห์ว่า ELS ทำงานได้ดีเพียงใด ข้อมูลนี้ไม่รวมตำแหน่งซึ่งส่งไปยังพาร์ทเนอร์กรณีฉุกเฉินที่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ระบุตัวตนของคุณ

เคล็ดลับ: การที่ ELS ส่งตำแหน่งไปยังพาร์ทเนอร์กรณีฉุกเฉินที่ได้รับอนุญาต จะต่างจากกรณีที่คุณแชร์ตำแหน่งผ่าน Google Maps ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแชร์ตำแหน่งด้วย Google Maps

หากคุณใช้ Android เวอร์ชันเก่า

เลือกการตั้งค่าตำแหน่ง (Android 9.0)

วิธีเปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่ง 

  1. เปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์
  2. แตะความปลอดภัยและตำแหน่ง แล้ว ตำแหน่ง
    • หากมีโปรไฟล์งาน ให้แตะขั้นสูง

แล้วเลือกตัวเลือกดังนี้

  • เปิดหรือปิดตำแหน่ง: แตะตำแหน่ง
  • สแกนหาเครือข่ายใกล้เคียง: แตะขั้นสูง แล้วการสแกน เปิดหรือปิดการสแกนหา Wi-Fi หรือการสแกนหาบลูทูธ
  • เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน: แตะขั้นสูง แล้ว บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินของ Google เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน 
เลือกโหมดตำแหน่ง (Android 4.4-8.1)
  1. เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
  2. แตะความปลอดภัยและตำแหน่ง จากนั้น ตำแหน่ง
    • หากไม่เห็น "ความปลอดภัยและตำแหน่ง" ให้แตะตำแหน่ง
  3. แตะโหมด
  4. เลือกโหมดใดโหมดหนึ่งต่อไปนี้
    • ความแม่นยำสูง: ใช้ GPS, Wi-Fi, เครือข่ายมือถือ และเซ็นเซอร์เพื่อรับตำแหน่งความแม่นยำสูงสุด ซึ่งจะใช้บริการตำแหน่งของ Google ช่วยประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
    • ประหยัดแบตเตอรี่: ใช้แหล่งที่มาที่ใช้แบตเตอรี่น้อย เช่น Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ ซึ่งจะใช้บริการตำแหน่งของ Google ช่วยประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
    • อุปกรณ์เท่านั้น: ใช้ GPS และเซ็นเซอร์ โดยจะไม่ใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้ประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ช้ากว่าและใช้แบตเตอรี่มากกว่า
เลือกการเข้าถึงตำแหน่ง (Android 4.1-4.3)

คุณควบคุมได้ว่าจะให้โทรศัพท์ใช้ข้อมูลตำแหน่งประเภทใดได้บ้าง

  1. เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
  2. ในส่วน "ส่วนตัว" ให้แตะการเข้าถึงตำแหน่ง
  3. ที่ด้านบนของหน้าจอ ให้เปิดหรือปิดการเข้าถึงตำแหน่งของฉัน
    • เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งเปิดอยู่ ให้เลือกตัวเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือทั้ง 2 อย่าง
      • ดาวเทียม GPS: ให้โทรศัพท์ประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์จากสัญญาณดาวเทียม ในลักษณะเดียวกับอุปกรณ์ GPS ในรถยนต์
      • ตำแหน่งตาม Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ: ให้โทรศัพท์ใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อช่วยให้ประมาณตำแหน่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้หรือไม่ใช้บริการ GPS
    • เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งปิดอยู่:
      โทรศัพท์จะค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดหรือแชร์ตำแหน่งกับแอปต่างๆ ไม่ได้

เคล็ดลับ: หากคุณมีแท็บเล็ตที่มีผู้ใช้มากกว่า 1 คน ผู้ใช้แต่ละคนจะตั้งค่าการเข้าถึงตำแหน่งที่ต่างกันได้

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
14132044946174404965
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
70975
false
false