เมื่อเปิดตำแหน่งของโทรศัพท์ไว้ คุณจะได้รับข้อมูลที่อิงตามตำแหน่งของโทรศัพท์ เช่น การคาดการณ์การเดินทาง ร้านอาหารใกล้เคียง และผลการค้นหาอื่นๆ ในพื้นที่ที่ดีกว่า
เมื่อแอปใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์ผ่าน GPS คุณจะเห็นไอคอนตำแหน่งทำความเข้าใจการตั้งค่าตำแหน่งที่มีในโทรศัพท์ของคุณ
สำคัญ: เมื่อคุณปิดตำแหน่งของโทรศัพท์ แอปและบริการจะไม่ได้รับตำแหน่งของโทรศัพท์ แต่คุณอาจยังได้รับผลการค้นหาในพื้นที่และโฆษณาที่อิงตามที่อยู่ IP
Google มีการบริการตามสถานที่หลายอย่าง ซึ่งรวมถึง
- ความแม่นยำของตำแหน่งสำหรับอุปกรณ์ Android (หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "บริการตำแหน่งของ Google")
หากต้องการตำแหน่งของโทรศัพท์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น โปรดดูวิธีเปิดความแม่นยำของตำแหน่ง - ประวัติตำแหน่งของบัญชี Google
หากต้องการดูและจัดการสถานที่ที่โทรศัพท์ของคุณเคยอยู่ โปรดดูวิธีเปิดประวัติตำแหน่ง - การแชร์ตำแหน่งของ Google Maps
หากต้องการให้ผู้อื่นเห็นว่าโทรศัพท์ของคุณอยู่ที่ไหน โปรดดูวิธีแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ผ่าน Google Maps - ตําแหน่งใน Search
หากต้องการรับผลการค้นหาที่มีประโยชน์ยิ่งขึ้นเมื่อค้นหาใน Google โปรดดูวิธีจัดการสิทธิ์เข้าถึงตําแหน่งสําหรับเว็บไซต์และแอป
เคล็ดลับ: แอปต่างๆ มีการตั้งค่าของตนเอง ดูวิธีจัดการการตั้งค่าตำแหน่งของแอป
เปิดหรือปิดตำแหน่งของโทรศัพท์
- เลื่อนลงจากด้านบนของหน้าจอ
- แตะ "ตำแหน่ง"
ค้างไว้ หากไม่พบ "ตำแหน่ง"
ให้ทำดังนี้
- แตะ "แก้ไข"
หรือ "การตั้งค่า"
- ลาก "ตำแหน่ง"
ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
- แตะ "แก้ไข"
เคล็ดลับ: หากขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้ผล โปรดขอความช่วยเหลือจากผู้ผลิตอุปกรณ์
- แอปจะดูตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อให้ข้อมูลหรือการบริการตามสถานที่แก่คุณได้ ดูวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่งของแอป
- หากความแม่นยําของตำแหน่งของ Google เปิดอยู่ บริการตำแหน่งของ Google จะรวบรวมข้อมูลเพื่อปรับปรุงการบริการตามสถานที่ได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับบริการตำแหน่งของ Google
- คุณจะรับผลการค้นหาและโฆษณาในแอปโดยอิงตามตำแหน่งของโทรศัพท์ได้
- คุณจะดูได้ว่าโทรศัพท์อยู่ที่ไหนหากโทรศัพท์หาย ดูข้อมูลเกี่ยวกับ "หาอุปกรณ์ของฉัน"
- คุณจะแชร์ตำแหน่งของโทรศัพท์กับผู้อื่นได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแชร์ตำแหน่งด้วย Google Maps และการส่งตำแหน่งในกรณีฉุกเฉิน
- หากคุณเปิดประวัติตำแหน่งไว้ ระบบจะบันทึกสถานที่ที่คุณนำโทรศัพท์ไปด้วย คุณดูและจัดการประวัติดังกล่าวได้ในภายหลัง ดูข้อมูลเกี่ยวกับประวัติตำแหน่ง
- จะไม่มีการแชร์ตำแหน่งของโทรศัพท์กับแอปใดๆ ฟีเจอร์ที่ใช้ตำแหน่งอาจทำงานไม่ถูกต้อง
- บริการตำแหน่งของ Google จะไม่รวบรวมข้อมูลเพื่อปรับปรุงการบริการตามสถานที่
- คุณจะได้รับผลการค้นหาและโฆษณาที่อิงตามที่อยู่ IP
- คุณจะค้นหาตำแหน่งของโทรศัพท์ไม่ได้หากทำโทรศัพท์หาย ดูข้อมูลเกี่ยวกับ "หาอุปกรณ์ของฉัน"
- คุณจะแชร์ตำแหน่งของโทรศัพท์กับคนอื่นผ่าน Google Maps ไม่ได้ แต่อุปกรณ์จะยังส่งตำแหน่งไปให้ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นในกรณีฉุกเฉินได้อยู่ ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแชร์ตำแหน่งด้วย Google Maps และการส่งตำแหน่งในกรณีฉุกเฉิน
- แม้ว่าคุณจะเปิดประวัติตำแหน่งไว้ ระบบก็จะไม่บันทึกสถานที่ที่คุณนำโทรศัพท์ไปด้วย ดูข้อมูลเกี่ยวกับประวัติตำแหน่ง
ช่วยให้โทรศัพท์ได้รับตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น (บริการตำแหน่งของ Google หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google")
เปิดหรือปิดความแม่นยำของตำแหน่งของโทรศัพท์
- เลื่อนลงจากด้านบนของหน้าจอ
- แตะ "ตำแหน่ง"
ค้างไว้
- หากไม่เห็น "ตำแหน่ง"
ให้แตะ "แก้ไข"
หรือ "การตั้งค่า"
จากนั้นลาก "ตำแหน่ง"
ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
- หากไม่เห็น "ตำแหน่ง"
- แตะขั้นสูง
ความแม่นยำของตำแหน่งของ Google
- เปิดหรือปิดปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง
เมื่อคุณเปิดความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ไว้ โทรศัพท์จะใช้แหล่งที่มาต่อไปนี้เพื่อรับตำแหน่งที่แม่นยำที่สุด
- GPS
- Wi-Fi
- เครือข่ายมือถือ
- เซ็นเซอร์
เมื่อปิดความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ไว้ โทรศัพท์จะใช้เพียง GPS เพื่อหาตำแหน่ง GPS อาจทำงานช้าและมีความแม่นยำน้อยกว่าแหล่งที่มาอื่นๆ
ให้โทรศัพท์สแกนหาเครือข่ายหรืออุปกรณ์ใกล้เคียง
หากต้องการช่วยให้แอปได้รับข้อมูลตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้น คุณอาจให้โทรศัพท์สแกนหาจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi หรืออุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียง
- เลื่อนลงจากด้านบนของหน้าจอ
- แตะ "ตำแหน่ง"
ค้างไว้
- แตะการสแกนหา Wi-Fi และการสแกนหาบลูทูธ
- เปิดและปิดการสแกนหา Wi-Fi และการสแกนหาบลูทูธ
ส่งตำแหน่งของคุณในกรณีฉุกเฉิน
โทรหาหมายเลขฉุกเฉินเพื่อให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินมาหาคุณได้อย่างรวดเร็ว เช่น กดหมายเลข 911 ในสหรัฐฯ หรือ 112 ในยุโรป
หากบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน (ELS) ของ Android ใช้ได้ในประเทศและเครือข่ายมือถือของคุณ รวมถึงคุณไม่ได้ปิด ELS โทรศัพท์จะส่งตำแหน่งโดยอัตโนมัติโดยใช้ ELS หากปิด ELS ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออาจยังส่งตำแหน่งของอุปกรณ์ได้ในระหว่างการโทรหรือส่งข้อความไปยังหมายเลขฉุกเฉิน
เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
คุณเปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ
- เลื่อนลงจากด้านบนของหน้าจอ
- แตะ "ตำแหน่ง"
ค้างไว้
- หากไม่เห็น "ตำแหน่ง"
ให้แตะ "แก้ไข"
หรือ "การตั้งค่า"
จากนั้นลาก "ตำแหน่ง"
ไปไว้ในการตั้งค่าด่วน
- หากไม่เห็น "ตำแหน่ง"
- แตะขั้นสูง
บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
- เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
วิธีการทำงานของบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
โทรศัพท์จะใช้ ELS เฉพาะเมื่อคุณโทรหาหรือส่ง SMS หาหมายเลขฉุกเฉินเท่านั้น
ระหว่างการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินนั้น ELS อาจใช้บริการตำแหน่งของ Google และข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ทราบตำแหน่งที่แม่นยำที่สุดของอุปกรณ์
โทรศัพท์จะส่งตำแหน่งไปยังพาร์ทเนอร์กรณีฉุกเฉินที่ได้รับอนุญาตเพื่อช่วยให้บริการฉุกเฉินค้นหาคุณได้ ตำแหน่งของคุณจะส่งจากโทรศัพท์ไปยังพาร์ทเนอร์กรณีฉุกเฉินโดยตรง ไม่ได้ส่งผ่าน Google
หลังจากโทรหาหมายเลขฉุกเฉินหรือส่ง SMS เสร็จสมบูรณ์ในระหว่างที่ใช้งาน ELS อยู่ โทรศัพท์จะส่งข้อมูลการใช้งานและข้อมูลวิเคราะห์ให้ Google เพื่อวิเคราะห์ว่า ELS ทำงานได้ดีเพียงใด ข้อมูลนี้ไม่ได้ระบุตัวตนของคุณและ Google ไม่ได้ใช้ข้อมูลนี้เพื่อระบุตัวตนของคุณ
หากคุณใช้ Android เวอร์ชันเก่า
เลือกการตั้งค่าตำแหน่ง (Android 9.0)
วิธีเปลี่ยนการตั้งค่าตำแหน่ง
- เปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์
- แตะความปลอดภัยและตำแหน่ง
ตำแหน่ง
- หากมีโปรไฟล์งาน ให้แตะขั้นสูง
แล้วเลือกตัวเลือกดังนี้
- เปิดหรือปิดตำแหน่ง: แตะตำแหน่ง
- สแกนหาเครือข่ายใกล้เคียง: แตะขั้นสูง
การสแกน เปิดหรือปิดการสแกนหา Wi-Fi หรือการสแกนหาบลูทูธ
- เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน: แตะขั้นสูง
บริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉินของ Google เปิดหรือปิดบริการตำแหน่งกรณีฉุกเฉิน
คุณเลือกโหมดตำแหน่งตามความแม่นยำ ความเร็ว และการใช้แบตเตอรี่ได้
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- แตะความปลอดภัยและตำแหน่ง
ตำแหน่ง หากไม่เห็น "ความปลอดภัยและตำแหน่ง" ให้แตะตำแหน่ง
- แตะโหมด จากนั้นเลือกโหมดต่อไปนี้
- ความแม่นยำสูง: ใช้ GPS, Wi-Fi, เครือข่ายมือถือ และเซ็นเซอร์เพื่อรับตำแหน่งความแม่นยำสูงสุด โดยจะใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อช่วยประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- ประหยัดแบตเตอรี่: ใช้แหล่งที่มาที่ใช้แบตเตอรี่น้อย เช่น Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ โดยจะใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อช่วยประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- อุปกรณ์เท่านั้น: ใช้ GPS เท่านั้น โดยจะไม่ใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อให้ข้อมูลตำแหน่ง และอาจประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ช้ากว่าและใช้แบตเตอรี่มากกว่า
คุณควบคุมได้ว่าจะให้โทรศัพท์ใช้ข้อมูลตำแหน่งประเภทใดได้บ้าง
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- ในส่วน "ส่วนตัว" ให้แตะการเข้าถึงตำแหน่ง
- ที่ด้านบนของหน้าจอ ให้เปิดหรือปิดการเข้าถึงตำแหน่งของฉัน
- เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งเปิดอยู่ ให้เลือกตัวเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือทั้ง 2 อย่าง
- ดาวเทียม GPS: ให้โทรศัพท์ประมาณตำแหน่งของโทรศัพท์จากสัญญาณดาวเทียม ในลักษณะเดียวกับอุปกรณ์ GPS ในรถยนต์
- ตำแหน่งตาม Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ: ให้โทรศัพท์ใช้บริการตำแหน่งของ Google เพื่อช่วยให้ประมาณตำแหน่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้หรือไม่ใช้บริการ GPS
- เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งปิดอยู่:
โทรศัพท์จะค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดหรือแชร์ตำแหน่งกับแอปต่างๆ ไม่ได้
- เมื่อการเข้าถึงตำแหน่งเปิดอยู่ ให้เลือกตัวเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือทั้ง 2 อย่าง
เคล็ดลับ: หากคุณมีแท็บเล็ตที่มีผู้ใช้มากกว่า 1 คน ผู้ใช้แต่ละคนจะตั้งค่าการเข้าถึงตำแหน่งที่ต่างกันได้