รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
คุณสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ในอุปกรณ์ Windows ที่ลงทะเบียนในการจัดการอุปกรณ์ Windows ได้โดยการเพิ่มการตั้งค่าที่กําหนดเองในคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google โดยให้ระบุตําแหน่งไฟล์ MSI ของแอปในไฟล์ XML ที่คุณกําหนดให้เป็นค่าของการตั้งค่าที่กําหนดเอง
ขั้นตอนที่ 1: รับรายละเอียดแอปที่จําเป็นและสร้างไฟล์ XML
หากต้องการสร้างไฟล์ XML คุณต้องมี URL ของแอป แฮชของไฟล์ และรหัสผลิตภัณฑ์
- ดาวน์โหลดไฟล์ MSI ที่ต้องการนำไปใช้งานในอุปกรณ์ Windows
หมายเหตุ: ไฟล์ติดตั้งแอปต้องมีให้ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของผู้ขายหรือตําแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่เข้าถึงได้ด้วยโปรโตคอล HTTP, HTTPS หรือ FTP ที่ผู้ดูแลระบบไอทีเป็นผู้ฝากไฟล์
ตัวอย่างเช่น คุณจะดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง 7‐Zip ได้จาก https://www.7-zip.org/a/7z1900-x64.msi
- เปิด PowerShell
- หากต้องการแฮชของไฟล์ ให้เรียกใช้ Get‑FileHash ‑Path PathToFile ‑Algorithm SHA256 โดยที่ PathToFile คือเส้นทางไปยังไฟล์ติดตั้งแอป บันทึกค่าแฮช ซึ่งเป็นสตริงความยาว 64 อักขระที่ปรากฏใน PowerShell
ตัวอย่างเช่น หากไฟล์ MSI 7-Zip อยู่ในโฟลเดอร์ "Downloads" ให้เรียกใช้ Get‑FileHash ‑Path C:\Users\ชื่อผู้ใช้\Downloads\7z1900‑x64.msi ‑Algorithm SHA256
- วิธีรับรหัสผลิตภัณฑ์
- คัดลอกสคริปต์ PowerShell ต่อไปนี้ลงในเครื่องมือแก้ไขข้อความและบันทึกเป็น Get-MSIFileInformation.ps1
param( [parameter(Mandatory=$true)] [IO.FileInfo]$Path, [parameter(Mandatory=$true)] [ValidateSet("ProductCode","ProductVersion","ProductName")] [string]$Property ) try { $WindowsInstaller = New-Object -ComObject WindowsInstaller.Installer $MSIDatabase = $WindowsInstaller.GetType().InvokeMember("OpenDatabase","InvokeMethod",$Null,$WindowsInstaller,@($Path.FullName,0)) $Query = "SELECT Value FROM Property WHERE Property = '$($Property)'" $View = $MSIDatabase.GetType().InvokeMember("OpenView","InvokeMethod",$null,$MSIDatabase,($Query)) $View.GetType().InvokeMember("Execute", "InvokeMethod", $null, $View, $null) $Record = $View.GetType().InvokeMember("Fetch","InvokeMethod",$null,$View,$null) $Value = $Record.GetType().InvokeMember("StringData","GetProperty",$null,$Record,1) return $Value } catch { Write-Output $_.Exception.Message }
- ใน PowerShell ให้เรียกใช้ PathToScript\Get‑MSIFileInformation.ps1 ‑Path PathToFile ‑Property ProductCode โดยที่ PathToScript คือตําแหน่งของสคริปต์ PowerShell และ PathToFile คือเส้นทางไปยังไฟล์ติดตั้ง MSI
ตัวอย่างเช่น หากคุณบันทึกสคริปต์ PowerShell ในโฟลเดอร์ "Desktop" เมื่อต้องการรับรหัสผลิตภัณฑ์สําหรับ 7-Zip ให้เรียกใช้ C:\Users\ชื่อผู้ใช้\Desktop\Get‑MSIFileInformation.ps1 ‑Path C:\Users\ชื่อผู้ใช้\Downloads\7z1900‑x64.msi ‑Property ProductCode
โดยรหัสผลิตภัณฑ์จะเป็นสตริงตัวเลขและตัวอักษรที่อยู่ในวงเล็บปีกกา เช่น {23170F69-40C1-2702-1900-00001000000}
- คัดลอกสคริปต์ PowerShell ต่อไปนี้ลงในเครื่องมือแก้ไขข้อความและบันทึกเป็น Get-MSIFileInformation.ps1
- วิธีสร้างไฟล์ XML
- คัดลอก XML ต่อไปนี้ลงในไฟล์ข้อความ
<MsiInstallJob id=""> <Product Version="1.0.0"> <Download> <ContentURLList> <ContentURL>MSI-URL</ContentURL> </ContentURLList> </Download> <Enforcement> <CommandLine>/quiet</CommandLine> <TimeOut>5</TimeOut> <RetryCount>3</RetryCount> <RetryInterval>5</RetryInterval> </Enforcement> <Validation> <FileHash>FileHash</FileHash> </Validation> </Product> </MsiInstallJob>
- ในแท็ก
<ContentURL>
ให้ใส่ URL ของไฟล์ MSI ที่ต้องการแทน MSI-URL - ในแท็ก
<FileHash>
ให้ใส่แฮชของไฟล์สำหรับไฟล์ MSI ที่ต้องการแทน FileHash - หากจำเป็น ให้อัปเดตพารามิเตอร์การติดตั้งในแท็ก
<Enforcement>
โปรดดูรายละเอียดในเอกสารประกอบของ Microsoft - บันทึกไฟล์
- คัดลอก XML ต่อไปนี้ลงในไฟล์ข้อความ
ขั้นตอนที่ 2: เพิ่มการตั้งค่าที่กำหนดเอง
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)
-
ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู อุปกรณ์อุปกรณ์เคลื่อนที่และปลายทางการตั้งค่าWindows
- คลิกการตั้งค่าที่กำหนดเอง
- คลิกเพิ่มการตั้งค่าที่กำหนดเอง
- วิธีปรับการตั้งค่าที่กำหนดเอง
- ป้อน EnterpriseDesktop ในช่อง OMA-URI แล้วเลือก ./Device/Vendor/MSFT/EnterpriseDesktopAppManagement/MSI/<Enter ProductID>/DownloadInstall
- ในส่วน OMA-URI ให้ใส่รหัสผลิตภัณฑ์ MSI แทน <Enter ProductID> โดยเข้ารหัสวงเล็บปีกกา หากต้องการจัดรูปแบบที่ถูกต้อง ให้ป้อน %7BProductID%7D โดยที่ %7B คือ "{" แบบเข้ารหัสและ %7D คือ "}" แบบเข้ารหัส
ตัวอย่างเช่น สตริง OMA-URI สำหรับ 7-Zip คือ ./Device/Vendor/MSFT/EnterpriseDesktopAppManagement/MSI/%7B23170F69-40C1-2702-1900-00001000000%7D/DownloadInstall
- เมื่อคุณเลือก OMA-URI ช่องชื่อจะอัปเดตเป็น "DownloadInstall" ให้ป้อนชื่อที่ไม่ซ้ำกันซึ่งมีชื่อแอปอยู่ด้วยเพื่อช่วยให้คุณหาเจอเมื่อดูรายการการตั้งค่าที่กำหนดเอง ตัวอย่างเช่น "ติดตั้ง 7-zip v19.0"
- สำหรับประเภทข้อมูล ให้เลือกสตริง (XML) คลิกอัปโหลด XML และเลือกไฟล์การกำหนดค่า XML ที่สร้างในส่วนแรก
- (ไม่บังคับ) ป้อนคำอธิบาย
- คลิกถัดไป หากต้องการดําเนินการต่อแล้วเลือกหน่วยขององค์กรที่จะใช้การตั้งค่าที่กําหนดเอง หากต้องการเพิ่มการตั้งค่าที่กำหนดเองอีก ให้คลิกเพิ่มอีก นโยบายเหล่านี้จะไม่มีผลกับหน่วยขององค์กรจนกว่าคุณจะคลิกถัดไป แล้วเลือกหน่วยขององค์กร
- เลือกหน่วยขององค์กรอย่างน้อย 1 หน่วยที่จะใช้นโยบายดังกล่าว
- คลิกใช้
ระบบจะติดตั้งแอปในอุปกรณ์ของผู้ใช้ภายใน 3 ชั่วโมงหากอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต สําหรับอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ระบบจะติดตั้งแอปในครั้งถัดไปที่มีการเชื่อมต่อ
ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันการติดตั้งแอป
มีหลายวิธีในการยืนยันว่าระบบได้ติดตั้งแอปที่คุณนำไปใช้งานผ่านการตั้งค่าที่กำหนดเองเรียบร้อยแล้ว การตรวจสอบในอุปกรณ์เป็นวิธีที่มีเวลาล่าช้าน้อยที่สุดในช่วงที่คุณใช้การตั้งค่าที่กำหนดเองไปจนถึงตอนที่ได้รับการตั้งค่านั้นในอุปกรณ์ เพราะคุณจะซิงค์เองได้
ในอุปกรณ์
- เปิด Settings ในอุปกรณ์ แล้วค้นหา Managed by Google
- หากติดตั้งแอปแล้ว แอปจะปรากฏอยู่ในส่วน Areas managed by Google ในส่วน Applications
- หากแอปไม่ปรากฏ ให้ซิงค์ด้วยตัวเอง 2 ครั้งเพื่อให้อุปกรณ์ได้รับการตั้งค่าที่กำหนดเอง ในขณะที่รอการติดตั้ง แอปจะปรากฏเป็นรหัสผลิตภัณฑ์ จากนั้นจึงปรากฏเป็นชื่อแอปหลังจากติดตั้งแล้ว
- ในกรณีที่แอปไม่ติดตั้งหลังจากซิงค์ด้วยตัวเอง ให้ดูค่าของการตั้งค่าที่กําหนดเองและตรวจสอบว่าตั้งค่าถูกต้องดีแล้ว
ในคลังแอปของอุปกรณ์ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ
วิธีนี้ช่วยให้คุณตรวจสอบแอปที่ติดตั้งในอุปกรณ์ได้จากระยะไกล หมายเหตุ: ระบบอาจใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมงก่อนที่ข้อมูลแอปจะปรากฏในรายการแอป
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)
-
ไปที่เมนู อุปกรณ์ภาพรวม
- คลิกปลายทาง
- คลิกอุปกรณ์ หากองค์กรมีอุปกรณ์หลายเครื่อง ให้ใช้ตัวกรองหรือแถบค้นหาเพื่อเจาะจงหาอุปกรณ์ที่ต้องการ
- คลิกแอปที่ติดตั้ง แล้วยืนยันว่ามีแอปอยู่ในรายการ
ถอนการติดตั้งแอป
คุณสามารถถอนการติดตั้งแอปที่ติดตั้งด้วยการตั้งค่าที่กําหนดเองได้ แต่จะใช้การตั้งค่าที่กําหนดเองเพื่อถอนการติดตั้งแอปที่ติดตั้งด้วยวิธีอื่นไม่ได้
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)
-
ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู อุปกรณ์อุปกรณ์เคลื่อนที่และปลายทางการตั้งค่าWindows
- คลิกการตั้งค่าที่กำหนดเอง
- คลิกหน่วยขององค์กรที่ต้องการถอนการติดตั้งแอปทางด้านซ้าย หากต้องการถอนการติดตั้งแอปให้กับผู้ใช้ทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด
- ชี้ไปที่การตั้งค่าที่กําหนดเอง แล้วคลิกลบหรือปิดใช้ คลิกลบเพื่อยืนยันการลบ
หากเลือกหน่วยขององค์กรระดับย่อยที่รับการตั้งค่าที่กําหนดเองจากหน่วยระดับบนสุด คุณจะต้องปิดใช้การตั้งค่าที่กําหนดเองเพราะจะลบการตั้งค่านั้นให้กับคนที่เหลือในองค์กรไม่ได้ หากเปลี่ยนใจ ให้คลิกรับค่าเพื่อติดตั้งแอปในอุปกรณ์ในหน่วยขององค์กรระดับย่อยอีกครั้ง
Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง