การแจ้งเตือน

Duet AI เปลี่ยนเป็น Gemini สำหรับ Google Workspace แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ใช้รายการที่อยู่เพื่อใช้การตั้งค่ากับผู้คนหรือโดเมนเฉพาะ

ใช้รายการที่อยู่ในการตั้งค่าจดหมายขยะ เนื้อหา และการกำหนดเส้นทาง

ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถสร้างกลุ่มของอีเมลและโดเมนที่เรียกว่ารายการที่อยู่ได้ ซึ่งรายการที่อยู่จะช่วยให้คุณใช้การตั้งค่า Gmail กับอีเมลหรือโดเมนที่ต้องการได้ ใช้รายการที่อยู่เมื่อต้องการยกเว้นที่อยู่หรือโดเมนที่เลือกไว้จากการตั้งค่า หรือใช้การตั้งค่ากับข้อความที่ได้รับหรือที่ส่งไปยังที่อยู่หรือโดเมนที่เลือก

การตั้งค่า Gmail ต่อไปนี้จะใช้รายการที่อยู่

คุณสามารถใช้รายการที่อยู่ใดก็ได้ในการตั้งค่าเหล่านี้ โดยจะใช้รายการที่อยู่ในการตั้งค่ามากกว่า 1 รายการได้

สร้างและจัดการรายการที่อยู่จากหน้าจัดการรายการที่อยู่ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ นอกจากนี้ คุณยังจัดการรายการที่อยู่จากการตั้งค่า Gmail ที่ใช้รายการได้อีกด้วย

หมายเหตุ: รายชื่อผู้ส่งที่ถูกบล็อกคือรายการที่อยู่ประเภทหนึ่งที่ใช้ได้เฉพาะในการตั้งค่าผู้ส่งที่ถูกบล็อกเท่านั้น

สร้างและจัดการรายการที่อยู่

แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับรายการที่อยู่

โปรดคำนึงถึงหลักเกณฑ์เหล่านี้เมื่อจัดการรายการที่อยู่ โปรดอ่านเกี่ยวกับการจับคู่รายการที่อยู่ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์เหล่านี้และวิธีการทำงานของรายการที่อยู่

  • รายการที่อยู่จะใช้ในการตั้งค่าได้มากกว่า 1 รายการ โดยการเปลี่ยนแปลงรายการที่อยู่จะส่งผลต่อการตั้งค่าทั้งหมดที่ใช้รายการนั้น
  • การตั้งค่าอาจมีรายการที่อยู่ได้มากกว่า 1 รายการ โดยที่อยู่ต้องตรงกับรายการที่อยู่เพียง 1 รายการในการตั้งค่า ระบบจึงจะถือว่าจับคู่ตรงกัน
  • Gmail จะตรวจสอบว่าอีเมลผู้ส่งในส่วน "จาก:" ตรงกับอีเมลหรือโดเมนในรายการที่อยู่หรือไม่ ซึ่ง Gmail จะไม่ใช้อีเมลในส่วน "Return-Path:" สำหรับการจับคู่รายการที่อยู่ 
  • Gmail จะตรวจสอบข้อกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับผู้ส่ง หากมีการระบุรายการที่อยู่ไว้หลายรายการ ที่อยู่นั้นจะต้องตรงกับรายการที่ระบุไว้อย่างน้อย 1 รายการ
  • โดยค่าเริ่มต้น ตัวเลือกการตรวจสอบสิทธิ์จะเปิดไว้สำหรับแต่ละอีเมลหรือโดเมน เราขอแนะนำให้คุณเปิดตัวเลือกนี้ไว้เสมอเพื่อช่วยปกป้องโดเมนของคุณจากการปลอมแปลงและการโจมตีที่เป็นอันตรายอื่นๆ โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในหัวข้อวิธีที่การตรวจสอบสิทธิ์ปกป้องโดเมนด้านล่าง
  • อีเมลที่เหมือนกันแต่มีข้อกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์ต่างกันจะถือว่าเป็นอีเมลที่แตกต่างกัน
  • เมื่อคุณแก้ไขรายการ ระบบจะเพิ่มที่อยู่ใหม่หรือที่แก้ไขไปยังรายการและจัดเรียงตามลำดับตัวอักษร โดยโดเมนจะมาก่อนผู้ใช้
  • หลักเกณฑ์ในการแก้ไขรายการที่อยู่มีดังนี้
    • ระบบรองรับชื่อโดเมนในรูปแบบ solarmora.com หรือ @solarmora.com
    • ระบบรองรับอีเมลในรูปแบบมาตรฐาน user@solarmora.com
    • ระบบไม่รองรับอีเมลที่ใส่จุด .@solarmora.com
    • การตั้งค่านี้จะอนุญาตให้คุณป้อนอีเมลที่ใช้ไวลด์การ์ดได้ แต่ตรรกะการตั้งค่าจะจับคู่เฉพาะกับอีเมลแบบเต็มเท่านั้น ดังนั้นการป้อนอีเมลที่ใช้ไวลด์การ์ดจะไม่มีผลใดๆ เช่น *@solarmora.com
สร้างรายการที่อยู่
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นGoogle Workspaceจากนั้นGmailจากนั้นการกําหนดเส้นทาง
  3. คลิกจัดการรายการที่อยู่ในหน้าการกำหนดเส้นทาง
  4. คลิกเพิ่มรายการที่อยู่ที่ด้านล่างของตารางรายการที่อยู่
  5. ป้อนชื่อรายการใหม่
  6. หากต้องการเพิ่มครั้งละ 1 ที่อยู่ ให้คลิกเพิ่มอีเมลและป้อนอีเมลหรือโดเมน
  7. หากต้องการเพิ่มที่อยู่หลายรายการพร้อมกัน ให้คลิกเพิ่มอีเมลพร้อมกันหลายรายการ ป้อนอีเมลหรือโดเมนที่คั่นด้วยคอมมา แล้วคลิกเพิ่ม
  8. คลิกบันทึกในช่องเพิ่มรายการที่อยู่ การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม

คุณยังสามารถสร้างรายการจากภายในการตั้งค่า Gmail ที่ใช้รายการที่อยู่ได้ด้วย ดังนี้

  1. ชี้ไปที่การตั้งค่าที่ใช้รายการที่อยู่และคลิกแก้ไข
  2. ในช่องแก้ไขการตั้งค่า ให้หาตัวเลือกรายการที่อยู่ สำหรับการตั้งค่า Gmail บางรายการ คุณต้องคลิกแสดงตัวเลือกเพื่อแสดงตัวเลือกรายการที่อยู่
  3. เลือกตัวเลือกรายการที่อยู่ แล้วคลิกสร้างหรือแก้ไขรายการ
  4. หน้าจัดการรายการที่อยู่จะเปิดในแท็บเบราว์เซอร์ใหม่ สร้างรายการที่อยู่ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น แล้วกลับไปยังช่องแก้ไขการตั้งค่าในแท็บเบราว์เซอร์เดิม
แก้ไขรายการที่อยู่
  1. คลิกจัดการรายการที่อยู่ในหน้าการกำหนดเส้นทาง
  2. ชี้ไปที่รายการที่ต้องการอัปเดตและคลิกแก้ไข

    คุณสามารถแสดงอีเมลหรือโดเมนได้มากถึง 1,000 รายการต่อหน้า ซึ่งค่าเริ่มต้นคือ 10 รายการ โดยให้เลื่อนดูหน้าต่างๆ เพื่อดูอีเมลหรือโดเมนชุดถัดไป

  3. หากต้องการเพิ่มที่อยู่ในรายการ ให้คลิกเพิ่มที่อยู่หรือเพิ่มอีเมลพร้อมกันหลายรายการ

    ป้อนอีเมลหรือชื่อโดเมนอย่างน้อย 1 รายการโดยคั่นด้วยคอมมาหรือเว้นวรรค

  4. หากต้องการลบที่อยู่ออกจากรายการ ให้ชี้ไปที่ที่อยู่ในรายการและคลิกลบ
  5. (ไม่บังคับ) เปลี่ยนการตั้งค่ากำหนดให้ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งหากจำเป็น
  6. คลิกบันทึก การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม

คุณยังสามารถแก้ไขรายการจากภายในการตั้งค่า Gmail ที่ใช้รายการที่อยู่ได้ด้วย ดังนี้

  1. ชี้ไปที่การตั้งค่าที่ใช้รายการที่อยู่และคลิกแก้ไข
  2. ในช่องแก้ไขการตั้งค่า ให้หาตัวเลือกรายการที่อยู่ สำหรับการตั้งค่า Gmail บางรายการ คุณต้องคลิกแสดงตัวเลือกเพื่อแสดงตัวเลือกรายการที่อยู่
  3. เลือกตัวเลือกรายการที่อยู่ แล้วคลิกสร้างหรือแก้ไขรายการ
  4. หน้าจัดการรายการที่อยู่จะเปิดในแท็บเบราว์เซอร์ใหม่ แก้ไขรายการที่อยู่ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น แล้วกลับไปยังช่องแก้ไขการตั้งค่าในแท็บเบราว์เซอร์เดิม
เปลี่ยนรายการที่อยู่ที่ใช้ในการตั้งค่า Gmail

คุณสามารถเปลี่ยนรายการที่อยู่ที่ใช้ในการตั้งค่า หรือเพิ่มรายการที่อยู่อื่นในการตั้งค่ารายการเดียวได้ดังนี้

  1. ชี้ไปที่การตั้งค่า Gmail ที่ใช้รายการที่อยู่และคลิกแก้ไข
  2. ในช่องแก้ไขการตั้งค่า ให้หาตัวเลือกรายการที่อยู่ สำหรับการตั้งค่า Gmail บางรายการ คุณต้องคลิกแสดงตัวเลือกเพื่อแสดงตัวเลือกรายการที่อยู่
  3. ทำตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
    • หากต้องการหยุดใช้รายการ ให้ชี้ไปที่ชื่อรายการและคลิกไม่ใช้
    • หากต้องการอัปเดตรายการที่ใช้ในการตั้งค่า ให้คลิกใช้รายการที่มีอยู่ และเลือกรายการสำหรับการตั้งค่านั้นๆ โดยสามารถเลือกได้มากกว่า 1 รายการ คลิก X เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงและปิดช่องเลือกรายการที่อยู่
    • หากต้องการใช้รายการใหม่หรืออัปเดตและใช้รายการ ให้คลิกสร้างหรือแก้ไขรายการ ซึ่งหน้าจัดการรายการที่อยู่จะเปิดในแท็บเบราว์เซอร์ใหม่ สร้างหรือแก้ไขรายการ แล้วกลับไปยังช่องเพิ่มการตั้งค่าในแท็บเบราว์เซอร์เดิม คลิกใช้รายการที่มีอยู่และเลือกรายการใหม่ 
ค้นหาโดเมนหรืออีเมลในรายการที่อยู่

ใช้ฟีเจอร์การค้นหาเพื่อค้นหาที่อยู่อย่างน้อย 1 รายการในรายการที่อยู่ที่ค่อนข้างยาว คุณสามารถเพิ่ม แก้ไข หรือลบรายการเมื่อมีคำค้นหาในช่องค้นหาได้ โดยการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ตรงกับเกณฑ์การค้นหาจะปรากฏหลังจากคุณล้างเกณฑ์การค้นหาเท่านั้น

หมายเหตุ: การค้นหาไม่ได้คำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่ เช่น หากค้นหา bert คุณจะเห็นผลการค้นหาที่มีทั้ง Bert, Bertrand และ Roberta

  1. แก้ไขรายการที่อยู่จากการตั้งค่า Gmail หรือหน้าจัดการรายการที่อยู่
  2. ป้อนอีเมลหรือโดเมนในช่องค้นหาที่อยู่ ที่ด้านบนของช่องแก้ไขรายการที่อยู่
  3. ป้อนอีเมลหรือโดเมนทั้งหมดหรือบางส่วน โดยระบบจะกรองรายการเพื่อแสดงเฉพาะผลลัพธ์ที่ตรงกับคำค้นหาเท่านั้น
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการล้างคำค้นหา ให้คลิก X

เกี่ยวกับการจับคู่รายการที่อยู่

การจับคู่รายการที่อยู่จะใช้กับผู้ส่งหรือผู้รับ

เมื่อโดเมนของคุณเป็นผู้รับอีเมลขาเข้า Gmail จะตรวจสอบผู้ส่งกับรายการที่อยู่

เมื่อโดเมนของคุณเป็นผู้ส่งอีเมลขาออก Gmail จะตรวจสอบผู้รับกับรายการที่อยู่

การตั้งค่าบางรายการจะใช้รายการที่อยู่กับอีเมลขาเข้า เช่น จดหมายขยะและผู้ส่งที่ถูกบล็อก การตั้งค่าบางรายการใช้รายการที่อยู่กับอีเมลขาเข้าและขาออก เช่น จำกัดการส่ง ซึ่งกฎการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎการกำหนดเส้นทางจะให้คุณเลือกว่าจะใช้การตั้งค่ากับอีเมลขาเข้า อีเมลขาออก หรือทั้งสองอย่าง

วิธีที่ Gmail ตรวจสอบผู้ส่ง

สำหรับอีเมลขาเข้า Gmail จะตรวจสอบว่าอีเมลผู้ส่งในส่วน "จาก:" ตรงกับอีเมลหรือโดเมนในรายการที่อยู่หรือไม่ ซึ่ง Gmail จะไม่ใช้อีเมลในส่วน "Return-Path:" สำหรับการจับคู่รายการที่อยู่ โดยทั่วไป อีเมลผู้ส่งในส่วน "จาก:" คืออีเมลที่ปรากฏเป็นอีเมลของผู้ส่งในกล่องจดหมายอีเมลของคุณ ส่วนอีเมลในส่วน "Return-Path:" จะปรากฏเฉพาะในส่วนหัวของข้อความเท่านั้น

หากมีการเปิดใช้ข้อกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับรายการที่อยู่ Gmail จะตรวจสอบว่าผู้ส่งผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แล้วหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่ง

หมายเหตุสำหรับการค้นหาบันทึกอีเมล: แม้ว่าการจับคู่รายการที่อยู่จะพิจารณาจากผู้ส่งในส่วน "จาก:" แต่การค้นหาบันทึกอีเมลจะแสดงผู้ส่งในส่วน "Return-path:"

วิธีที่ Gmail ตรวจสอบผู้รับ

สำหรับอีเมลขาออก Gmail จะตรวจสอบว่าผู้รับข้อความตรงกับอีเมลหรือโดเมนในรายการที่อยู่หรือไม่ โดยผู้รับคือที่อยู่ในช่อง "ถึง:" "สำเนา:" หรือ "สำเนาลับ:"

Gmail จะตรวจสอบผู้รับแต่ละรายแยกกันอย่างอิสระ หากผู้รับรายใดจับคู่ตรงกับรายการ ระบบจะนำกฎไปใช้กับสำเนาของข้อความที่ส่งให้ผู้รับรายดังกล่าวเท่านั้น เช่น หากรายการที่อยู่สำหรับการตั้งค่า TLS มี admin@solarmora.com แต่ไม่มี help@solarmora.com ก็จะมีเพียงสำเนาที่ส่งให้ admin@solarmora.com เท่านั้นที่ต้องใช้ TLS

เมื่อตรวจสอบผู้รับ Gmail จะยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่ง

จะเกิดอะไรขึ้นหากฉันเพิ่มโดเมนของตัวเองในรายการที่อยู่

หากคุณเพิ่มโดเมนของคุณในรายการที่อยู่ ระบบจะใช้การตั้งค่าที่ใช้รายการนั้นกับทั้งโดเมนของคุณ หากต้องการจัดการการส่งข้อความภายใน เราขอแนะนำให้เพิ่มอีเมลแต่ละอีเมลในรายการแทนการเพิ่มโดเมน

เหตุใดบางครั้งก็มีการระบุว่าที่อยู่ตรงกันทั้งที่ไม่ได้อยู่ในรายการ

บางครั้ง Gmail จะระบุว่าเป็นรายการที่ตรงกัน แม้ว่าที่อยู่จะไม่ได้อยู่ในรายการที่อยู่ก็ตาม เนื่องจาก Gmail ปรับอีเมลให้เป็นรูปแบบมาตรฐานก่อนจะตรวจสอบการจับคู่ที่ตรงกัน ดังนี้

  • ลบเครื่องหมายจุดและเครื่องหมายบวกออกจากชื่อผู้ใช้
  • ลบโดเมนย่อยออกจากอีเมล
  • เปลี่ยนอีเมลเป็นตัวอักษรพิมพ์เล็กทั้งหมด

เช่น อีเมลเหล่านี้ถือว่าเป็นอีเมลเดียวกันเมื่อจับคู่กับรายการที่อยู่: admin@solarmora.com, a.d.m.i.n@solarmora.com, admin@support.solarmora.com และ Admin@Solarmora.com

การตั้งค่ามีรายการที่อยู่ได้หลายรายการ โดยที่อยู่ต้องตรงกับรายการที่อยู่เพียง 1 รายการในการตั้งค่า จึงถือว่าจับคู่ตรงกันสำหรับการตั้งค่าดังกล่าว

การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งปกป้องโดเมนของคุณอย่างไร

โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะเปิดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งสำหรับรายการที่อยู่ใหม่ เมื่อเปิดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่ง ผู้ส่งจะจับคู่ตรงกับรายการที่อยู่ก็ต่อเมื่อข้อความของผู้ส่งได้รับการตรวจสอบสิทธิ์เท่านั้น

การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งจะใช้กับข้อความที่โดเมนของคุณได้รับเท่านั้น แต่จะไม่ใช้กับข้อความที่ส่งจากโดเมนของคุณ

ข้อสำคัญ: การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งจะช่วยปกป้องโดเมนของคุณจากอีเมลที่ปลอมแปลง เมื่อปิดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่ง Gmail จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อความนั้นส่งมาจากบุคคลที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ส่งหรือไม่ เราขอแนะนำให้คุณเปิดตัวเลือกการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งไว้เสมอเพื่อช่วยปกป้องโดเมนของคุณจากการปลอมแปลง จดหมายขยะ และการโจมตีที่เป็นอันตรายอื่นๆ

เปิดหรือปิดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งสำหรับอีเมลหรือโดเมน

โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะเปิดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งสำหรับรายการที่อยู่ใหม่ เราไม่แนะนำให้ปิดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่งสำหรับรายการที่อยู่ หากต้องการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับผู้ส่ง ให้ทำดังนี้

  1. แก้ไขรายการที่อยู่จากการตั้งค่า Gmail หรือหน้าจัดการรายการที่อยู่
  2. ชี้ไปที่รายการที่อยู่และคลิกแก้ไขในกล่องแก้ไขรายการที่อยู่
  3. เลื่อนหรือค้นหาที่อยู่เพื่ออัปเดต
  4. เปิดหรือปิดใช้ข้อกำหนดการตรวจสอบสิทธิ์ และคลิกบันทึก
วิธีการระบุการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่ง

เพื่อยืนยันการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่ง Gmail จะตรวจสอบว่าข้อความตรงตามเงื่อนไขอย่างน้อย 1 รายการหรือไม่ ดังนี้

  • ข้อความผ่านการตรวจสอบ SPF และผู้ส่งในส่วน "จาก:" ตรงกับผู้ส่งในส่วน “Return-path:”
  • ข้อความมีลายเซ็น DKIM ที่ถูกต้อง และโดเมนในลายเซ็นดังกล่าวตรงกับผู้ส่งในส่วน "จาก:"

โดยทั่วไป ผู้ส่งในส่วน "จาก:" จะปรากฏเป็นอีเมลของผู้ส่งในกล่องจดหมายอีเมลของคุณ ขณะที่อีเมลในส่วน "Return-Path:" มักจะปรากฏเฉพาะในส่วนหัวของข้อความเท่านั้น

โดเมนย่อยถือว่าตรงกับโดเมนหลัก เช่น admin@support.solarmora.com จะตรงกับ admin@solarmora.com

ข้อความต้องผ่านการตรวจสอบ DMARC ถึงจะผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งการตรวจสอบ DMARC กำหนดให้ข้อความต้องผ่าน SPF หรือ DKIM

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SPF, DKIM และ DMARC ในหัวข้อช่วยป้องกันการปลอมแปลง ฟิชชิง และจดหมายขยะ

ฉันควรทำอย่างไรหากจำเป็นต้องปิดการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ส่ง

โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะเปิดตัวเลือกการตรวจสอบสิทธิ์ไว้สำหรับอีเมลและโดเมนในรายการที่อยู่ เราขอแนะนำให้คุณเปิดตัวเลือกนี้ไว้เพื่อช่วยปกป้องโดเมนของคุณจากการปลอมแปลงและการโจมตีที่เป็นอันตรายอื่นๆ

หากคุณได้รับข้อความที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์จากผู้ส่งที่เชื่อถือได้ ให้ติดต่อผู้ส่งเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาการตรวจสอบสิทธิ์อีเมล

หากโดเมนของคุณได้รับข้อความที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์เพียงไม่กี่ข้อความ ให้พิจารณาจัดการข้อความเหล่านั้นด้วยกฎการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับเนื้อหาโดยใช้การตั้งค่าต่อไปนี้

  • ข้ามตัวกรองจดหมายขยะสำหรับข้อความนี้
  • ใช้การตั้งค่านี้สำหรับอีเมลหรือโดเมนที่ระบุเท่านั้น

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
16798612868523308091
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false