การแจ้งเตือน

หากต้องทํางานกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานจากระยะไกลและในสํานักงาน โปรดดูวิธีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการทํางานแบบผสมผสาน

สัปดาห์ที่ 1: ตั้งค่าอุปกรณ์เคลื่อนที่ และปรับแต่ง Gmail และปฏิทิน

" "

อุปกรณ์ต่างๆ จะแสดงแอปที่ปรับแต่งเอง ในช่วงสัปดาห์แรก ให้ปรับสภาพแวดล้อมใหม่ของการทำงานต่อไป

" "

ขยายทั้งหมด  |  ยุบทั้งหมด

เพิ่ม Google Workspace ในอุปกรณ์เคลื่อนที่

ช่องทำเครื่องหมายภาพรวมของอุปกรณ์เคลื่อนที่

เมื่อใช้แอป Google Workspace ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ คุณจะทำงานได้ทุกที่อย่างมีอิสระและปลอดภัย ไม่ว่าจะผ่านโทรศัพท์ แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต

ก่อนที่คุณจะเริ่มรายการตรวจสอบนี้ โปรดตรวจสอบว่าคุณชาร์จโทรศัพท์แล้วและมีระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด

ช่องทำเครื่องหมายเพิ่มบัญชี Google Workspace ลงในโทรศัพท์

โปรดดูการฝึกอบรมและความช่วยเหลือเกี่ยวกับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งาน

ช่องทำเครื่องหมายสร้าง PIN
คุณจะเพิ่มความปลอดภัยให้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android ได้โดยการตั้งค่าการล็อกหน้าจอ ทุกครั้งที่คุณเปิดอุปกรณ์หรือปลุกหน้าจอ ระบบจะขอให้ปลดล็อกอุปกรณ์ซึ่งโดยปกติจะใช้ PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่าน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายดาวน์โหลดแอป Google Workspace

Gmail: ส่งอีเมลแบบมืออาชีพ

ตัวอย่าง:
อ่านและส่งอีเมลเมื่อคุณไม่อยู่ที่โต๊ะทำงาน

Google Play Gmail สำหรับ Android

iOS App Store Gmail สำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ Gmail ในเว็บเบราว์เซอร์ (mail.google.com)

แถบสีเทา

ปฏิทิน: ปฏิทินออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานเป็นทีม

เช่น:
หากคุณกำลังจะเข้าประชุมไม่ทัน ก็ใช้ปฏิทินเพื่อนัดหมายใหม่หรือแจ้งให้ผู้อื่นทราบว่าคุณกำลังเดินทาง

Google Play ปฏิทินสำหรับ Android

iOS App Store ปฏิทินสำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ ปฏิทินในเว็บเบราว์เซอร์ (calendar.google.com)

แถบสีเทา

Cloud Search: ค้นหาเนื้อหาของบริษัทในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google

ตัวอย่าง:
ค้นหาข้อมูลติดต่อของเพื่อนร่วมงาน

Google Play Cloud Search สำหรับ Android

iOS App Store Cloud Search สำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ Cloud Search ในเว็บเบราว์เซอร์ (cloudearch.google.com)

แถบสีเทา

Contacts: สมุดที่อยู่ออนไลน์

ตัวอย่าง:
ส่งข้อความหรือคำเชิญเข้าร่วมปฏิทินไปยังกลุ่มคนที่คุณติดต่อด้วยบ่อยๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องป้อนทีละอีเมล

Google Play Contacts สำหรับ Android

Meet ในเบราว์เซอร์ Gmail ในเว็บเบราว์เซอร์ (mail.google.com)

แถบสีเทา

Google Chat: แชทกับเพื่อนร่วมงานโดยตรงหรือสื่อสารกับทั้งทีมพร้อมกัน

ตัวอย่าง 
สร้างพื้นที่ทำงานเพื่อระดมความคิดกับทีม

Google Play Google Chat สำหรับ Android

iOS App Store Google Chat สำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ Google Chat ในเว็บเบราว์เซอร์ (chat.google.com)

แถบสีเทา

Google Meet: จัดการประชุมทางวิดีโอกับบุคคลทั้งภายในและภายนอกองค์กร 

ตัวอย่าง:
เข้าร่วมการประชุมได้อย่างรวดเร็วโดยการคลิก URL ที่แชร์ได้

Google Play Google Meet สำหรับ Android 

iOS App Store Google Meet สำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ Google Meet ในเว็บเบราว์เซอร์ (meet.google.com)

แถบสีเทา

ไดรฟ์: พื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์

ตัวอย่าง: 
หากกำลังพบลูกค้านอกสถานที่และต้องการไฟล์ PDF หรือวิดีโอ หลังจากเก็บไฟล์ในไดรฟ์แล้ว คุณก็เปิดไฟล์ที่ต้องการในอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ทุกเมื่อ

Google Play ไดรฟ์สำหรับ Android

iOS App Store ไดรฟ์สำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ ไดรฟ์ในเว็บเบราว์เซอร์ (drive.google.com)

แถบสีเทา

เอกสาร: สร้างและทำงานร่วมกันในเอกสารในเบราว์เซอร์

ตัวอย่าง: 
ไม่พลาดการติดตามประเด็นพูดคุยสำหรับการประชุมครั้งต่อไป จดบันทึกระหว่างทาง หรือพูดเพื่อบันทึกข้อความและการแจ้งเตือนของคุณแทน

Google Play เอกสารสำหรับ Android

iOS App Store เอกสารสำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ เอกสารในเว็บเบราว์เซอร์ (docs.google.com)

แถบสีเทา

ฟอร์ม: สร้างและวิเคราะห์แบบสำรวจและแบบทดสอบในเบราว์เซอร์

ตัวอย่าง:
จัดการการลงทะเบียนกิจกรรม สร้างแบบทดสอบ วิเคราะห์คำตอบ และอื่นๆ อีกมากมาย

Meet ในเบราว์เซอร์ ฟอร์มในเว็บเบราว์เซอร์ (forms.google.com)

แถบสีเทา

Groups: จัดการและเข้าร่วมการสนทนาออนไลน์

ตัวอย่าง:
สร้างรายชื่ออีเมลและฟอรัม แชร์ไฟล์กับสมาชิกในทีมโดยใช้อีเมลเดียว และอื่นๆ อีกมากมาย

Meet ในเบราว์เซอร์ Groups ในเว็บเบราว์เซอร์ (groups.google.com)

 
แถบสีเทา

ชีต: สร้างและร่วมกันทำสเปรดชีตในเบราว์เซอร์

ตัวอย่าง:
หากมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาหรือทรัพยากรที่สำคัญอย่างกระทันหันก่อนการประชุมกับนักลงทุน คุณก็อัปเดตแผนโครงการที่แชร์ได้ทุกที่ทุกเวลา

Google Play ชีตสำหรับ Android

iOS App Store ชีตสำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ ชีตในเว็บเบราว์เซอร์ (sheets.google.com)

แถบสีเทา

Sites: สร้างและร่วมกันทำเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ

ตัวอย่าง:
สร้างเว็บไซต์สาธารณะ ฮับของโครงการภายใน และอีกมากมายโดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายไอที

Meet ในเบราว์เซอร์ Sites ในเว็บเบราว์เซอร์ (sites.google.com)

แถบสีเทา

สไลด์: สร้างและร่วมกันทำงานนำเสนอในเบราว์เซอร์

เช่น:
แก้ไขงานนำเสนอโครงการในนาทีสุดท้ายแม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์อยู่ก็ตาม

Google Play สไลด์สำหรับ Android

iOS App Store สไลด์สำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ สไลด์ในเว็บเบราว์เซอร์ (slides.google.com)

แถบสีเทา

Voice: รับหมายเลขโทรศัพท์เพื่อโทรออก, ส่ง SMS และส่งข้อความเสียงได้ในแอปเดียวที่ซิงค์ในอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณ

ตัวอย่าง: 
ใช้หมายเลขฟรีเพื่อส่งข้อความ โทรออก และฟังข้อความเสียง ตลอดจนจัดการและจัดระเบียบการสนทนาทั้งหมดจากแอปเดียว

Google Play Google Voice สำหรับ Android

iOS App Store Google Voice สำหรับ iOS

Meet ในเบราว์เซอร์ Voice ในเว็บเบราว์เซอร์ (voice.google.com)

แถบสีเทา

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายตั้งค่าการแจ้งเตือนในอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับแอป Google Workspace

รับการแจ้งเตือน Gmail ในอุปกรณ์ Android

  1. เปิดแอป Gmail
  2. แตะเมนู จากนั้นการตั้งค่า ที่ด้านบน
  3. เลือกบัญชีและเลื่อนไปที่การแจ้งเตือน
  4. แตะการแจ้งเตือนกล่องจดหมายแล้วเลือกการตั้งค่าการแจ้งเตือน
  5. (ไม่บังคับ) วิธีการเปลี่ยนการตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับป้ายกำกับบางรายการในกล่องจดหมาย
    1. แตะจัดการป้ายกํากับจากนั้นแตะป้ายกํากับ เช่น สําคัญ
    2. แตะซิงค์ข้อความจากนั้น30 วันล่าสุดหรือทั้งหมด หากไม่ซิงค์ข้อความ คุณจะเปิดการแจ้งเตือนสำหรับป้ายกำกับนั้นไม่ได้
    3. เลือกการตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับป้ายกำกับดังกล่าว
    4. ดำเนินการขั้นตอนทั้งหมดซ้ำสำหรับป้ายกำกับอื่นๆ ที่ต้องการรับการแจ้งเตือน

หมายเหตุ: อุปกรณ์ Android มีการตั้งค่าการแจ้งเตือนอื่นที่แยกจากแอป Gmail

รับการแจ้งเตือน Gmail ในอุปกรณ์ iOS

  1. เปิดแอป Gmail
  2. แตะเมนู จากนั้นการตั้งค่าที่ด้านบน
  3. แตะบัญชีของคุณ
  4. แตะอีเมลใหม่ทั้งหมดในหัวข้อการแจ้งเตือน
  5. เมื่อเห็นการแจ้งเตือนในอุปกรณ์ ให้เลื่อนไปทางซ้ายเพื่อ "ตอบกลับ" หรือ "เก็บถาวร"

รับการแจ้งเตือน Google Chat

  1. ในแอป Chat ให้แตะเมนู จากนั้นการตั้งค่า
  2. แตะการแจ้งเตือนในอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้วเลือกตัวเลือกต่อไปนี้
  • ข้อความทั้งหมด
  • ชุดข้อความใหม่ ชุดข้อความที่ฉันติดตาม และข้อความส่วนตัว
  • ชุดข้อความที่ฉันติดตามและข้อความส่วนตัว
  • เฉพาะการ @พูดถึงและข้อความส่วนตัว
  • ปิด

รับการแจ้งเตือนของไดรฟ์ในอุปกรณ์ Android

  1. เปิดแอป Google ไดรฟ์
  2. ที่ด้านซ้ายบน ให้แตะเมนู จากนั้นการตั้งค่า
  3. แตะการตั้งค่าการแจ้งเตือน
  4. เลือกการตั้งค่าที่ต้องการเปลี่ยน

หมายเหตุ: หากคุณเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเหล่านี้ในแอป Google เอกสาร ชีต หรือสไลด์ การเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับ Google ไดรฟ์ด้วย

รับการแจ้งเตือนของไดรฟ์ในอุปกรณ์ iOS

  1. เปิดแอป Google ไดรฟ์
  2. แตะเมนู ที่ด้านซ้ายบน
  3. แตะการตั้งค่า
  4. แตะการแจ้งเตือน
  5. เปิดหรือปิดใช้ตัวเลือกการแจ้งเตือนเปิดอยู่

รับการแจ้งเตือนของปฏิทินในอุปกรณ์ Android และ iOS

คุณจะเปลี่ยนการตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับกิจกรรมเดียวหรือกิจกรรมทั้งหมดได้ หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าการแจ้งเตือนในอุปกรณ์เคลื่อนที่ โปรดดูหัวข้อเปลี่ยนหรือปิดการแจ้งเตือนปฏิทิน

ปรับแต่ง Gmail ตามลักษณะการทำงานของคุณ

ช่องทำเครื่องหมายเปลี่ยนความหนาแน่นของอีเมลในกล่องจดหมาย
  1. เปิด Gmail
  2. คลิกการตั้งค่าจากนั้นความหนาแน่นของการแสดงผลที่ด้านขวาบน
  3. เลือกตัวเลือกดังนี้
    • ค่าเริ่มต้น
    • สบาย
    • กะทัดรัด
  4. คลิกตกลง

หมายเหตุ: หากเลือกค่าเริ่มต้น คุณจะเห็นตัวอย่างของไฟล์แนบได้จากกล่องจดหมาย

ช่องทำเครื่องหมายเพิ่มธีมพื้นหลังในกล่องจดหมาย
  1. เปิด Gmail ในคอมพิวเตอร์
  2. คลิกการตั้งค่า ที่ด้านขวาบน
  3. คลิกดูทั้งหมดถัดจาก "ธีม" 
  4. เลือกธีมในหน้าต่างธีม 
    • หากต้องการใช้ธีมเริ่มต้น ให้เลือกค่าเริ่มต้น
    • หากต้องการใช้ธีมมืด ให้เลือกมืด
    • หากต้องการใช้ธีมที่อัปโหลดไว้ล่วงหน้า ให้เลือกธีมที่ต้องการ
  5. ไม่บังคับ: คุณเปลี่ยนธีมได้ที่ด้านล่างของหน้าต่างธีม (ถ้ามี) 
    • หากต้องการเปลี่ยนพื้นหลังข้อความ ให้คลิกพื้นหลังข้อความ Text Background
    • หากต้องการทําให้มุมมืดยิ่งขึ้น ให้คลิกขอบมืด Vignette
    • หากต้องการเบลอธีมพื้นหลัง ให้คลิกเบลอ Blur
  6. คลิกบันทึก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Gmail

ช่องทำเครื่องหมายกำหนดการตั้งค่าอีเมลเมื่อลางาน

หมายเหตุ: หากต้องการใช้การช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ บัญชีของคุณต้องมีอายุอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

  1. เปิด Gmail
  2. ที่ด้านขวาบน ให้คลิกการตั้งค่า จากนั้นดูการตั้งค่าทั้งหมด
  3. เลื่อนลงไปที่การช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ แล้วเลือกใช้งานการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติหรือไม่ใช้งานการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ
  4. หากเปิดการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ ให้ป้อนวันที่ที่ไม่ได้ใช้และเพิ่มข้อความ จากนั้นเลือกบุคคลที่ควรได้รับการตอบกลับ
  5. คลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่ด้านล่าง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Gmail

ช่องทำเครื่องหมายตั้งค่าเมลออฟไลน์

อ่าน ตอบกลับ และค้นหาข้อความ Gmail เมื่อคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ระบบจะส่งข้อความเมื่อคุณกลับมาออนไลน์

ตรวจสอบว่าได้ดาวน์โหลด Chrome ลงในคอมพิวเตอร์แล้ว คุณจะใช้ Gmail ออฟไลน์ได้เฉพาะในหน้าต่างเบราว์เซอร์ Chrome เท่านั้น ใช้ในโหมดไม่ระบุตัวตนไม่ได้

  1. ไปที่การตั้งค่า Gmail ออฟไลน์
  2. เลือก "เปิดใช้งานเมลออฟไลน์"
  3. เลือกการตั้งค่า เช่น ต้องการซิงค์ข้อความเป็นเวลากี่วัน
  4. คลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลง

เปิดใช้ Gmail ออฟไลน์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่องที่คุณต้องการเข้าถึงแบบออฟไลน์

ช่องทำเครื่องหมายใช้เทมเพลตอีเมล

หากเบื่อหน่ายกับการต้องพิมพ์คำตอบเดิมทุกครั้งที่มีคนส่งอีเมลมาถามคำถามที่พบบ่อย เพียงพิมพ์การตอบกลับครั้งเดียว แล้วบันทึกอีเมลนั้นเป็นเทมเพลต หลังจากนั้น คุณจะเปิดเทมเพลตดังกล่าวแล้วส่งอีกครั้งได้ในไม่กี่คลิก

เปิดใช้เทมเพลต

  1. เปิด Gmail
  2. ที่ด้านขวาบน ให้คลิกการตั้งค่า จากนั้นดูการตั้งค่าทั้งหมด
  3. คลิกขั้นสูงที่ด้านบน
  4. ในส่วนเทมเพลต ให้เลือกเปิดใช้
  5. คลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่ด้านล่าง

สร้างหรือเปลี่ยนเทมเพลต

  1. เปิด Gmail แล้วคลิก เขียน
  2. ป้อนข้อความเทมเพลตในหน้าต่างเขียน
  3. คลิกเพิ่มเติมจากนั้นเทมเพลต
  4. เลือกตัวเลือกต่อไปนี้
    • หากต้องการสร้างเทมเพลตใหม่ ให้คลิกบันทึกฉบับร่างเป็นเทมเพลตจากนั้นบันทึกเป็นเทมเพลตใหม่
    • หากต้องการเปลี่ยนเทมเพลตที่บันทึกก่อนหน้านี้ ให้คลิกบันทึกฉบับร่างเป็นเทมเพลต จากนั้นในส่วนเขียนทับเทมเพลต ให้เลือกเทมเพลตแล้วคลิกบันทึกเพื่อเขียนทับ
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการส่งอีเมล ให้เขียนข้อความแล้วคลิกส่ง

แทรกเทมเพลต

  1. เปิด Gmail แล้วคลิก เขียน
  2. คลิกเพิ่มเติมจากนั้นเทมเพลต
  3. หากต้องการแทรกเทมเพลต ให้เลือกเทมเพลตที่บันทึกเพื่อแทรกในอีเมล ในหัวข้อแทรกเทมเพลต
  4. เขียนส่วนที่เหลือของข้อความแล้วคลิกส่ง
เคล็ดลับ: หากคุณเป็นผู้สมัครใช้บริการ Workspace Individual คุณสามารถสร้างอีเมลแบรนด์แล้วส่งถึงผู้รับพร้อมกันได้ครั้งละหลายราย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Gmail
ช่องทำเครื่องหมายย้ายหน้าต่างแชทใน Gmail

คุณจะย้ายแผง Chat ไปยังด้านขวาหรือด้านซ้ายของกล่องจดหมาย Gmail ได้

  1. เปิด Gmail ในคอมพิวเตอร์
  2. ที่ด้านขวาบน ให้คลิกการตั้งค่า จากนั้น ดูการตั้งค่าทั้งหมด.
  3. คลิก Chat และ Meet ที่ด้านบน
  4. ถัดจาก "ตำแหน่งของ Chat" ให้เลือกด้านซ้ายของกล่องจดหมายหรือด้านขวาของกล่องจดหมาย
  5. คลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Gmail

ช่องทำเครื่องหมายแก้ไขหัวเรื่องในอีเมลตอบกลับ
  1. คลิกลูกศรลง ลูกศรแบบเลื่อนลงจากนั้นแก้ไขเรื่องถัดจากประเภทการตอบกลับ
  2. ป้อนเรื่องใหม่

ปรับแต่งปฏิทิน

ช่องทำเครื่องหมายปรับแต่งสัปดาห์ทำงาน (และการตั้งค่าอื่นๆ)

คุณจะเลือกจำนวนวันที่ต้องการดูพร้อมกันได้ในมุมมองปฏิทิน เลือกตัวเลือกที่เหมาะที่สุดที่ด้านบนของปฏิทิน

หลังจากที่เลือกมุมมองใหม่แล้ว มุมมองนี้จะกลายเป็นมุมมองเริ่มต้นจนกว่าคุณจะเปลี่ยนแปลง
  1. เปิด Google ปฏิทินในคอมพิวเตอร์
  2. ที่ด้านขวาบนให้เลือก มุมมองดังนี้ วัน สัปดาห์ เดือน ปี กำหนดการหรือ 4 วัน
ช่องทำเครื่องหมายเพิ่มปฏิทินพิเศษ เช่น วันหยุด วันเกิด และกีฬา
ช่องทำเครื่องหมายเปลี่ยนสีของกิจกรรมในปฏิทิน
  1. คลิกขวาที่กิจกรรม
  2. เลือกสีใหม่

หมายเหตุ: หากคุณเปลี่ยนสีของกิจกรรม สีเดิมจะแสดงเป็นเส้นแนวตั้งทางด้านซ้ายของกิจกรรมนั้น

เลือกจากสีหลายสี

ช่องทำเครื่องหมายวางกำหนดการกิจกรรมในเขตเวลา

เพิ่มนาฬิกาเทียบเวลาโลกในปฏิทิน

แสดงเวลาปัจจุบันในเขตเวลาที่คุณเลือกทางด้านซ้ายของปฏิทิน

  1. เปิด Google ปฏิทินในคอมพิวเตอร์
  2. คลิกการตั้งค่า การตั้งค่า จากนั้น การตั้งค่าที่ด้านขวาบน
  3. ในส่วน "นาฬิกาบอกเวลาโลก" ให้คลิกแสดงนาฬิกาบอกเวลาโลก
  4. คลิกเพิ่มเขตเวลา จากนั้น เลือกเขตเวลาที่ต้องการดู 

เพิ่มเขตเวลาในปฏิทิน

แสดงเขตเวลาเป็นคอลัมน์ในปฏิทินเพื่อช่วยกำหนดเวลากิจกรรมในเขตเวลาต่างๆ

  1. เปิด Google ปฏิทินในคอมพิวเตอร์
  2. คลิกการตั้งค่า การตั้งค่า จากนั้น การตั้งค่าที่ด้านขวาบน
  3. ในส่วน "เขตเวลา" ให้คลิกแสดงเขตเวลารอง
  4. คลิกเขตเวลารอง ลูกศรลง จากนั้น เลือกเขตเวลา

เปลี่ยนเขตเวลาสำหรับปฏิทินทั้งหมดของคุณ

  1. เปิด Google ปฏิทินในคอมพิวเตอร์
  2. คลิกการตั้งค่า การตั้งค่า จากนั้น การตั้งค่าที่ด้านขวาบน
  3. ในส่วน "เขตเวลา" ให้คลิกเขตเวลาหลัก ลูกศรลง จากนั้น เลือกเขตเวลา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Google ปฏิทิน

ช่องทำเครื่องหมายปรับแต่งการแจ้งเตือนกิจกรรมในปฏิทิน

ตั้งค่ากำหนดสำหรับปฏิทินทั้งหมดของคุณ

  1. ในปฏิทิน ให้คลิกการตั้งค่า จากนั้นการตั้งค่า
  2. ในส่วนทั่วไปทางด้านซ้าย ให้คลิกการตั้งค่ากิจกรรม
  3. คลิกการแจ้งเตือนและเลือกตัวเลือกดังนี้
    • ปิด
    • การแจ้งเตือนในเดสก์ท็อป
    • การแจ้งเตือน
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการตั้งเสียงการแจ้งเตือนที่เข้ามาใหม่ ให้เลือกช่องเล่นเสียงการแจ้งเตือน
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการจัดการการแจ้งเตือน ให้คลิกปฏิทินจากนั้นการแจ้งเตือนทั่วไปทางด้านซ้าย
  6. ถัดจากตัวเลือกแต่ละข้อ ให้คลิกลูกศรลง แล้วเลือกไม่มีหรืออีเมล

ปรับแต่งค่ากำหนดสำหรับปฏิทินเดียว

คุณเปลี่ยนค่ากำหนดการแจ้งเตือนสำหรับปฏิทินที่คุณเป็นเจ้าของได้

  1. เปิด Google ปฏิทิน 
  2. คลิกการตั้งค่า การตั้งค่า ที่ด้านขวาบน จากนั้น การตั้งค่า
  3. ในส่วน "การตั้งค่าปฏิทินของฉัน" ทางด้านซ้าย ให้คลิกปฏิทินที่ต้องการเปลี่ยนแปลง จากนั้น การตั้งค่าปฏิทิน
  4. ในส่วน "การแจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรม" และ "การแจ้งเตือนกิจกรรมตลอดทั้งวัน" ให้ทำดังนี้
    • วิธีแก้ไขการแจ้งเตือน: เลือกว่าต้องการรับการแจ้งเตือนหรืออีเมล คุณเปลี่ยนความถี่ในการรับการแจ้งเตือนล่วงหน้าได้
    • วิธีเพิ่มการแจ้งเตือนประเภทอื่น: คลิกเพิ่มการแจ้งเตือน
    • วิธีนำการแจ้งเตือนออก: คลิกนำการแจ้งเตือนออก นำออก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Google ปฏิทิน

ขั้นตอนถัดไป


               

หากต้องการใช้ฟีเจอร์ขั้นสูงของ Google Workspace สำหรับธุรกิจ

ลองใช้งาน Google Workspace วันนี้

 

 


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
พิมพ์ บันทึก หรือปรับแต่งคู่มือสำหรับศูนย์การเรียนรู้

ดูวิธีพิมพ์คู่มือสำหรับศูนย์การเรียนรู้ บันทึกคู่มือเป็นไฟล์ PDF หรือปรับแต่งคู่มือให้องค์กรของคุณ

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
17219891088174997177
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
false
false