การแจ้งเตือน

Duet AI เปลี่ยนเป็น Gemini สำหรับ Google Workspace แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม

หยุดการเกิดข้อมูลรั่วไหลด้วย DLP

ตัวอย่างโอเปอเรเตอร์เงื่อนไขของกฎที่ซ้อนกันของ DLP สำหรับไดรฟ์

ใช้โอเปอเรเตอร์ AND, OR หรือ NOT กับเงื่อนไขของกฎ DLP สำหรับไดรฟ์

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ได้แก่ Frontline Standard; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Fundamentals, Education Standard, Teaching and Learning Upgrade และ Education Plus; Enterprise Essentials Plus  เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

DLP ของไดรฟ์และของ Chat พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้ Cloud Identity Premium ที่มีใบอนุญาต Google Workspace ด้วย สำหรับ DLP ของไดรฟ์ ใบอนุญาตจะต้องมีเหตุการณ์ในบันทึกของไดรฟ์

เมื่อสร้างกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหลสำหรับ DLP คุณจะต้องเพิ่มเงื่อนไขที่ทริกเกอร์กฎเหล่านี้ โดยเงื่อนไขดังกล่าวจะซ้อนอยู่ในเงื่อนไขอื่นได้โดยใช้โอเปอเรเตอร์ AND, OR หรือ NOT บทความนี้จะอธิบายตัวอย่างกรณีการใช้งานทั่วไปสำหรับโอเปอเรเตอร์เหล่านี้ในเงื่อนไขในกฎของ DLP สำหรับไดรฟ์

ฟังก์ชันของโอเปอเรเตอร์ AND, OR และ NOT

โอเปอเรเตอร์ จุดประสงค์ในการใช้
AND การดำเนินการจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อตรงกับเงื่อนไขทั้งหมดที่รวมด้วยโอเปอเรเตอร์ AND เท่านั้น เช่น เงื่อนไขจะบล็อกการแชร์ได้หากเนื้อความในเอกสารมีคำว่าลับ AND Acme ซึ่งระบบจะบล็อกไม่ให้แชร์เฉพาะเอกสารที่มีคีย์เวิร์ดทั้งสองคำเท่านั้น หากเอกสารมีเพียงคำว่าลับ ระบบก็จะไม่บล็อกการแชร์
OR การดำเนินการจะเกิดขึ้นหากเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เงื่อนไขจะบล็อกการแชร์หากเอกสารมีคำว่าลับ หรือ Acme ระบบจะบล็อกเอกสารที่มีคำใดคำหนึ่งหรือทั้งสองคำ
NOT เงื่อนไขนี้ไม่รวมอยู่ในการประเมินผลก่อนที่จะเกิดการดำเนินการ

เคล็ดลับ: หากคุณเปลี่ยนใจไม่เพิ่มเงื่อนไข ให้คลิก เพื่อนำออกแล้วเริ่มใหม่อีกครั้ง

ตัวอย่างเงื่อนไขของกฎ DLP สำหรับไดรฟ์

ตัวอย่างที่ 1: เงื่อนไขของกฎ DLP ที่มีโอเปอเรเตอร์ AND และ OR

ในกรณีการใช้งานนี้ กฎจะทริกเกอร์เมื่อชื่อเอกสารมีคำว่าลับ และเนื้อหาในเอกสารมีหมายเลขหนังสือเดินทางหรือหมายเลขประกันสังคมของสหรัฐอเมริกา

แผนผังแนวคิดของกรณีการใช้งานนี้มีดังนี้

วิธีกำหนดค่ากรณีการใช้งานมีดังนี้

  1. ไปที่ส่วนเงื่อนไขในขั้นตอนการกำหนดค่ากฎ คลิกเพิ่มเงื่อนไข
  2. ระบุค่าดังต่อไปนี้ในช่องเงื่อนไข
    • ช่อง - ชื่อ
    • ค่า - มีคำ
    • ป้อนเนื้อหาที่จะจับคู่ - ลับ
  3. คลิกเพิ่มเงื่อนไข
  4. ในเงื่อนไขที่ 2 ให้คลิกเพิ่มกลุ่มเงื่อนไข แนบ ซึ่งจะสร้างกลุ่มเงื่อนไขใหม่ 2 ข้อ รองจากเงื่อนไขแรก
  5. ในกลุ่มเงื่อนไขใหม่ ให้เปลี่ยน AND เป็น OR
  6. ระบุค่าต่อไปนี้ในเงื่อนไขกลุ่มแรก
    • ช่อง - เนื้อความ
    • ค่า - ตรงกับตัวตรวจจับเริ่มต้น
    • ตัวตรวจจับเริ่มต้น - เลื่อนแล้วเลือกสหรัฐอเมริกา-หนังสือเดินทาง
    • เกณฑ์แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น - เป็นไปได้
    • เนื้อหาที่ตรงกันโดยไม่ซ้ำกันขั้นต่ำ - 1
    • จำนวนเนื้อหาที่ตรงกันขั้นต่ำ - 1
  7. ระบุค่าต่อไปนี้ในเงื่อนไขกลุ่มที่ 2
    • ช่อง - เนื้อความ
    • ค่า - ตรงกับตัวตรวจจับเริ่มต้น
    • ตัวตรวจจับเริ่มต้น - เลื่อนแล้วเลือกสหรัฐอเมริกา-หมายเลขประกันสังคม
    • เกณฑ์แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น - เป็นไปได้
    • เนื้อหาที่ตรงกันโดยไม่ซ้ำกันขั้นต่ำ - 1
    • จำนวนเนื้อหาที่ตรงกันขั้นต่ำ - 1
  8. คลิกต่อไปเพื่อกำหนดค่ากฎต่อ
ตัวอย่างที่ 2: เงื่อนไขของกฎ DLP ที่มีโอเปอเรเตอร์ AND และโอเปอเรเตอร์ NOT หลายรายการ

ในกรณีการใช้งานนี้ กฎจะทริกเกอร์เมื่อชื่อเอกสารมีคำว่าลับ แต่ไม่มีคำว่าเผยแพร่ และส่วนเนื้อความในเอกสารไม่มีสตริงปลอดภัยสำหรับการแชร์

แผนผังแนวคิดของกรณีการใช้งานนี้มีดังนี้

วิธีกำหนดค่ากรณีการใช้งานมีดังนี้

  1. ไปที่ส่วนเงื่อนไขในขั้นตอนการกำหนดค่ากฎ คลิกเพิ่มเงื่อนไข
  2. ระบุค่าดังต่อไปนี้ในช่องเงื่อนไข
    • ช่อง - ชื่อ
    • ค่า - มีคำ
    • ป้อนเนื้อหาที่จะจับคู่ - ลับ
  3. คลิกเพิ่มเงื่อนไข
  4. คลิก NOT ในเงื่อนไขใหม่
  5. ระบุค่าดังต่อไปนี้สำหรับโอเปอเรเตอร์ NOT รายการแรก
    • ช่อง - ชื่อ
    • ค่า - มี
    • ป้อนเนื้อหาที่จะจับคู่ - เผยแพร่
  6. คลิกเพิ่มเงื่อนไข
  7. คลิก NOT ในเงื่อนไขใหม่
  8. ระบุค่าดังต่อไปนี้สำหรับโอเปอเรเตอร์ NOT รายการที่ 2
    • ช่อง - เนื้อความ
    • ค่า - มี
    • ป้อนเนื้อหาที่จะจับคู่ - ปลอดภัยสำหรับการแชร์
  9. คลิกต่อไปเพื่อกำหนดค่ากฎต่อ
ตัวอย่างที่ 3: เงื่อนไขของกฎ DLP ที่มีโอเปอเรเตอร์ NOT และ OR

ในกรณีการใช้งานนี้ กฎจะทริกเกอร์เมื่อชื่อเอกสารไม่มีคำว่าปลอดภัย เผยแพร่ หรือไม่เป็นความลับ

แผนผังแนวคิดของกรณีการใช้งานนี้มีดังนี้

วิธีกำหนดค่ากรณีการใช้งานมีดังนี้

  1. ไปที่ส่วนเงื่อนไขในขั้นตอนการกำหนดค่ากฎ คลิกเพิ่มเงื่อนไข
  2. คลิก NOT
  3. คลิกเพิ่มกลุ่มเงื่อนไข แนบ
  4. เปลี่ยน AND เป็น OR
  5. ระบุค่าดังต่อไปนี้สำหรับโอเปอเรเตอร์ OR รายการแรก
    • ช่อง - ชื่อ
    • ค่า - มีคำ
    • ป้อนเนื้อหาที่จะจับคู่ - เผยแพร่
  6. ระบุค่าดังต่อไปนี้สำหรับโอเปอเรเตอร์ OR รายการที่ 2
    • ช่อง - ชื่อ
    • ค่า - มีคำ
    • ป้อนเนื้อหาที่จะจับคู่ - ปลอดภัย
  7. คลิกเพิ่มเงื่อนไข
  8. ระบุค่าดังต่อไปนี้สำหรับโอเปอเรเตอร์ OR รายการที่ 3
    • ช่อง - ชื่อ
    • ค่า - มี
    • ป้อนเนื้อหาที่จะจับคู่ - ไม่ลับ
  9. คลิกต่อไปเพื่อกำหนดค่ากฎต่อ

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14203721485466567509
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false