ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับการสมัครใช้บริการ Voice Standard และ Premier ดูข้อมูลเพิ่มเติม
คุณสามารถตั้งค่าให้เมนูใน Google Voice นำทางผู้โทรไปยังบุคคลหรือแผนกที่ถูกต้องในองค์กรของคุณ การต่อสายตรงอัตโนมัติ (ระบบชุมสายอัตโนมัติ) จะเล่นเสียงข้อความและให้ผู้โทรเลือกตัวเลือก
เช่น ตั้งค่าเมนู "โปรดกด 1 เพื่อติดต่อทีมสนับสนุน สำหรับฝ่ายขาย กด 2 หากต้องการติดต่อโอเปอเรเตอร์ โปรดกด 0"
ขั้นตอนที่ 1 สร้างการต่อสายอัตโนมัติ
คุณสามารถสร้างการต่อสายตรงอัตโนมัติหรือเลือกการต่อสายตรงอัตโนมัติที่มีอยู่แล้วเพื่อแก้ไขได้จากหน้าต่างหลัก
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)
-
จากคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู แอปGoogle WorkspaceGoogle Voice
- คลิกการต่อสายตรงอัตโนมัติ
คอนโซลผู้ดูแลระบบจะแสดงรายการของการต่อสายตรงอัตโนมัติในองค์กรของคุณ - คลิกสร้างที่ด้านบน
- ป้อนชื่อสำหรับการต่อสายอัตโนมัติและจะเพิ่มคำอธิบายด้วยหรือไม่ก็ได้
- คลิกสร้าง
- ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อตั้งค่าการต่อสายอัตโนมัติ
ขั้นตอนที่ 2 เพิ่มคำทักทาย
ป้อนข้อความแรกที่ต้องการให้ผู้โทรได้ยินในส่วนคำทักทายเริ่มต้น
- ที่ใต้ส่วนข้อความต้อนรับ ให้คลิกที่เพิ่มข้อความต้อนรับ หรือ เพิ่มข้อความต้อนรับอีกข้อความแล้วเลือกตัวเลือกดังนี้
- ใช้การอ่านออกเสียงข้อความ (TTS) - ป้อนข้อความต้อนรับแล้วคลิกที่ค่าเริ่มต้นเพื่อเลือกภาษา ประเภทเสียง และความเร็วข้อความ คลิกตกลง
- อัปโหลดเสียงของคุณเอง - อัปโหลดข้อความที่บันทึกไว้ เลือกภาษา และเปลี่ยนข้อความที่บันทึกไว้ถ้าจำเป็น คลิกบันทึก
- (ไม่บังคับ) หากต้องการป้อนคำประกาศที่ผู้ใช้กดข้ามไม่ได้ ให้คลิกที่เพิ่มคำประกาศพิเศษแล้วเลือกตัวเลือก
เช่น คุณอาจจะเพิ่มคำว่า "ขณะนี้เราได้รับสายโทรเข้าจำนวนมากกว่าปกติ" - คลิกเสร็จสิ้น
ขั้นตอนที่ 3 ตั้งค่าการจัดการสายเรียกเข้า
ในส่วนการจัดการสายเรียกเข้า ให้เลือกการดำเนินการของการต่อสายตรงอัตโนมัติหลังจากที่ผู้โทรได้ยินคำทักทาย
เล่นข้อความเมนู
สร้างตัวเลือกเมนูให้ผู้โทรเลือก
- ป้อนข้อความที่อธิบายเมนูและตัวเลือกในช่องเพิ่มคำแนะนำเพิ่มเติม
ตัวอย่างเช่น "โปรดตั้งใจฟังและเลือกจากตัวเลือกเมนูต่อไปนี้"
- (ไม่บังคับ) หากต้องการใช้ภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา ให้คลิก en-US แล้วเลือกภาษาจากรายการ
- สำหรับช่องเพิ่มข้อความชี้แจงสำหรับปุ่ม n ให้ป้อนข้อความที่อธิบายให้ผู้โทรทราบว่าแต่ละปุ่มคือเมนูสำหรับอะไรบ้าง
ตัวอย่างเช่น "ติดต่อฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิค กด 1"
-
(ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนหมายเลขและปุ่มสำหรับข้อความชี้แจง ให้คลิกลูกศรลง แล้วเลือกปุ่มที่ใช้ได้
- ถัดจากเลือกการดำเนินการ ให้คลิกลูกศรลง และเลือกสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากเล่นข้อความสำหรับปุ่มนั้นๆ
ไปที่เมนูย่อย | โอนสายผู้โทรไปยังเมนูอื่น โดยคุณจะต้องตั้งค่าเมนูย่อยด้วย |
อ่านทวนเมนูนี้ | เล่นข้อความแนะนำอีกครั้ง |
เล่นข้อความ | เล่นข้อความที่คุณป้อน นอกจากนี้คุณยังต้องเลือกสิ่งที่ต้องทำต่อไป ดังนี้
|
โอนไปยังระบบฝากข้อความเสียง |
เล่นข้อความที่คุณป้อน จากนั้นส่งผู้โทรไปยังระบบข้อความเสียง คุณสามารถป้อนอีเมลที่จะรับข้อความเสียงได้สูงสุด 10 อีเมล |
โอนสายผู้โทร |
|
- (ไม่บังคับ) หากต้องการเพิ่มตัวเลือกเมนู ให้คลิกเพิ่มตัวเลือก
- (ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนลำดับตัวเลือกเมนู ให้ลาก ที่อยู่ถัดจากปุ่มขึ้นหรือลงตามลำดับ
- เมื่อเสร็จแล้วให้คลิกเสร็จสิ้น
โอนสายผู้โทร
ตั้งค่าหมายเลขปลายทางที่จะโอนสายผู้โทร
- ป้อนข้อความที่จะเล่นให้ผู้โทรฟังก่อนโอนในช่องประกาศเพิ่มเติม
ตัวอย่างเช่น "โปรดถือสายรอขณะที่เราโอนคุณไปยังแผนกขายของเรา"
- (ไม่บังคับ) หากต้องการใช้ภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา ให้คลิก en-US แล้วเลือกภาษาจากรายการ
- ในช่องประเภทการโอน ให้คลิกลูกศรลง แล้วเลือกประเภทการโอน
- ผู้ใช้ - ป้อนอีเมลของบุคคลในองค์กรของคุณเพื่อโอนผู้โทร หากเลือกผู้ใช้ที่ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ คุณจะได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด
- การต่อสายตรงอัตโนมัติ - คลิกลูกศรลง แล้วเลือกการต่อสายตรงอัตโนมัติเพื่อโอนสาย ทั้งนี้การต่อสายตรงอัตโนมัติจำเป็นต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ ไม่เช่นนั้นคุณจะพบข้อผิดพลาด
- หมายเลขโทรศัพท์—ป้อนหมายเลขโทรศัพท์เพื่อโอนสาย หากต้องการใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้อยู่ในสหรัฐอเมริกา ให้คลิกลูกศรลง แล้วเลือกประเทศหรือภูมิภาคจากรายการ
โอนไปยังระบบฝากข้อความเสียง
ตั้งค่าระบบฝากข้อความเสียงสำหรับผู้โทร
เล่นข้อความที่คุณป้อน จากนั้นส่งผู้โทรไปยังระบบข้อความเสียง คุณสามารถป้อนอีเมลที่จะรับข้อความเสียงได้สูงสุด 10 อีเมล
วางสายผู้โทร
การต่อสายตรงอัตโนมัติจะวางสายของผู้โทรหลังจากที่ผู้โทรได้ยินคำทักทาย
ขั้นตอนที่ 4 กำหนดเวลาทำงาน
สำหรับการโทรนอกเวลาทำการ การต่อสายตรงอัตโนมัติจะเล่นคำทักทายอื่นและจัดการการโทรในรูปแบบที่แตกต่างจากช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้คุณยังระบุตัวเลือกสำหรับวันหยุดเมื่อปิดทำการได้อีกด้วย
ตั้งค่าเวลาทำการ
- คลิกแก้ไขเวลาทำการทางด้านซ้าย
- เลือกเวลาทำการขององค์กรสำหรับเวลาเปิดทำการดังนี้
- 24 ชั่วโมงต่อวัน - (ค่าเริ่มต้น) การต่อสายตรงอัตโนมัติจะใช้ตัวเลือกมาตรฐานที่คุณตั้งไว้เสมอ ระบบจะไม่ใช้ตัวเลือกหลังเวลาทำการ
- เวลาทำการที่กำหนดเอง - เลือกเวลาทำงานให้กับองค์กร การโทรนอกเวลาเหล่านี้จะได้ยินตัวเลือกหลังเวลาทำการ
- เมื่อคุณตั้งเวลาเสร็จแล้วให้คลิกเสร็จสิ้น
ตั้งค่าการปิดในวันหยุด
- ในช่องการปิดทำการในวันหยุด ให้คลิกเพิ่ม และเลือกวันที่ผู้โทรจะได้ยินข้อความสำหรับหลังเวลาทำการ
- (ไม่บังคับ) หากต้องการเพิ่มวันอีก ให้ทำขั้นตอนข้างต้นซ้ำ
- เมื่อเสร็จแล้ว ให้คลิกเสร็จสิ้น
ตั้งค่าการดำเนินการนอกเวลาทำการ
- ให้ป้อนประกาศที่ผู้โทรจะได้ยินเมื่อพ้นเวลาทำการหรือในช่วงปิดวันหยุดในช่องการดำเนินการนอกเวลาทำการ
ตัวอย่างเช่น "เวลาทำการของเราคือ 9.00 น. - 17.00 น. ตามเขตเวลาตะวันออก โปรดโทรมาใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว"
- (ไม่บังคับ) หากต้องการใช้ภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา ให้คลิก en-US แล้วเลือกภาษาจากรายการ
- (ไม่บังคับ) หากต้องการเพิ่มประกาศอื่นในภาษาอื่น ให้คลิกเพิ่ม
- ถัดจากเลือกการดำเนินการ ให้คลิกลูกศรลง และเลือกการดำเนินการหลังจากที่เล่นประกาศ ดังนี้
วางสายผู้โทร | การต่อสายตรงอัตโนมัติจะยกเลิกการเชื่อมต่อกับผู้โทรหลังจากได้ยินประกาศ |
โอนไปยังระบบฝากข้อความเสียง |
เล่นข้อความที่คุณป้อน จากนั้นส่งผู้โทรไปยังระบบข้อความเสียง คุณสามารถป้อนอีเมลที่จะรับข้อความเสียงได้สูงสุด 10 อีเมล |
โอนสายผู้โทร |
|
-
เมื่อเสร็จแล้ว ให้คลิกเสร็จสิ้น
ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบการต่อสายตรงอัตโนมัติ
หลังจากสร้างหรือปรับเปลี่ยนการต่อสายตรงอัตโนมัติแล้ว คุณสามารถทดลองฟังตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงก่อนนำไปใช้จริงได้
- คลิกแสดงตัวอย่างที่ด้านขวาล่าง
- ที่พรอมต์ ให้คลิกโทร
Google Voice จะเปิดในแท็บใหม่ในเบราว์เซอร์ของคุณ ที่แผงควบคุมด้านขวา คุณจะดูและฟังตัวอย่างการโทรไปยังหมายเลขการต่อสายตรงอัตโนมัติที่คุณตั้งค่าไว้ได้ โดยแผงด้านขวาจะปรากฏนาน 1 นาที
- เลือกตัวเลือกต่อไปนี้
- หากต้องการทดสอบการต่อสายตรงอัตโนมัติ ให้คลิกโทร แล้วเลือกตัวเลือก
- หากต้องการเปลี่ยนการต่อสายตรงอัตโนมัติ ให้กลับไปที่ขั้นตอนก่อนหน้า
ขั้นตอนที่ 6 นำการต่อสายตรงอัตโนมัติไปใช้จริง
หลังจากทดสอบการต่อสายตรงอัตโนมัติแล้ว ให้นำไปใช้แทนที่เวอร์ชันก่อนหน้า
- คลิกนำไปใช้ที่ด้านล่างขวา
- หากได้รับข้อความเกี่ยวกับข้อผิดพลาดหรือข้อมูลที่ขาดหายไปในการตั้งค่าให้ทำดังนี้
- คลิกปิด
- แก้ไขข้อผิดพลาด
- นำไปใช้อีกครั้ง
- คลิกนำไปใช้เพื่อทำการยืนยัน
ขั้นตอนที่ 7 กำหนดหมายเลขโทรศัพท์
หมายเหตุ: หากต้องการใช้การต่อสายอัตโนมัติ คุณต้องกำหนดหมายเลข Voice ให้กับการต่อสายตรงที่ยังไม่ได้ถูกกำหนดให้กับผู้ใช้
- คลิกกำหนดหมายเลขทางด้านซ้ายในส่วนหมายเลขโทรศัพท์ แล้วเลือกตัวเลือกต่อไปนี้
- กำหนดหมายเลขใหม่ - เพื่อสร้างหมายเลข
- เปลี่ยนสิทธิ์เจ้าของหมายเลข - เพื่อนำหมายเลขการต่อสายตรงอัตโนมัติที่เคยกำหนดไว้ไปใช้งานอย่างอื่น
- กําหนดหมายเลขที่มีอยู่อีกครั้ง - ไปที่กําหนดหมายเลข Voice อีกครั้ง
- ในช่องประเทศ/ภูมิภาค ให้คลิกลูกศรลง แล้วเลือกประเทศหรือภูมิภาคจากรายการ
หากเลือกสถานที่ที่ไม่ใช่หนึ่งในสถานที่ของ Voice คุณจะได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเพิ่มสถานที่ของ Voice
- ในช่องที่อยู่สำหรับรับบริการ ให้ป้อนที่อยู่ขององค์กร
หมายเลข Voice ที่ใช้งานได้จะปรากฏขึ้น
- (ไม่บังคับ) หากต้องการค้นหาหมายเลขอื่น ให้คลิกเปลี่ยนเลือกถัดจากหมายเลขในรายการ
- คลิกกำหนด
ระบบจะทำการบันทึกข้อมูลให้ในขณะที่คุณกำลังป้อน