ในหน้านี้
เลือกรูปแบบการอ้างอิง
คุณสามารถใช้รูปแบบต่อไปนี้ในภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกาสําหรับการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาและบรรณานุกรมได้
- MLA (Modern Language Association) ฉบับที่ 8
- APA (American Psychological Association) ฉบับที่ 7
- การอ้างอิงแบบนาม-ปีตามรูปแบบของ Chicago Manual of Style ฉบับที่ 17
หมายเหตุ: ปัจจุบันเรายังไม่รองรับการอ้างอิงแบบเชิงอรรถ (Notes and Bibliography)
เคล็ดลับ: หากต้องการใช้รูปแบบอ้างอิงที่ไม่รองรับซึ่งคล้ายคลึงกับที่เรามีให้บริการ คุณอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบที่รองรับให้ตรงกับความต้องการได้
วิธีที่ใช้งานรูปแบบการอ้างอิงร่วมกับบรรณานุกรม
วิธีตั้งชื่อบรรณานุกรมจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการอ้างอิงและแหล่งข้อมูลที่มี
- งานที่อ้างถึงหรือการอ้างอิง - แนะนำให้ใช้ชื่อนี้กับแนวทางการเขียนอ้างอิงแบบ MLA, APA และ Chicago ซึ่งบรรณานุกรมจะรวมเฉพาะแหล่งข้อมูลที่อ้างอิงเท่านั้น
- งานที่ปรึกษา - สามารถใช้ชื่อนี้กับรูปแบบ MLA ได้เมื่อต้องการระบุแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้อ้างอิงไว้ในงาน แต่อาจมีประโยชน์กับผู้อ่าน หากต้องการใช้ชื่อนี้ ให้อัปเดตชื่อด้วยตนเอง
ตั้งค่ารูปแบบการอ้างอิง
- เปิดเอกสารใน Google เอกสารแล้วคลิกเครื่องมือ การอ้างอิง
- ในแถบด้านข้าง ให้เลือกว่าจะใช้การจัดรูปแบบ MLA, APA หรือการอ้างอิงผู้แต่งและวันที่แบบชิคาโก
เพิ่มและแก้ไขแหล่งข้อมูล
แหล่งข้อมูลคือผลงานใดก็ตามที่อ้างอิงไว้ในเอกสาร เช่น หนังสือ วารสาร หรือเว็บไซต์ โดยเมื่อเพิ่มแหล่งข้อมูลแล้ว คุณจะใช้แหล่งข้อมูลดังกล่าวเพื่อเพิ่มการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาและสร้างบรรณานุกรมได้ ซึ่งบรรณานุกรมจะรวบรวมแหล่งข้อมูลทั้งหมดของคุณ หากมีการเพิ่มแหล่งข้อมูลที่ไม่ต้องการหรือไม่ได้ใช้อ้างอิง คุณก็ลบแหล่งข้อมูลดังกล่าวออกจากบรรณานุกรมได้
เพิ่มแหล่งข้อมูลด้วยตนเอง
-
เปิดเอกสารใน Google เอกสาร
- คลิกเครื่องมือการอ้างอิง
- ในส่วนการอ้างอิง ให้ตรวจสอบว่าได้เลือกรูปแบบที่ถูกต้องแล้ว
- คลิกเพิ่มแหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลือกประเภทแหล่งข้อมูล โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อเกี่ยวกับประเภทแหล่งข้อมูลและประเภทการเข้าถึง
- ในส่วนเข้าถึงโดย ให้เลือกวิธีที่ใช้เข้าถึงแหล่งข้อมูล โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อเกี่ยวกับประเภทแหล่งข้อมูลและประเภทการเข้าถึง
- เพิ่มผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงาน เช่น ผู้แต่ง บรรณาธิการ หรือผู้กํากับภาพยนตร์ หากต้องการเพิ่มชื่อองค์กรแทนบุคคล ให้เลือกช่องบริษัท/องค์กร โดยคุณสามารถเพิ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในงานได้มากกว่า 1 ราย
- เพิ่มรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับแหล่งข้อมูล คุณจะเห็นเครื่องหมายดอกจัน (*) สําหรับรายละเอียดที่แนะนําให้ระบุ
- คลิกเพิ่มแหล่งข้อมูลอ้างอิง
โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องที่ควรระบุในคู่มือรูปแบบการอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มแหล่งข้อมูลโดยอัตโนมัติ
คุณสามารถค้นหาหนังสือ บางส่วนของหนังสือ เว็บไซต์ และหนังสือพิมพ์ได้ทางออนไลน์ โดยระบบจะใช้ผลการค้นหาเพื่อสร้างแหล่งข้อมูลให้โดยอัตโนมัติ
-
เปิดเอกสารใน Google เอกสาร
- คลิกเครื่องมือการอ้างอิง
- ในส่วนการอ้างอิง ให้ตรวจสอบว่าได้เลือกรูปแบบที่ถูกต้องแล้ว
- คลิกเพิ่มแหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ตั้งค่าประเภทแหล่งข้อมูลเป็นหนังสือ ส่วนของหนังสือ เว็บไซต์ หรือบทความในหนังสือพิมพ์
- เลือกตัวเลือกเข้าถึงโดย ตามประเภทแหล่งข้อมูล ดังนี้
- สําหรับหนังสือและส่วนของหนังสือ ให้เลือกตัวเลือกใดก็ได้
- สําหรับบทความในหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ ให้เลือกเว็บไซต์
- คลิกค้นหาด้วย ISBN หรือค้นหาด้วย URL แล้วป้อน ISBN ของหนังสือหรือ URL ของเว็บไซต์
- คลิกค้นหา
- ตรวจสอบว่าแหล่งข้อมูลถูกต้อง แล้วคลิกต่อไป
- ป้อนข้อมูลเพิ่มเติมหรือแก้ไขแหล่งข้อมูล
- คลิกเพิ่มแหล่งข้อมูลอ้างอิง
เคล็ดลับ: หากต้องการสร้างแหล่งข้อมูลด้วยตนเองไม่ว่าจะเมื่อใดก็ตาม ให้คลิกอ้างอิงด้วยตนเอง
แก้ไขแหล่งข้อมูล
- วางเมาส์เหนือแหล่งข้อมูลที่ต้องการแก้ไขในแถบการอ้างอิงด้านข้าง
- ปุ่มเมนู จะปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของแหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คลิกเมนู แก้ไข
- แก้ไขข้อมูลของแหล่งข้อมูลในช่อง
- ช่องที่แนะนำจะมีเครื่องหมายดอกจันสีน้ำเงิน
- คลิกบันทึกแหล่งข้อมูลที่ด้านล่างสุดของแถบด้านข้าง
ลบแหล่งข้อมูล
การลบแหล่งข้อมูลออกจากส่วนการอ้างอิงไม่ได้เป็นการนํารายการใดๆ ออกจากเอกสาร คุณต้องลบรายการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาและบรรณานุกรมออกจากเอกสาร
- วางเมาส์เหนือแหล่งข้อมูลที่ต้องการลบในแถบการอ้างอิงด้านข้าง
- ปุ่มเมนู จะปรากฏที่ด้านข้างของแหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คลิกเมนู ลบ
เกี่ยวกับประเภทแหล่งข้อมูลและประเภทการเข้าถึง
เมื่อเพิ่มแหล่งข้อมูล คุณต้องกําหนดประเภทแหล่งข้อมูลที่ใช้อ้างอิง เช่น หนังสือ นิตยสาร ภาพยนตร์ และอื่นๆ และต้องระบุวิธีเข้าถึงแหล่งข้อมูลนั้นๆ ด้วย
ประเภทแหล่งข้อมูล
- หนังสือ - หนังสือที่มีผู้แต่งหรือบรรณาธิการคนเดียวกันทั้งเล่ม
- ส่วนของหนังสือ - ส่วนย่อยภายในเล่มหลักซึ่งแต่ละส่วนย่อยจะมีชื่อและผู้แต่งหรือบรรณาธิการที่ต่างกันไป ตัวอย่างเช่น หนังสือรวบรวมบทประพันธ์และเรื่องสั้น
- เว็บไซต์ - หน้าในเว็บไซต์
- บทความจากวารสาร - บทความในวารสารวิชาการ
- บทความในหนังสือพิมพ์ - บทความในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร
- ภาพยนตร์ - ภาพยนตร์
- ซีรีส์ - ซีรีส์โทรทัศน์ทั้งหมด
- ตอนของซีรีส์ - ตอนเดียวจากซีรีส์โทรทัศน์
- อื่นๆ - ประเภทแหล่งข้อมูลทั่วไปเมื่อไม่เกี่ยวข้องประเภทอื่นๆ ข้างต้น
เข้าถึงโดย
- สิ่งพิมพ์ ในภาพยนตร์ หรือในทีวี - ใช้สำหรับหนังสือ นิตยสาร ภาพยนตร์ หรือซีรีส์ที่ระบุได้ด้วยข้อมูลแหล่งที่มา
- เว็บไซต์ - ใช้สําหรับผลงานที่ระบุได้ด้วย URL เช่น เว็บไซต์หรือสําเนาหนังสือออนไลน์
- ฐานข้อมูลออนไลน์ - ใช้สําหรับผลงานที่ดึงมาจากฐานข้อมูลหรือบริการออนไลน์ เช่น JSTOR, YouTube หรือ Hulu ซึ่งผลงานเหล่านี้อาจมี URL จากฐานข้อมูลหรือบริการด้วย
- ด้วยตนเอง - (เฉพาะแหล่งข้อมูลประเภทอื่นๆ) ใช้สําหรับผลงานที่เข้าถึงด้วยตนเอง เช่น งานศิลปะในพิพิธภัณฑ์หรือการประชุมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาและสถานที่เฉพาะ
- เว็บไซต์ (เดิมอยู่ในรูปแบบสิ่งพิมพ์) - (เฉพาะประเภทบทความในหนังสือพิมพ์เท่านั้น) ใช้สําหรับผลงานบทความในหนังสือพิมพ์ซึ่งจําเป็นต้องแยกความแตกต่างระหว่างแหล่งที่มาที่เผยแพร่ครั้งแรกทางออนไลน์กับแหล่งที่มาที่เผยแพร่ครั้งแรกในรูปแบบสิ่งพิมพ์ซึ่งเข้าถึงได้ทางออนไลน์ในเวลาต่อมา
เพิ่มการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา
การอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา (หรือการอ้างอิงในวงเล็บ) จะปรากฏในข้อความของเอกสาร และเป็นการระบุแหล่งที่มาของข้อความที่คัดลอกมาหรืออ้างอิงถึง โดยปกติแล้วการอ้างอิงนี้จะปรากฏที่ท้ายประโยคข้อความที่คัดลอกหรืออ้างอิง
- วางเคอร์เซอร์ในตำแหน่งที่คุณต้องการให้การอ้างอิงปรากฏภายในข้อความของเอกสาร
- วางเมาส์เหนือแหล่งข้อมูลที่ต้องการอ้างอิงในแถบการอ้างอิงด้านข้าง
- ปุ่ม "อ้างอิง" จะปรากฏที่ด้านข้างของแหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คลิกอ้างอิง
- แหล่งข้อมูลนั้นจะปรากฏในรูปแบบที่คุณเลือกภายในข้อความของเอกสาร
- หากเห็น "#" ปรากฏในข้อความของเอกสาร ให้ลบออกหรือแทนที่ด้วยหมายเลขหน้าของการอ้างอิง
Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง