เกี่ยวกับรายงานการระบุแหล่งที่มา

เมื่อคุณตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion แล้ว คุณจะมีสิทธิ์เข้าถึงรายงานการระบุแหล่งที่มา ซึ่งเป็นชุดรายงานเกี่ยวกับ Conversion (การกระทำที่สำคัญซึ่งลูกค้าของคุณดำเนินการบนเว็บไซต์ เช่น การซื้อและการลงชื่อสมัครใช้อีเมล) ที่มีประโยชน์

ข้อดี

รายงานการระบุแหล่งที่มาจะแสดงเส้นทางที่ลูกค้าใช้ในการทำให้เกิด Conversion และให้ข้อมูลเชิงลึกว่าการโฆษณาที่แตกต่างกันจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้าง Conversion ได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น คุณจะดูได้ว่ามี Conversion ใดบ้างที่ได้รับการสนับสนุนจากคีย์เวิร์ดบางรายการ แต่ท้ายที่สุดแล้ว Conversion เหล่านั้นกลับเกิดขึ้นได้ด้วยคีย์เวิร์ดอื่น ข้อมูลนี้ทำให้คุณเข้าใจเส้นทาง Conversion ของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ดีกว่าการดูเพียงคีย์เวิร์ดที่ได้รับคลิกเป็นคำสุดท้าย

วิธีค้นหารายงานการระบุแหล่งที่มา

รายงานการระบุแหล่งที่มาช่วยให้เข้าใจแง่มุมต่างๆ ของข้อมูล Conversion 

วิธีดูรายงานการระบุแหล่งที่มา

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
  2. คลิกไอคอนเครื่องมือ Google Ads | เครื่องมือ [Icon] ด้านขวาบน
  3. ในส่วน "การวัด" เลือกการระบุแหล่งที่มา

เคล็ดลับ

หากคุณจัดการบัญชี Google Ads หลายบัญชีด้วยบัญชีดูแลจัดการ (MCC) คุณใช้เครื่องมือวัด Conversion ข้ามบัญชีได้ เมื่อคุณตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ข้ามบัญชีแล้ว ให้ใช้รายงานการระบุแหล่งที่มาในบัญชีดูแลจัดการ (MCC)

วิธีใช้การควบคุมรายงาน

รายงานการระบุแหล่งที่มามีการควบคุมรายงานดังต่อไปนี้ ใช้การควบคุมเหล่านี้เพื่อปรับแต่งรายงานและตรวจสอบข้อมูลที่สำคัญต่อธุรกิจมากที่สุด

ช่วงวันที่

ช่วงวันที่ที่คุณเลือกจะเป็นตัวกำหนดว่าจะรวม Conversion ใดในรายงาน คลิกช่วงวันที่ที่ด้านขวาบนของหน้าเว็บเพื่ออัปเดตช่วงวันที่ของรายงานทุกส่วน หากเลือกที่จะเปรียบเทียบช่วงวันที่ ให้คลิกสัญลักษณ์ "< >" ที่ปรากฏในแต่ละคอลัมน์เพื่อขยายคอลัมน์และดูข้อมูลสำหรับช่วงวันที่แต่ละช่วง 

คุณสามารถเลือกช่วงวันที่ย้อนหลังไปได้ถึง 2 ปี ข้อมูลรายงานเส้นทางและเครดิตการระบุแหล่งที่มาที่เก่ากว่า 2 ปีจะถูกลบออกและกู้คืนไม่ได้

หมายเหตุ: ใน "รายงานการเปรียบเทียบรูปแบบ" คุณอาจเห็นข้อความเกี่ยวกับข้อมูลย้อนหลังเพียงบางส่วนของช่วงวันที่ที่เลือกเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะบัญชีของคุณเพิ่งมีสิทธิ์ใช้การระบุแหล่งที่มาข้ามเครือข่าย รายงานจะกรองเครือข่ายหรือแคมเปญที่มีข้อมูลไม่เพียงพอออกโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงเมตริกประสิทธิภาพที่แม่นยํา โปรดเลือกช่วงวันที่ซึ่งเป็นปัจจุบันกว่านี้เพื่อดูข้อมูลที่สมบูรณ์

มิติข้อมูล

คลิกเมนูแบบเลื่อนลง "มิติข้อมูล" ที่ด้านซ้ายบนของหน้าเว็บเพื่อเปลี่ยนส่วนข้อมูลที่รายงานจะแสดง เช่น คุณสามารถเลือกแคมเปญ กลุ่มโฆษณา คีย์เวิร์ด และอื่นๆ

การกระทำที่ถือเป็น Conversion

เลือกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่จะรวมไว้ในรายงานโดยการคลิกเมนูแบบเลื่อนลง "การกระทำที่ถือเป็น Conversion" ที่ตรงกลางด้านบนของหน้าเว็บ โดยค่าเริ่มต้น แต่ละรายงานจะรวมการกระทําที่ถือเป็น Conversion ทั้งหมดที่คุณทําเครื่องหมายว่าเป็นการกระทําที่ถือเป็น Conversion หลัก

กรอบเวลามองย้อนกลับ

ใช้การควบคุม "กรอบเวลามองย้อนกลับ" เพื่อปรับเปลี่ยนกรอบเวลามองย้อนกลับของรายงานการระบุแหล่งที่มาเป็น 30, 60 หรือ 90 วัน รายงานส่วนใหญ่จะแสดงกรอบเวลามองย้อนกลับ 30 วันเมื่อคุณเปิดรายงานเหล่านั้น

หมายเหตุ: การควบคุม "กรอบเวลามองย้อนกลับ" แตกต่างจากการตั้งค่า "กรอบเวลา Conversion"

กรอบเวลามองย้อนกลับในรายงานการระบุแหล่งที่มาจะเป็นตัวกำหนดระยะเวลาย้อนกลับนับตั้งแต่การโต้ตอบกับโฆษณาที่ได้รับ Conversion ที่จะมีสิทธิ์ได้รับเครดิตการระบุแหล่งที่มา ตัวอย่างเช่น กรอบเวลามองย้อนกลับ 30 วันจะพิจารณาการโต้ตอบกับโฆษณาที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมถึง 30 มกราคมเมื่อจัดสรรเครดิตสำหรับ Conversion ที่เกิดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม

กรอบเวลา Conversion คือระยะเวลาหลังจากการโต้ตอบกับโฆษณาในระหว่างที่มีการบันทึก Conversion ใน Google Ads ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรอบเวลา Conversion

รายงาน "การเปรียบเทียบรูปแบบ" มีตัวเลือกกรอบเวลามองย้อนกลับมากกว่ารายงานอื่นๆ อยู่ 1 ตัวเลือก ตัวเลือก "ค่าเริ่มต้น" จะตั้งค่ากรอบเวลามองย้อนกลับของรายงานให้เท่ากับจำนวนวันที่คุณเลือกเป็นกรอบเวลา Conversion สำหรับการกระทำที่ถือเป็น Conversion แต่ละรายการภายในเครื่องมือ > การวัด > Conversion

รายงาน "ภาพรวม"

รายงาน "ภาพรวม" จะแสดงให้เห็นภาพรวมที่กว้างขึ้นของเส้นทาง Conversion โดยจะแสดงข้อมูล เช่น จำนวนวันและการโต้ตอบกับโฆษณาที่นำผู้ใช้ไปสู่การเกิด Conversion จำนวน Conversion ที่รวมการโต้ตอบกับโฆษณาจากอุปกรณ์มากกว่า 1 ชิ้น และแคมเปญที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสนับสนุนให้เกิด Conversion รายงานนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการทำ Conversion ของลูกค้า

รายงาน "เส้นทาง Conversion"

รายงาน "เส้นทาง Conversion" จะแสดงเส้นทางการทำ Conversion ที่ลูกค้าใช้บ่อยที่สุด โดยรายงานจะแสดงข้อมูลนี้โดยอิงตามโฆษณาที่ลูกค้าคลิกก่อนที่จะเกิด Conversion คุณดูรายละเอียดเพิ่มเติมภายในรายงานนี้ได้ด้วยการเลือกตัวเลือกจากเมนูแบบเลื่อนลง

เมนู "มุมมอง"

โดยค่าเริ่มต้น รายงานจะแสดงเส้นทางที่จะระบุข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับลำดับของการโต้ตอบกับโฆษณาของผู้ใช้ก่อนเกิด Conversion ทั้งนี้ระบบจะรวบรวมการโต้ตอบกับโฆษณาครั้งต่อไปที่มีค่ามิติข้อมูลเดียวกันให้กลายเป็นช่องทางติดต่อลูกค้าเดียวซึ่งจะแสดงจำนวนการโต้ตอบที่เกิดซ้ำ

เลือกเส้นทางการเปลี่ยนผ่านจากเมนู "มุมมอง" ที่ด้านบนของรายงาน เพื่อดูภาพรวมที่กว้างขึ้นของลำดับการโต้ตอบกับโฆษณาของผู้ใช้ก่อนเกิด Conversion เส้นทางการเปลี่ยนผ่านจะพิจารณาการโต้ตอบกับโฆษณาครั้งต่อไปที่มีค่ามิติข้อมูลเดียวกันว่าเป็นการโต้ตอบเดียว วิธีนี้มีประโยชน์ในการดูความเคลื่อนไหวของลูกค้าระหว่างคีย์เวิร์ด กลุ่มโฆษณาหรือแคมเปญต่างๆ ในเส้นทางที่ทำให้เกิด Conversion ของลูกค้า

มิติข้อมูล "อุปกรณ์"

เลือกมิติข้อมูลอุปกรณ์ เพื่อดูเส้นทางที่แยกตามอุปกรณ์ของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเราจะแสดงประเภทอุปกรณ์ (เดสก์ท็อป แท็บเล็ต อุปกรณ์เคลื่อนที่) องค์ประกอบที่อยู่ติดกัน 2 รายการในเส้นทางมีไว้สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นอุปกรณ์ต่างประเภทกัน ซึ่งทำให้คุณตรวจสอบลำดับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ลูกค้ามักใช้ก่อนจะทำให้เกิด Conversion ได้

รายงาน "เมตริกเส้นทาง"

รายงาน "เมตริกเส้นทาง" จะแสดงระยะเวลาและจำนวนการโต้ตอบที่นำผู้ใช้ไปสู่การเกิด Conversion นอกจากนี้ยังแสดงจำนวน Conversion ที่เกิดขึ้นหลังจากจำนวนวันหรือการโต้ตอบหนึ่งๆ และมูลค่าของ Conversion เหล่านั้นด้วย

"จำนวนวัน/ชั่วโมงเฉลี่ยต่อการเกิด Conversion"

โดยค่าเริ่มต้น รายงานจะแสดง "จำนวนวันเฉลี่ยต่อการเกิด Conversion" การแสดงผลนี้จะบอกให้คุณทราบว่าลูกค้าใช้เวลานานเท่าใดในการทำให้เกิด Conversion โดยจะมีแถวสำหรับจำนวนวันต่อการเกิด Conversion แต่ละรายการนับตั้งแต่การโต้ตอบกับโฆษณาครั้งสุดท้าย

ใช้เมนูแบบเลื่อนลง "วัดจาก" เพื่อแสดงเวลาที่วัดจากการโต้ตอบกับโฆษณาครั้งแรกหรือครั้งสุดท้าย ใช้เมนูแบบเลื่อนลง "วัดเป็น" เพื่อเลือกวันหรือชั่วโมง

มุมมอง "จำนวนวัน/ชั่วโมงเฉลี่ยต่อการเกิด Conversion" จะระบุข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระยะเวลาของวงจรการขายออนไลน์ หากโฆษณาเป็นคำกระตุ้นการตัดสินใจในทันที เช่น การลดราคาภายในวันเดียวหรือการรับสมัครเข้าร่วมกิจกรรม คุณจะต้องการจำนวนวัน/ชั่วโมงต่อการเกิด Conversion ที่ลดลง หากคุณกำลังใช้แคมเปญการรับรู้ถึงแบรนด์ การมีเวลาหน่วงที่นานขึ้น (กล่าวคือ จำนวนวัน/ชั่วโมงต่อการเกิด Conversion ที่เพิ่มขึ้น) อาจเหมาะสมกว่า ดังนั้นคุณจึงใช้ข้อมูลนี้เพื่อพิจารณาได้ว่าแคมเปญทำงานตามที่คาดหวังไว้ไหม และกรอบเวลา Conversion ใดที่ดีที่สุดสำหรับการกระทำที่ถือเป็น Conversion แต่ละรายการ

"การโต้ตอบเฉลี่ยต่อการเกิด Conversion"

หากต้องการดูจำนวนการโต้ตอบของผู้ใช้ในการทำให้เกิด Conversion ให้เลือกแท็บการโต้ตอบเฉลี่ยต่อการเกิด Conversion คุณใช้มุมมองนี้ได้เพื่อดูว่าความถี่ประเภทใดที่มีคุณค่าต่อการเพิ่ม Conversion มากที่สุด โปรดทราบว่ารายงานนี้จะแสดงเฉพาะคีย์เวิร์ดและโฆษณาในบัญชี Google Ads เท่านั้น และจึงเป็นสาเหตุที่เส้นทางการโต้ตอบเหล่านี้อาจดูสั้นกว่าที่คาดไว้

รายงาน "Conversion ที่ได้รับการสนับสนุน"

รายงาน "Conversion ที่ได้รับการสนับสนุน" แสดงความถี่ที่เครือข่าย แคมเปญ กลุ่มโฆษณา (หรือค่ามิติข้อมูลอื่นๆ) ปรากฏในเส้นทาง Conversion หากการโต้ตอบกับโฆษณา (เช่น การคลิกหรือ Conversion การดูอย่างมีส่วนร่วมใน YouTube) มีส่วนช่วยให้เกิด Conversion แต่ไม่ใช่การโต้ตอบกับโฆษณาที่เกิดขึ้นก่อน Conversion นั้นทันที จะเรียกว่า "คลิกและการดูสนับสนุน" หากการโต้ตอบกับโฆษณาเกิดขึ้นก่อน Conversion ทันที จะเรียกว่า "Conversion ของคลิกสุดท้าย" Conversion 1 รายการสามารถเกิดหลังการโต้ตอบกับโฆษณาสนับสนุนหลายรายการ คุณจึงอาจเห็น "คลิกและการดูสนับสนุน" มากกว่า Conversion ทั้งหมด

ลองดูตัวอย่างเส้นทาง Conversion ต่อไปนี้
 
     YouTube > Search > YouTube > YouTube
 
ในกรณีนี้ YouTube ได้รับ "คลิกและการดูสนับสนุน" 2 รายการ (จากการโต้ตอบครั้งที่ 1 และ 3) และ "Conversion ของคลิกสุดท้าย" 1 รายการ (จากการโต้ตอบครั้งที่ 4)

รายงานนี้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ระบุการโฆษณาที่ช่วยกระตุ้น Conversion มากที่สุดได้อย่างรวดเร็ว คุณอาจพบว่าคีย์เวิร์ดบางคำเป็นคลิกสุดท้ายสำหรับ Conversion แค่ไม่กี่รายการ แต่อันที่จริงได้ช่วยสนับสนุนให้เกิด Conversion มากมาย ในกรณีเช่นนั้น คุณอาจเลือกทดลองลงทุนเพิ่มเติมในคีย์เวิร์ดเหล่านี้เพื่อดูว่าจะสร้าง Conversion เพิ่มเติมให้ธุรกิจได้ไหม

รายงาน "การเปรียบเทียบรูปแบบ"

รูปแบบการระบุแหล่งที่มาคือกฎ หรือชุดของกฎที่กำหนดวิธีการให้เครดิตแก่แต่ละขั้นตอนบนเส้นทาง Conversion สำหรับ Conversion หนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน "การเปรียบเทียบรูปแบบ" "และวิธีใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาในเกี่ยวกับรูปแบบการระบุแหล่งที่มา

ข้อมูล Conversion ในรายงานการระบุแหล่งที่มาเทียบกับหน้า "แคมเปญ"

ข้อมูล Conversion ระหว่างรายงานการระบุแหล่งที่มากับหน้า "แคมเปญ" อาจแตกต่างกัน ทั้งนี้เนื่องจากวิธีนับ Conversion ที่ต่างกันตามเครือข่าย เวลาที่เกิดเหตุการณ์ และแหล่งที่มาของ Conversion

รายงานการระบุแหล่งที่มาจะช่วยให้คุณประมาณได้ว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการระบุแหล่งที่มาอาจส่งผลกระทบต่อการรายงาน Conversion อย่างไร Conversion ในหน้า "แคมเปญ" จะช่วยคุณประเมินและเพิ่มประสิทธิภาพหลังจากที่เปลี่ยนรูปแบบการระบุแหล่งที่มาแล้ว นอกจากนี้ คุณยังดูประสิทธิภาพที่ผ่านมาในรายงานการระบุแหล่งที่มาได้โดยใช้คอลัมน์ "รูปแบบปัจจุบัน"

ความแตกต่างของการรายงาน

วิธีการรายงาน Conversion ที่แตกต่างกันของรายงานการระบุแหล่งที่มาเมื่อเทียบกับหน้า "แคมเปญ" มีดังต่อไปนี้

  รายงานการระบุแหล่งที่มา หน้า "แคมเปญ"
เวลาที่เกิดเหตุการณ์ เวลาที่เกิด Conversion เวลาของคำขอโฆษณาที่เกิดขึ้นก่อนการคลิกที่นำไปสู่ Conversion (เพิ่มคอลัมน์ "ตามเวลาที่เกิด Conv." ลงในหน้า "แคมเปญ" เพื่อจับคู่กับเวลาในการรายงานในรายงานการระบุแหล่งที่มา)
ความครอบคลุมของเครือข่าย

เครือข่าย Search, YouTube (รวมถึงพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google), เครือข่าย Display ของ Google และสำรวจ

หมายเหตุ: แคมเปญ Performance Max และ Demand Gen จะมีป้ายกำกับว่า "ข้ามเครือข่าย"

เครือข่าย Search (รวมถึงพาร์ทเนอร์ Search), YouTube (รวมถึงพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google), เครือข่าย Display ของ Google, Gmail, Google Maps, App และสำรวจ
ความครอบคลุมของแคมเปญ

Search, Shopping (รวมถึง Smart Shopping), วิดีโอ, Display (ไม่รวมจ่ายสำหรับ Conversion) และ Demand Gen

ยังไม่รองรับ App Campaign

Search, Shopping (รวมถึง Smart Shopping), วิดีโอ, Display, Demand Gen, App, โรงแรม
ความครอบคลุมของรูปแบบวิดีโอ

ลำดับโฆษณา, บัมเปอร์, ในสตรีมแบบข้ามไม่ได้, ในสตรีมแบบข้ามได้

บัมเปอร์, Masthead, ในสตรีมแบบข้ามไม่ได้, นอกสตรีม, ในสตรีมแบบข้ามได้, วิดีโอในฟีด
ความครอบคลุมของ Conversion

เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads*, เป้าหมายและการนําเข้า Conversion (รวมถึง Conversion ของแอป Android) ของ Google Analytics, การนําเข้า Conversion ออฟไลน์, Conversion การโทร (การคลิกเพื่อโทร, การนําเข้าการโทร, Conversion การโทรจากเว็บไซต์) และ Conversion ของแอป

*หมายเหตุ: ทั้งพร็อพเพอร์ตี้ Google Ads และ Google Analytics 4 (GA4) รองรับ Conversion การดูอย่างมีส่วนร่วม (EVC) แต่ปัจจุบัน GA4 ยังไม่รองรับ Conversion ที่มาจากการแสดงผล (VTC)

แหล่งที่มาทั้งหมดในรายงานการระบุแหล่งที่มาและ Conversion การเข้าชมร้านค้า
กรอบเวลาประวัติ

"กรอบเวลา Conversion" จะใช้ในรายงานการระบุแหล่งที่มาด้วยวิธีเดียวกับที่ใช้กับหน้า "แคมเปญ"

นอกจากนี้คุณยังใช้ "กรอบเวลามองย้อนกลับ" ในรายงานการระบุแหล่งที่มาเพื่อกำหนดระยะเวลาย้อนกลับจาก Conversion ที่ต้องการรวมการโต้ตอบกับโฆษณาสำหรับข้อมูลในรายงานได้อีกด้วย เช่น คุณอาจต้องการพิจารณาเฉพาะการโต้ตอบกับโฆษณาภายใน 30 วันนับจากวันที่เกิด Conversion (โดยไม่คำนึงถึงกรอบเวลา Conversion ของ Conversion เหล่านั้น)

รายงาน "การเปรียบเทียบรูปแบบ" ยังมีตัวเลือกกรอบเวลามองย้อนกลับแบบ "ค่าเริ่มต้น" อีกด้วย โดยตัวเลือก "ค่าเริ่มต้น" จะกำหนดกรอบเวลามองย้อนกลับสำหรับ Conversion แต่ละรายการไปยังกรอบเวลา Conversion นั้นๆ

คุณกำหนด "กรอบเวลา Conversion" ให้กับการกระทำที่ถือเป็น Conversion แต่ละรายการได้ในส่วนเครื่องมือ > การวัดผล > Conversion ทั้งนี้ Google Ads จะไม่นับ Conversion ใดก็ตามที่ไม่มีการโต้ตอบกับโฆษณาก่อนหน้านี้ภายในกรอบเวลา Conversion ของตัวเอง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรอบเวลา Conversion

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
1461328262953555841
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false